นาทีนั้นฉันอยากเดินหนีเข้าห้องนอนและไม่กลับออกอีกเลยจนกระทั่งถึงเวลาไปทำงานวันพรุ่งนี้ แต่ฉันก็ต้องพยายามเก็บอาการผิดปกติไว้ นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันรู้สึกอับอายทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
เวลานี้เควินคือคนที่ฉันไม่อยากมองหน้ามากที่สุด แต่กลับถูกทิ้งให้อยู่กับเขาตามลำพังภายในห้องฝ้าย เพราะต้ากับฝ้ายมีเพื่อนมารออยู่ที่ห้องต้าเพื่อประชุมกันเรื่องงานของการเรียนวิชาหนึ่ง ทั้งสองคนขอตัวออกไปหลังจากยืนยันกับเควินว่าจะให้คำตอบเขาภายในสองวันนี้
แทนที่จะขอตัวกลับเลย แต่เควินกลับบอกว่าจะอยู่คุยกับฉันต่ออีกสักพัก เควินอาจจะเป็นผู้ชายที่ละเอียดอ่อนและใส่ใจกว่าที่คิด เพราะฉันรู้สึกได้ว่าเขาพอจะเข้าใจความรู้สึกฉันอยู่บ้าง โดยที่เพื่อนทั้งสองของฉันกลับไม่ทันสังเกตเห็นปฏิกิริยาที่ผิดปกติของฉันเลย เควินดูระมัดระวังในการใช้คำพูดอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกลัวว่าจะเผลอพูดอะไรกระทบใจให้ฉันรู้สึกไม่ดี แต่ยิ่งเขาพยายามใส่ใจมันกลับยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่ เพราะฉันไม่อยากทำตัวเป็นมลภาวะหรือภาระทางความรู้สึกของใคร
ตอนที่คุยกับต้าและฝ้าย เควินมักจะสบตาฉันบ่อยๆ และยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนต้องการปลอบใจ ขณะที่ต้ากับฝ้ายมัวตื่นเต้นจนไม่ทันรู้สึกถึงความหดหู่ของฉัน แต่จะโทษทั้งสองคนไม่ได้เลย เพราะเป็นฉันก็คงดีใจจนเนื้อเต้นยิ่งกว่า คงไม่มีเวลาเหลียวมองความผิดหวังของคนข้างๆ
ความมั่นใจของฉันที่มีอยู่เพียงน้อยนิดตอนนี้กลับกลายเป็นตัวเลขติดลบเมื่อต้องมาเจอกับเรื่องอย่างนี้ อดไม่ได้ที่จะคิดเปรียบเทียบคุณค่าของตนกับเพื่อนรักที่แสนเพียบพร้อม จากนั้นก็รู้สึกรังเกียจตัวเองที่รู้สึกแบบนั้น ปกติฉันก็ไม่ใช่คนที่อยากได้ซีนอะไร แต่พอถูกทำเหมือนเป็นอากาศที่ว่างเปล่าแบบจังๆ อย่างนี้มันก็อดเสียใจไม่ได้เหมือนกัน
อันที่จริงจากตลอดหลายปีที่คบกันมา ฉันเคยชินกับความแตกต่างราวฟ้ากับเหวนี้นานแล้ว หรือจะเรียกว่าปลงตกและยอมรับความเป็นจริงได้มากกว่า แรกๆ ก็อิจฉาในสิ่งที่เพื่อนมีแต่ฉันไม่มีอยู่บ่อยครั้ง น้อยเนื้อต่ำใจกับสิ่งที่เพื่อนทำได้แต่ฉันไม่มีปัญหาทำได้ และเคยคิดว่าคงคบกันต่อไม่ได้เพราะไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันเกินไป แต่ต้ากับฝ้ายดีกับฉันมากและคอยประคับประคองความสัมพันธ์ของเราโดยไม่เคยทำอะไรให้ฉันรู้สึกแย่เลย จนฉันคิดได้ว่าอิจฉาไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้มองในแง่ดีว่าโชคดีที่มีพวกเธอเป็นเพื่อนดีกว่า แต่ก็ต้องมาเสียศูนย์จนได้เมื่อมาเจอเรื่องเกี่ยวกับเควินเข้าไป
“วันนี้คุณปูไม่มีงานยุ่งเหมือนคนอื่นใช่ไหมครับ”
ฉันวางจานผลไม้หลากชนิดลงบนโต๊ะ นั่งลงตรงข้ามกับเควิน “ไม่มีค่ะ”
“ดีเลย ผมก็ยังไม่อยากกลับ วันนี้เจอเรมี่พาเพื่อนมาทำงานกลุ่มที่บ้านเหมือนกันครับ”
ซวยละ แล้วแบบนี้อีกนานไหมเขาถึงจะกลับ หรือฉันต้องทนอึดอัดทรมานแบบนี้อีกไปอีกนานนับชั่วโมง…ถึงจริงๆ แล้วจะดีใจที่ได้อยู่กับเควินตามลำพัง เพราะถึงจะแอบรักเขาอย่างเสียสติและผิดปกติ แต่ลึกๆ แล้วความรู้สึกต้องการมีโมเมนต์ร่วมกับศิลปินมันก็ยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในใจแฟนคลับตัวยงอย่างฉัน… สรุปว่าตอนนี้ฉันก็ยังสับสนในชีวิตอยู่นั่นแหละ
ฉันพยายามยิ้มสดใสกับเควิน ไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีที่ต้องมาสงสารและเป็นห่วงความรู้สึกฉันซึ่งไม่ได้รับการเหลียวแลจากทีมงานของเขาหรือแม้แต่ตัวเขาเลย แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องมาทำท่าเห็นอกเห็นใจและเหมือนจะเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของฉันขนาดนี้…
“เรื่องที่เจอเรมี่ให้ข่าวไปแบบนั้น ทำให้คุณปูเดือดร้อนหรือเปล่าครับ” อยู่ๆ เควินก็ถามถึงเรื่องดังกล่าว
“เปล่านี่คะ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร”
“แล้วตอนนี้ล่ะครับ มีปัญหาอะไรไหม…”
ฉันนิ่วหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “ก็ไม่มีอะไรนี่ ทำไมหรือคะ”
เควินดูลำบากใจมาก “คือว่า…เรื่องที่เจมีข่าวกับโดนิต้า นางแบบที่เคยทำงานกับเขา…”
“…”
“จริงๆ ผมก็ไม่อยากเข้ามายุ่งเรื่องนี้ แต่พอผมถามแล้วเขาทำท่าเหมือนไม่รับรู้ ผมเลยรู้สึกไม่สบายใจ ผมไม่รู้ว่าเขาอธิบายกับคุณว่าไง แต่ผมไม่อยากให้เขาทำอะไรแย่ๆ กับคุณปูซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีของเรา ผมจะพยายามพูดเรื่องนี้กับเจอเรมี่เองนะครับ คุณปูอย่าเพิ่งคิดมาก”