“แล้วเพื่อนคนที่อยู่คอนโดฯ นี้ล่ะคะ คนที่ลืมคีย์การ์ดไว้ในรถคุณ”
“เป็นเหมือนเพื่อนร่วมงานมากกว่าครับ ไม่ใช่เพื่อนที่คบกันแบบพวกคุณสามคน”
ฉันทำเสียงรับรู้เบาๆ
“ห้องนี้น่าอยู่มากเลยนะครับ อาจจะเป็นเพราะคุณสามคนทำให้บรรยากาศมันน่าอยู่ขึ้น”
‘น่าอยู่ก็มาอยู่ด้วยกันสิคะ นอนที่ห้องฉันก็ได้ ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ’
ล้อเล่นนน ฉันไม่ได้พูดออกไปหรอก แต่ก็เป็นสิ่งที่อยากพูดออกไปจริงๆ คิดว่าชาติหน้าอาจจะกล้าพูด
“บ้านที่ไทยมีผมกับน้องชายอยู่ด้วยกันสองคน น้องผมยังเรียนอยู่ แต่ก็ชอบรับงานถ่ายแบบเดินแบบถ่ายโฆษณา บอกว่าให้เรียนจบก่อนค่อยทำก็ไม่ฟัง วันๆ เราแทบไม่เจอหน้ากัน” เควินเล่าเรื่องของเขาให้ฟังด้วยน้ำเสียงแบบชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย “ตอนมาใหม่ๆ ผมมาอยู่กับน้องชายของแม่ แต่เขาย้ายไปอยู่อเมริกาแล้ว พอน้องชายผมจบไฮสกูลก็ย้ายมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อน ส่วนพ่อแม่ผมนานๆ ทีถึงจะเจอกัน”
ฉันอยากบอกเควินเหลือเกินว่าประวัติส่วนตัวพื้นๆ พวกนี้แฟนคลับอย่างฉันรู้หมดทุกอย่าง ขอฟังเรื่องส่วนตัวแบบท็อปซีเคร็ตไม่มีหรือไงนะ แต่จริงๆ การได้ฟังเรื่องพื้นๆ จากปากเขาโดยตรงแบบนี้มันน่าดีใจมาก บางทีฉันอาจรู้ชีวประวัติส่วนตัวของเควินมากกว่าตัวเขาเองด้วยซ้ำ เพราะฉันเคยอ่านมาหมดทั้งบทสัมภาษณ์ของพ่อ แม่ น้องชาย น้าชาย และคนรอบตัวเขา
เควินตัดสินใจมาเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในเมืองไทยหลังจากจบไฮสกูลเพราะเขาเริ่มมีงานในวงการบันเทิงไทยตอนมาเที่ยวเมืองไทยช่วงเรียนไฮสกูล
แม้จะเป็นศิลปินยอดนิยมที่มีงานล้นทะลักเขาก็สามารถเรียนจบตามเกณฑ์ปกติได้ หลังเรียนจบมหาวิทยาลัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ เขาก็ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงมาเรื่อยๆ หลายคนคาดเดาว่าเควินไม่มีวันตัดขาดจากวงการบันเทิงและไม่มีทางกลับไปเป็นวิศวกรตามสายงานที่เรียนมา เพราะเขาเป็นศิลปินที่ครบเครื่องและเพียบพร้อมมากพอที่จะก้าวหน้าอยู่ในวงการนี้ต่อไปได้อีกยาวนาน
ในที่สุดผัดมะกะโรนีทะเลหน้าตาสวยปิ๊งก็เสร็จสมบูรณ์แม้ว่าแม่ครัวจะมีสภาพอารมณ์แปรปรวนเล็กน้อยเพราะผู้ชาย การต้องใกล้ชิดกับเควินตามลำพังภายในครัวแคบๆ มีผลต่ออารมณ์ฉันค่อนข้างมาก ทว่าอาหารของฉันก็ออกมาดีอย่างน่าพอใจ
“เควินนี่ดีจังนะ ดึกป่านนี้ยังกินอาหารแคลอรีสูงแบบนี้ได้โดยไม่อ้วน” ต้าเดินมาเปิดตู้เย็นในครัวพลางมองผัดมะกะโรนีจานโตของเควินอย่างทึ่งจัด
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ผมต้องทำงานหนัก แล้วก็ต้องหาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่อย่างนั้นกินจุขนาดนี้ยังไงก็อ้วน” เควินอธิบายก่อนจะลงมือรับประทานอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย
“ท่าทางเควินจะชอบผัดมะกะโรนีของปูเป็นพิเศษเลยนะคะ” ฝ้ายตั้งข้อสังเกตยิ้มๆ
“นั่นสิ จ้างยายปูไปเป็นแม่ครัวที่บ้านสิ ครั้งละร้อยสองร้อยยายปูก็ไปแล้วล่ะค่ะ”
เควินหัวเราะเบาๆ กับคำพูดของต้า แต่หน้าฉันร้อนฉ่าเหมือนกระทะหอยทอดทันที ที่ต้าพูดมันก็น่าฟังอยู่หรอก แต่ว่าที่มันบอกว่าร้อยสองร้อยก็ไปนั่นก็ดูถูกฉันเกินไป เควินดูขบขันแต่ฉันก็ไม่อยากเป็นตัวตลกในสายตาเขา ฉันอยากเป็นผู้หญิงที่ดูดีมีเสน่ห์สำหรับเขามากกว่า…
เดี๋ยวนะ ฉันเป็นแฟนคลับเขา และภูมิใจกับการเป็นแฟนคลับ ดังนั้นเขาจะคิดว่าฉันตลกดีหรือเห็นว่าฉันมีเสน่ห์มันก็ไม่ได้ต่างกัน
หลังจากทานอาหารเรียบร้อย เควินก็ขอบคุณพวกเราและขอตัวกลับอีกครั้ง คราวนี้ฉันรู้สึกใจหาย แม้ว่าวันนี้จะมีความสุขมากแต่ก็ยังรู้สึกว่ายังไงก็ไม่พอ ฉันเผลอมองตามเควินตาละห้อยอยู่นานจนเขาหันมาสบตาเข้าอย่างจัง เขายิ้มให้อย่างสุภาพโดยไม่ได้พูดอะไร ฉันเลยหน้าแดงเพราะทั้งเขินทั้งอายและเพราะคิดไปไกล
แต่มีเรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น เควินขอยืมโปรแกรมตกแต่งภาพรุ่นใหม่ที่ฝ้ายเพิ่งซื้อมา เพื่อเอาไปใช้กับคอมพิวเตอร์ที่บ้านของเขา เขาแลกเบอร์โทรศัพท์และอีเมลแอดเดรสกับฝ้ายเพื่อการติดต่อคืนโปรแกรมในภายหลัง ซึ่งตอนที่เควินเอ่ยปากออกมาว่ากำลังอยากใช้โปรแกรมนี้ ต้าก็รีบเอาของฝ้ายมายัดใส่มือเขาทันที
เอาอีกแล้ว มันแย่จริงๆ ที่ฉันรู้สึกอิจฉาฝ้ายที่เควินยืมแผ่นโปรแกรมของเธอไป จากที่ฉันเคยอารมณ์อ่อนไหวเป็นปกติอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นหลายเท่าภายในวันเดียวเพราะเควิน แต่อย่างน้อยฉันก็มีความหวังว่าอาจได้พบกับเควินเหมือนวันนี้อีกครั้งเพราะแผ่นโปรแกรมที่เขายืมฝ้ายไป
ขอขอบคุณช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์…