“ปู…แกหยุดยิ้มได้แล้ว กลุ่มเด็กผู้หญิงทางโน้นกำลังจ้องมาที่แกเขม็งเลย!” ต้าสะกิดเตือนด้วยท่าทางตื่นๆ ขณะพวกเรากำลังจะเดินไปที่รถหลังออกจากคอนเสิร์ตที่เพิ่งจบลง ทำเอาฉันต้องหุบยิ้มฉับพลัน
พอหันไปมองตามทิศที่ต้าบอก ฉันก็สบตาเข้ากับเด็กสาวคนหนึ่งในกลุ่มนั้นอย่างจัง โอ้มายก็อดดด! นั่นมันนักเรียนของฉันทั้งนั้นเลยยย!
ต้ารีบฉุดฉันกับฝ้ายให้เดินอ้อมไปอีกทางโดยที่ไม่ต้องเฉียดไปใกล้เด็กเหล่านั้น แต่ทว่า…
“อาจารย์คะ เดี๋ยวก่อนค่ะ” เสียงใสๆ ที่เรียกตามหลังมาทำเอาเสียวสันหลังวาบ ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างลำเค็ญสุดๆ ขณะหยุดชะงักอยู่กับที่อย่างหมดทางเลี่ยง
“อาจารย์จริงด้วย พอปล่อยผมยาวแบบนี้เราเลยจำเกือบไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าจะเจออาจารย์ฉัตรลดาที่คอนเสิร์ตเควิน!” เด็กสาววัยรุ่นแต่งกายสดใสจำนวนสี่คนเข้ามายืนรายล้อมพวกเราเอาไว้ พากันยกมือไหว้พึ่บพั่บจนรับไหว้แทบไม่ทัน
“อาจารย์ก็ชอบเควิน ริชชี่เหมือนกันหรือคะ ดีใจจังเลยที่เห็นอาจารย์มาดูคอนเสิร์ตเควินเหมือนเรา” เด็กคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางดีใจ และเหมือนจะยอมรับฉันเข้าแก๊งอย่างยินดีสุดๆ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ พอดีมีคนให้บัตรเรามา แล้วหลานสาวพี่คนนี้เขาชอบเควินพอดี ก็เลยลากครูปูมาด้วย ครูปูเขาไม่ได้ชอบเควินหรอกค่ะ” ต้าเป็นคนใช้สติแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงที แถมยังยัดเยียดฝ้ายที่หน้าเด็กกว่าเพื่อนให้เป็นหลานตัวเอง แต่ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการโกหกแบบนี้มันโอเคไหม…
“อ้าว มาเพราะได้บัตรฟรีหรอกเหรอเนี่ย นึกว่าอาจารย์ชอบเควินเหมือนเราเสียอีก” เด็กคนหนึ่งกล่าวด้วยท่าทางผิดหวังและเสียความรู้สึก
“แต่เควินน่ารักสุดๆ เลยนะคะ ทำไมอาจารย์ถึงไม่ชอบ” หนึ่งในกลุ่มถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจจริงๆ “อย่างน้อยการมาดูคอนเสิร์ตคราวนี้ก็น่าจะทำให้อาจารย์ชอบเควินขึ้นมาบ้างแหละ ใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ…ก็ชอบขึ้นมานิดหนึ่งเหมือนกัน” ฉันตอบอย่างสงวนท่าที ก่อนจะถามเสียงเข้ม “แล้วพวกเธอมีสอบวันจันทร์ไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงยังมาดูคอนเสิร์ตกันอีก ไม่กลัวสอบตกรึไง”
“โธ่ อาจารย์ก็รู้ว่าอย่างพวกหนูไม่มีทางสอบตก คนเรามันก็ต้องมีช่วงรีแลกซ์ก่อนสอบกันบ้างสิคะ” เด็กสาวโอดครวญกันใหญ่
“เอาเถอะ แต่ก็อย่าไปบอกใครนะว่ามาเจอครูที่นี่…”
เด็กๆ พากันอึ้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ทำท่าคิกคักพร้อมรับคำอย่างร่าเริงอย่างดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด “ได้ค่า ไม่บอกแน่นอน แต่สัญญากับเราได้ไหมคะว่าคอนเสิร์ตเควินคราวหน้าอาจารย์จะมากับพวกเราด้วย เพราะหนูมั่นใจว่าวันนี้เควินต้องทำให้อาจารย์ตกหลุมรักอย่างจังจนอยากมาดูคอนเสิร์ตเขาอีกแน่นอน”
ต้ากับฝ้ายพากันหัวเราะขำ ในขณะที่ฉันได้แต่ยืนปั้นหน้าไม่ถูก
