เมื่อเธอกลับไปที่โต๊ะทำงานก็นั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ยิ่งเธอนั่งนิ่งและโกรธมากขึ้น ใจเธอก็มีแผนการคร่าวๆ ขึ้นมา
เรื่องนี้เธอไม่อาจยอมได้!
หนิงเหมิงโทรหาซีเหลียนก่อน แต่ไม่ได้ต่อว่าอีกฝ่ายเรื่องเซ็นสัญญาโดยไม่บอกก่อน กลับกลายเป็นซีเหลียนที่อ้ำๆ อึ้งๆ ทำท่าทางราวกับไม่รู้ว่าควรจะขอโทษสำหรับความเห็นแก่ตัวของตัวเองดีไหม บรรยากาศก็อึดอัด หนิงเหมิงจึงทำลายความอึดอัดนี้โดยการขอให้ซีเหลียนส่งแฟ็กซ์สัญญาข้อตกลงที่เธอเซ็นกับชิวจวิ้นหลินเป็นการส่วนตัว สัญญาใต้ลิ้นชักที่ซีเหลียนบอกว่าจะโอนสิบเปอร์เซ็นต์ในสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของผลประโยชน์ที่เธอได้เข้าบัญชีส่วนตัวของชิวจวิ้นหลิน
ซีเหลียนถามหนิงเหมิงว่าเธอต้องการให้แฟ็กซ์เพื่ออะไร ในเมื่อหัวหน้าของเธอก็มีอีกชุดไม่ใช่เหรอ
หนิงเหมิงสงบสติอารมณ์และบอกว่าสำเนาของ ผอ. ชิวไม่ทันระวังถูกน้ำหกใส่ มีบางส่วนมันเลือนไป จะใช้สำเนาแฟ็กซ์นี้เป็นเอกสารแนบเสริมเข้าไป
ซีเหลียนแฟ็กซ์ข้อตกลงมาให้อย่างรวดเร็ว
หลังจากได้รับแฟ็กซ์แล้วหนิงเหมิงก็ไปหา ผอ. เหรินที่แผนกโปรเจ็กต์หนึ่ง
เธอกล่าวขอโทษ ผอ. เหริน “คุณเหริน ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉันเกรงว่าโปรเจ็กต์ที่บอกคุณก่อนหน้านี้คงจะทำไม่ได้แล้ว มันมีความผิดพลาดบางอย่าง แล้วฉันจะคุยรายละเอียดกับคุณทีหลัง ตอนนี้ฉันมีเรื่องจะต้องคุยกับประธานลู่ ฉันขอโทษจริงๆ!”
หนิงเหมิงโค้งคำนับอย่างรู้สึกผิดแล้วจากไป
ผอ. เหรินที่ยืนอยู่หลังเธอพึมพำกับตัวเองด้วยความงุนงง “โปรเจ็กต์นี้ดีมาก ทำไมถึงไม่ทำแล้วล่ะ”
หนิงเหมิงผละจาก ผอ. เหริน แล้วก็ถือแฟ็กซ์สัญญาใต้ลิ้นชักตรงไปที่ห้องทำงานของลู่จี้หมิง
“คุณเอาไอ้นี่ให้ผมดู คุณคิดจะให้ผมทำอะไร” ลู่จี้หมิงโยนข้อตกลงส่วนตัวไปบนโต๊ะทำงาน เงยหน้าขึ้นและมองหนิงเหมิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาอย่างไร้ความรู้สึก
ในน้ำเสียงของเขาเหมือนจะมีความไม่พอใจอยู่หลายส่วน
หนิงเหมิงอึ้งกับคำถามของอีกฝ่าย
เขาไม่ใช่ควรจะโมโหโกรธาหรอกหรือ เขาควรจะเรียกให้คนข้างนอกไปตามชิวจวิ้นหลินเข้ามาทันทีไม่ใช่หรือ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน แบบนี้ก็เท่ากับยักยอกรายได้ของบริษัทเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ใช่เหรอ
แต่ทำไมเขายังมีท่าทางเฉยเมยแบบนี้ล่ะ
ไม่เข้าใจจริงๆ
ความคิดในหัวของหนิงเหมิงขาดตอนแล้ว มีเสียงตึ้กดังขึ้น
ลู่จี้หมิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเรียกสติหนิงเหมิงที่กำลังงุนงงกลับมา “คุณมีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีก็ออกไป”
หนิงเหมิงกัดฟันสรุปความว่า “คุณไม่คิดว่าการกระทำของชิวจวิ้นหลินมันมีปัญหาหรือไง ที่สำคัญโปรเจ็กต์นี้เขาก็หลอกเอาไปจากฉันด้วย”
ลู่จี้หมิงขมวดคิ้วเข้าหากัน เส้นตรงกลางหว่างคิ้วเป็นสัญญาณว่ากำลังจะระเบิดอารมณ์
