หลังจากนั้นฉันก็ไปเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำผัดมะกะโรนีทะเลให้เควินหนึ่งที่ ส่วนพวกเราทั้งสามยังคงอิ่มตื้อจากมื้อเย็น เควินช่างเป็นซูเปอร์สตาร์ที่กระเพาะโตอย่างน่าทึ่ง
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
เสียงถามจากร่างสูงที่เดินเข้ามาเงียบๆ ทำเอาฉันตกใจแทบทิ้งชามใส่กุ้งกับปลาหมึกสดลงบนพื้นครัวอเนกประสงค์ของฝ้าย
“ไม่มีค่ะ คุณไปนั่งดูทีวีรอดีกว่า” ฉันบอกแล้ววางชามลงบนเคาน์เตอร์ ก่อนเหลือบมองไปหน้าทีวี ต้ากับฝ้ายไม่ได้สนใจมองมาทางเราเลย
“ไม่เอา ผมอยากดูคุณทำอาหารมากกว่า” เควินบอกพลางนั่งลงบนเก้าอี้บาร์ตัวหนึ่ง
ฉันต้องรีบซ่อนรอยยิ้มดีใจสุดขีดเอาไว้แทบไม่ทัน หัวใจเต้นตึกตักเหมือนจะระเบิด จากที่หวั่นไหวมาตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยิ่งหนักกว่าเดิมอย่างยั้งไม่อยู่ สายตาคมกริบของเควินทำให้รู้สึกระทดระทวยจนยืนแทบไม่อยู่ แต่ก็ต้องยืนให้อยู่ เพราะต้องทำผัดมะกะโรนี
“คุณต้ากับคุณฝ้ายบอกว่าคุณปูเป็นครูสอนชั้น ม.ปลาย ท่าทางยังเด็กอยู่เลย”
ฉันปลื้มใจกับคำชมของเควินมากที่เขาบอกว่าฉันดูเด็ก ถึงจะฟังออกว่าเป็นแค่คำชมตามมารยาทก็เถอะ ฉันอยากเชื่อในสิ่งที่ทำให้ตัวเองสบายใจ
“ฉันเพิ่งเริ่มสอนได้ปีเดียว” ฉันบอกเขาเสียงเบา พยายามบังคับไม่ให้สั่น ไม่อยากดูโก๊ะกังถังแตกต่อหน้าเขามากไปกว่านี้ อย่างน้อยก็อยากดูปกติ “คุณไปนั่งรอก่อนก็ได้นะคะ คงยังไม่เสร็จง่ายๆ” ไม่ได้อยากไล่ให้เขาไปห่างๆ เลย แต่ถ้าเขายังอยู่ใกล้ๆ คงมีผลต่อสติสตังฉันจนรสชาติผัดมะกะโรนีออกมาแย่
“ขอรอตรงนี้ดีกว่า ผมอยากดูว่าคุณทำยังไงบ้าง ปกติผมจะติดรสชาติที่แม่ทำให้ทานมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยชอบอาหารที่คนอื่นทำเลย จนได้ทานของคุณวันนี้”
คืนนี้พอเควินกลับไปแล้ว ฉันจะคงนอนตายอย่างสงบอยู่บนเตียงท่ามกลางรูปภาพของเขาที่ติดอยู่ทั่วห้อง ฉันรู้ว่าเขากำลังหว่านเสน่ห์ให้แฟนคลับอย่างฉันยิ่งคลั่งไคล้หนักกว่าเดิม แต่แฟนคลับอย่างฉันชอบมาก ฉันโอเคทุกอย่าง
“วันนี้ผมอาจจะโชคร้ายนิดหน่อย แต่โชคดีมากที่มาเจอพวกคุณ”
นี่คงเป็นวิธีการสนทนาอย่างใกล้ชิดกับแฟนคลับในรูปแบบหนึ่งของเควิน มิน่าเขาถึงมีแต่คนรักมากมายเต็มบ้านเต็มเมือง เป็นเพราะเขาวางตัวได้น่าประทับใจอย่างนี้นี่เอง
“คุณหายมาทั้งวันแบบนี้ ที่บ้านไม่เป็นห่วงแย่หรือคะ” ฉันรู้ว่าเขาอยู่กับน้องชายแค่สองคนที่บ้าน
“โทรคุยกันแล้วครับ น้องชายผมก็ไม่อยู่บ้านเหมือนกัน”
เควินเหมือนมิได้รับรู้เลยว่าการที่เขามาอยู่ใกล้ขนาดนี้อาจทำให้หัวใจฉันหยุดเต้นได้ตลอดเวลา เขาคุยกับฉันอย่างเป็นกันเองและเป็นปกติเพราะไม่ได้คิดอะไรด้วย ในขณะคนที่คิดไปไกลมาตั้งแต่เช้าอย่างฉันเริ่มจะไม่ไหวแล้วล่ะ
“คุณปูเป็นครูสอนวิชาอะไรหรือครับ” เควินเป็นฝ่ายหาเรื่องคุยเพื่อไม่ให้เงียบเกินไป
“ภาษาอังกฤษค่ะ”
“ถนัดสอนภาษาไทยให้ฝรั่งรึเปล่าครับ ผมอยากขอมาเรียนด้วยบ้าง”
ฉันถึงกับมือไม้อ่อนเผลอทำตะหลิวหลุดมือตกใส่กระทะค่อนข้างแรง เควินคงตกใจจึงเงียบไปเลย ฉันหน้าร้อนผ่าวอย่างอับอาย ตอนนี้เขาคงรู้แล้วว่าตัวเองทำให้ฉันเสียอาการอย่างหนัก เพียงแต่ฉันพยายามทำเหมือนปกติดีต่อหน้าเขา เขาคงไม่ค่อยคุ้นเคยกับ ‘ตัวตื่นตูม’ แบบฉันสักเท่าไหร่ และตอนนี้อาจจะหลอนมาก
“คุณสามคนรู้จักกันมานานแล้วหรือครับ” เควินเปลี่ยนเรื่องคุย เลิกขอมาเรียนภาษาไทยด้วยอีก
“ตั้งแต่ ม.ปลาย แล้วค่ะ ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดที่โอนย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ ตอนมาใหม่ๆ ฉันไม่ค่อยคุ้นกับที่นี่ แต่จะมีต้ากับฝ้ายคอยช่วยเหลือเสมอ จนถึงมหาวิทยาลัยเราก็สอบได้ที่เดียวกันแต่คนละคณะ แต่เราก็ยังคบกันมาจนถึงตอนนี้” ฉันอาจจะเล่าละเอียดเกินไป เควินน่าจะงงเล็กน้อย “แต่ต้ากับฝ้ายเขารู้จักกันมาก่อนค่ะ ครอบครัวเขาสนิทกันมานานแล้ว”
“ดีจังนะครับ ผมไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทอยู่ที่นี่เลย พูดจริงๆ ก็เรียกได้ว่าไม่ค่อยมีเพื่อนเลยด้วยซ้ำ”
น้ำเสียงเควินฟังปกติดี แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะลอบมองตาเขาเพื่อค้นหาแววเศร้าสลดของคนขาดเพื่อน แต่ดูเหมือนเขาจะสดใสดี คงไม่มีใครอารมณ์อ่อนไหวเท่าฉัน