แล้วฉันก็พบว่านอกจากคำอธิษฐานในคืนแห่งปาฏิหาริย์จะไม่เป็นจริงแล้ว ฉันยังต้องเผชิญกับเรื่องแย่ๆ ที่มีเควิน ริชชี่เป็นต้นเหตุอีกต่างหาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฉันแทบไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลยแท้ๆ
“ได้ยินว่าเมื่อวันเสาร์อาจารย์ไปดูคอนเสิร์ตมาหรือคะ” นั่นปะไร คำถามเด็ดประจำบ่ายวันจันทร์จากเพื่อนอาจารย์คนหนึ่ง หลังจากฉันถูกมองแปลกๆ มาตั้งแต่เช้า นี่ขนาดว่าเป็นช่วงสอบ เด็กพวกนั้นยังสามารถกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าซีเอ็นเอ็น
ฉันยิ้มเข้มตามแบบฉบับของตัวเองแล้วพยักหน้าน้อยๆ รักษามาดเอาไว้อย่างดีไม่มีตกหล่น “ไปเป็นเพื่อนหลานสาวน่ะค่ะ”
ลำบากใจจริงๆ ที่ต้องแก้ตัวด้วยคำโกหกแบบนี้ ไม่รู้จะต้องพูดซ้ำอีกกี่ครั้งกว่าจะไม่มีคนถามอีก ที่แน่ๆ ความลับมันไม่มีในโลกจริงๆ
‘การอันใดในโลกนี้ ถ้าได้ยินถึงหกหู ก็สิ้นเป็นความลับ ถ้าได้ยินเพียงสี่หู บางทีจะไม่มีใครทราบต่อไป ถ้าได้ยินแต่สองหู แม้พระพรหมก็ไม่ทราบได้’ เป็นคำกล่าวในนิทานเวตาลบทหนึ่งซึ่งจริงแท้แน่นอนเสียนี่กระไร ไม่อยากจะนับให้เมื่อยเลยจริงๆ ว่ามีคนได้ยินความลับของฉันไปแล้วกี่หู!
“ท่าทางแกดูไม่ดีเลย” ต้าวางแก้วน้ำเย็นลงบนโต๊ะแล้วถามขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากเฝ้ามองฉันโซเซกลับเข้ามาในห้อง
“งานหนักจนเปลี้ยไปหมด แถมยังต้องปั้นหน้าโกหกใครๆ มาทั้งอาทิตย์อีกต่างหาก” ฉันรู้สึกอยากร้องไห้ การโกหกมันเลวร้ายสิ้นดี ฉันเหนื่อย… “จะตายอยู่แล้วเนี่ย”
“ปูอย่าคิดมากเลยนะ อย่างน้อยก็เพื่อเควิน”
ดูไม่ออกเลยว่าฝ้ายกำลังปลอบใจหรือว่าล้อเลียนฉันกันแน่…สรุปน่าจะไม่มีใครเข้าใจหัวอกฉันจริงๆ เลยสักคน…
หรือนี่จะเป็นคำเตือนจากสวรรค์ว่าฉันควรเลิกคลั่งไคล้ดาราอย่างไร้สาระเสียที ในเมื่อตัวเองทำหน้าที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติ จะรักจะชอบศิลปินยังไงก็ไม่ควรจะเกินพอดี แต่ฉันก็ชอบเควินด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีเวลาวิ่งตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่สามารถหาตารางงานในแต่ละวันของเขาได้ ไม่เคยอยากรู้ด้วยว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน แต่ฉันก็ชอบเควินมาก และมีความสุขกับความรู้สึกนี้โดยไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน เพียงแต่ฉันแค่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกที่มีออกมาอย่างเต็มที่เหมือนคนอื่น พอไม่อยากให้ใครรู้ก็เลยระแวงจนจะบ้าตาย
“หรือฉันควรจะเลิกเป็นแฟนคลับเควินเสียตั้งแต่ตอนนี้” แม้แต่ตัวฉันเองยังรู้สึกว่าเสียงที่พูดออกมามันฟังแล้วหดหู่ชะมัด
“โอ๊ยยย แกไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก อย่าคิดมาก ยังไงการรักเขามันก็เป็นความสุขอย่างเดียวของแกตอนนี้ไม่ใช่เหรอ ถ้าเมื่อไหร่ที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา การยึดเอาศิลปินเป็นที่พึ่งทางใจมันก็จางหายไปเองนั่นแหละ ตอนนี้ถ้าเขายังเป็นความสุขของแกอยู่ ก็ไม่เห็นต้องเลิกรักเขาเลย เป็นแฟนคลับเขาต่อไปเถอะ”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 ก.พ. 64