“คุณรู้สึกโดนรังแกใช่ไหม คุณไม่มีความสามารถในการควบคุมโปรเจ็กต์ด้วยซ้ำ จะน้อยใจทำไม”
ลู่จี้หมิงเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอีกครั้งและเขาก็หมดความอดทนแล้ว “มีอะไรจะพูดอีกไหม ถ้าไม่ก็รีบออกไปซะ จำไว้ว่าต่อไปอย่าเข้ามาหาผมตามอำเภอใจอีก ระดับของคุณยังไม่พอ นอกจากผู้บริหารระดับสูงที่สามารถเข้าห้องทำงานผมเมื่อไหร่ก็ได้ก็มีแค่เลขาฯ ผมเท่านั้น”
หนิงเหมิงกำหมัดแน่นแล้วก็คลายออก หลังจากหายใจเข้าลึกๆ อีกสองครั้ง ในที่สุดเธอก็ระงับความคิดที่จะวิ่งเข้าไปบีบคอคนให้ตายไว้ได้
ใจเธอด่าแรงๆ ลู่จี้หมิงพ่อแกน่ะสิ แล้วยิ้มออกมา
“ประธานลู่ ฉันคิดเสมอว่าแม้ว่าคุณจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ แต่คุณก็ถือว่าเป็นเจ้านายที่ดี คุณไม่สนับสนุนการกระทำที่ชั่วร้าย คุณไม่เชื่อคำใส่ร้ายป้ายสี แต่ดูจากตอนนี้…ฉันตาบอดไปเอง”
ลู่จี้หมิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น เขาชี้ไปที่ข้อตกลงฉบับนั้น เพิ่มระดับความดังของเสียงถามหนิงเหมิง
“เพราะข้อตกลงฉบับนี้ คุณถึงกล้าพูดกับผมแบบนี้เหรอ หนิงเหมิง ผมจะบอกคุณอีกครั้ง คุณไม่เหมาะกับการลงทุนจริงๆ ยอมแพ้ซะตั้งแต่ตอนนี้เถอะ!”
รอยยิ้มมุมปากของหนิงเหมิงสั่นเล็กน้อย แต่เธอรีบปรับอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบกระดาษที่พับสองครั้งออกมาจากกระเป๋าของตัวเองแล้วคลี่มันออกมา เธอเผยรอยยิ้มอย่างมืออาชีพและสง่างาม
“ประธานลู่ ไม่ต้องกังวลค่ะ ต่อไปฉันจะไม่เข้ามาในห้องทำงานของคุณตามอำเภอใจเป็นอันขาด!” เธอวางกระดาษแผ่นนั้นไว้ตรงหน้าลู่จี้หมิงเบาๆ ทว่าหนักแน่น “นี่คือจดหมายลาออกของฉัน”
ลู่จี้หมิงคุณเบ่งกับคนอื่นตลอด ลุงแกน่ะสิ ไม่ทำแล้วโว้ย!
เชิงอรรถ
* ร้านลู่กั่งเสี่ยวเจิ้น คือร้านอาหารไต้หวันที่มีสาขาที่เมืองเป่ยจิ่ง (ปักกิ่ง) ซั่งไห่ (เซี่ยงไฮ้) ฝูโจว (ฮกจิว) อู๋ซี อาหารคาวเน้นไปทางอาหารมณฑลฝูเจี้ยนและไต้หวัน โดยน้ำแข็งไสและบิงซูของร้านได้รับความนิยมมาก คนที่มาร้านลู่กั่งเสี่ยวเจิ้นหลังทานข้าวเสร็จมักจะสั่งบิงซู ซึ่งบิงซูมะม่วงของร้านนี้เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมมาก
* Tencent QQ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘คิวคิว’ เป็นโปรแกรมเมสเซนเจอร์สำหรับวินโดวส์ ผลิตโดยบริษัทเทนเซนต์จากประเทศจีน
* IP ย่อมาจาก Intellectual Property หมายถึงทรัพย์สินทางปัญญา
* ลูกกุ้ง หมายถึงคนที่อ่อนประสบการณ์
* BP ย่อมาจาก Business Plan หมายถึงแผนธุรกิจ
* โรคหวาดระแวง หรือพารานอยด์ (Paranoia) เป็นภาวะผิดปกติทางความคิดที่ทำให้เคลือบแคลงสงสัยหรือระแวงผู้อื่นอย่างไม่มีเหตุผล ผู้ป่วยอาจรู้สึกว่ามีคนจ้องทำร้ายอยู่ตลอดเวลา คิดว่าคนรอบข้างไม่ชอบตนเอง หรือไม่ไว้ใจผู้อื่น อาการเหล่านี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอาการหลงผิด ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นหรือเข้าสังคมได้ยาก
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน มิถุนายน 65)