บทที่ 10 ไม่ทำแล้วโว้ย
ก่อนที่หนิงเหมิงจะออกจากห้องทำงานของท่านประธาน ลู่จี้หมิงก็พูดกับเธออีก เขาพูดแบบลอยๆ แต่คำพูดลอยๆ นั้นรวมพลังงานไว้มาก ตรงเข้ากระแทกความภาคภูมิใจในตนเองของหนิงเหมิงอย่างจัง
“หนิงเหมิง จะพูดอีกครั้งนะ คุณไม่ใช่พวกที่จะทำเรื่องลงทุน”
เมื่อต้องเผชิญกับการดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ เป็นครั้งแรกที่หนิงเหมิงทนไม่ไหว เธอหันกลับไปมองหน้าเขาตรงๆ แล้วเอ่ยถาม
“ทำไมฉันถึงไม่ใช่พวกที่จะทำเรื่องลงทุน ฉันเคยคิดว่าฉันไม่ใช่คนที่จะทำงานเลขาฯ แต่ก็ทำงานกับคุณมาสามปีแล้วโดยที่ยังอยู่ดีมีสุข!”
รอยยิ้มเยาะเย้ยของลู่จี้หมิงทำให้มุมปากของเขาบุ๋มลึกลงไป “การเป็นเลขาฯ ต้องใช้ความรู้อะไร ไม่ใช่แค่คุณบริการผมให้ดี คุณก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วไม่ใช่หรือ ท่าทางซื่อๆ อ่อนต่อโลกของคุณตอนนี้ คิดจะทำเรื่องลงทุน กลวิธีในตลาดทุนคุณทำเป็นไหม!”
จริงๆ แล้วเขายังมีคำพูดต่อจากนั้น…
ในวงการการเงินที่สกปรก มันง่ายนักหรือไงที่ผมจะสอนเลขาฯ อย่างคุณให้สะอาดไม่แปดเปื้อน ให้เงินเดือนคุณก็ไม่น้อย ทำไมคุณถึงต้องโดดลงหลุมใหญ่สกปรกนี้ด้วย
ลู่จี้หมิงไม่ยอมพูดเหตุผลที่แท้จริงออกมาง่ายๆ เขาดึงดันขึ้นมา คำพูดดีๆ มีมากมายแต่ไม่ยอมพูด
ดังนั้นหนิงเหมิงจึงไม่เข้าใจสิ่งที่เขาคิดจริงๆ เธอรู้สึกเพียงว่าการเห็นคุณค่าในตนเองถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเป็นแผลใหญ่ เธอกำหมัดแน่น ซ่อนปลายนิ้วที่สั่นเทาเอาไว้ในฝ่ามือแล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับไปมอง
เธอไม่อยากเถียงอะไรอีกต่อไป โต้เถียงกับคนหัวดื้อมันได้อะไรขึ้นมา
ที่แท้คนคนหนึ่งจะดูถูกความคิดของอีกคนก็ทำได้โดยไม่ต้องมีเหตุผลและพื้นฐานอะไร
แต่เพราะอะไรล่ะ
เขาใช้อะไรมาดูแคลนเธออย่างนี้
เขามันไร้เหตุผลจริงๆ!
ชิวจวิ้นหลินยืนยันหนักแน่นว่าแผนกโปรเจ็กต์ลงทุนสองไม่ลงทุนในอุตสาหกรรมวัฒนธรรมแน่นอน หนิงเหมิงไม่ต้องการทำลายความเชื่อมั่นและความหวังของเพื่อน และไม่อยากจับงานครั้งแรกก็ล้มเหลวอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้ ที่สำคัญโปรเจ็กต์นี้เป็นโปรเจ็กต์ที่ดีอย่างแน่นอน มีการออกหลักทรัพย์ค้ำประกัน ได้กำไรไม่ขาดทุนแน่
ตอนนี้ทางจอมกลั่นแกล้งชิวจวิ้นหลินก็ไม่ให้ผ่านแล้ว หนิงเหมิงคิดว่าต้องหาทางอื่นให้ได้เท่านั้น
เธอตัดสินใจลองนำโปรเจ็กต์นี้ไปที่แผนกโปรเจ็กต์ลงทุนหนึ่ง เพียงแต่ทำเช่นนี้โปรเจ็กต์นี้ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับเธออีกแล้ว ต่อให้ผลออกมาเป็นเช่นนี้หนิงเหมิงก็ยอม ดีกว่าพับโปรเจ็กต์ในมือของเธอ
หนิงเหมิงแก้ไขแผนธุรกิจอีกครั้งจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ จากนั้นเธอก็หาโอกาสนำแผนธุรกิจนี้ไปให้ ผอ. เหรินผู้รับผิดชอบแผนกโปรเจ็กต์ลงทุนหนึ่งดู
ในอดีตตอนเธอเป็นเลขานุการของท่านประธาน เธอช่วย ผอ. เหรินในการจัดการพายุอารมณ์ของลู่จี้หมิงไปไม่น้อย ผอ. เหรินคิดถึงความดีของเธออยู่เสมอ
ดังนั้นเมื่อเธอนำแผนธุรกิจให้ ผอ. เหรินดูพร้อมกับเล่าที่มาที่ไป ผอ. เหรินก็ไม่ลังเลใจเท่าไหร่ รับแผนธุรกิจไปพร้อมกับรับปาก
“ผมจะขอให้คนที่ทำหน้าที่ต่อประเมินบีพี* โดยเร็วที่สุด ถ้าไม่มีปัญหาผมจะจัดคนที่รับผิดชอบประสานงานกับคุณโดยเร็วที่สุด”
ในที่สุดหนิงเหมิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังดีที่เธอไม่ทำให้คนอื่นผิดหวัง
เธอโทรหาซีเหลียนและอธิบายสถานการณ์สั้นๆ โดยบอกอีกฝ่ายว่าโปรเจ็กต์กำลังดำเนินการ ด้วยตำแหน่งของเธอไม่อาจจะตัดสินใจได้ เธอจึงมอบให้หัวหน้าระดับผู้อำนวยการดำเนินการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ขอให้ซีเหลียนวางใจ
ซีเหลียนแสดงความเข้าใจและขอบคุณมาตามสาย พร้อมสัญญาว่าไม่ว่าหนิงเหมิงจะรับดูแลโปรเจ็กต์นี้หรือไม่ก็ตาม ถ้าสามารถทำสำเร็จได้เธอต้องให้ผลตอบแทนสิบเปอร์เซ็นต์กับหนิงเหมิงแน่นอน