ถึงจะพยายามเตือนตัวเองให้มีสติและคิดแต่ในแง่ดี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังนอยด์ไม่หายกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่อย่างน้อยงานที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายในช่วงนี้ก็มีส่วนช่วยเยียวยาฉันได้บ้าง แล้วช่วงสั้นๆ ของการปิดภาคเรียนแรกที่กำลังจะมาถึง คงทำให้ฉันมีเวลาพักฟื้นร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้าได้บ้าง
พักนี้ต้ากับฝ้ายมีความจำเป็นให้ต้องเข้าไปเจอเควินที่บริษัทค่ายเพลงบ่อยๆ ทั้งสองคนจึงกลับมาเล่าให้ฉันฟังด้วยท่าทางมีความสุขเสมอ จริงๆ ฉันก็ชอบฟังเวลาที่เพื่อนเอามาเล่าว่าเควินเป็นยังไงบ้าง แต่ก็อิจฉานิดๆ อยู่ดี
ทุกครั้งที่เควินโทรศัพท์มาที่ห้องแล้วฉันเป็นคนรับ ฉันจะรีบไปเรียกฝ้ายมาคุยเพราะไม่อยากพูดอะไรกับเขามาก เบื่อตัวเองจริงๆ ที่เป็นแบบนี้ เอาแต่วุ่นวายใจและเจ็บปวดอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่ไม่ได้มีใครมารับรู้ด้วย ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเล่นละครอยู่ในมุมมืดโดยไม่มีผู้ชมแม้แต่คนเดียว การที่เราต้องอกหักโดยที่อีกฝ่ายไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเราคิดยังไงกับเขา มันช่างเป็นความรู้สึกที่สุดยอดจริงๆ เสียสติสุดยอด!
สิ่งเหล่านี้คงเกิดขึ้นเพราะฉันเป็นมนุษย์ที่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์มากกว่าคนอื่นมากไปหน่อย หรืออาจจะไม่หน่อย…
ไม่เคยมีครั้งใดในชีวิตที่ฉันรู้สึกอยากมีสามีเป็นตัวเป็นตนเท่าครั้งนี้ แอบเสียใจนิดๆ ที่ชอบเล่นตัวเวลามีคนมาจีบ แล้วก็มัวเสียเวลาทำเรื่องบ้าๆ บอๆ มาตลอดจนไม่เคยเงยหน้ามองว่าโลกนี้ยังมีผู้ชายดีๆ ซ่อนตัวอยู่ตามหลืบซอกตรอกซอยบางแห่ง กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว ตอนนี้เลยต้องมาตกอยู่ในสภาพหดหู่ไร้คนปลอบใจ มิน่าเขาถึงเตือนกันนักหนาว่าถ้าไม่หาแฟนตั้งแต่ตอนเรียนก็จะหาไม่ได้ตลอดไป…
แต่ไม่น่าเชื่อว่าความรู้สึกที่ฉันมีต่อเควินมันจะมีอานุภาพทำลายล้างรุนแรงขนาดนี้ อกหักเพราะแอบรักดารา…รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น!
“เขาจะไปถ่ายเอ็มวีกันที่ระยอง ปูไปด้วยกันกับพวกเรานะ ปิดเทอมนี้อย่าเพิ่งกลับบ้าน ฝ้ายจะโทรศัพท์ไปขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ให้เอง พ่อแม่ปูต้องไม่ว่าอะไรแน่ๆ”
พ่อแม่ฉันไม่ว่าอะไรอยู่แล้วล่ะ แต่ใครจะอยากไปดูเควินสวีตลั้ลลาเริงร่ากับสาวๆ ที่ทะเลกันล่ะ นอกจากต้ากับฝ้ายยังมีนาตาลีไปด้วยอีกคน แต่ละคนล้วนเคยเป็นข่าวเรื่องความรักกับเควินมาแล้วทั้งนั้น พอข่าวล่าสุดออกมาว่าต้ากับฝ้ายและนาตาลีเป็นแค่เพื่อนกับเควิน ทั้งหมดจึงได้รับเลือกให้ร่วมงานกับเขาเพื่อเป็นการเรียกกระแสไปในตัว
“ฉันว่าฉันอยู่เฝ้าห้องให้ดีกว่า ปิดเทอมนี้อยากพักผ่อนสบายๆ แบบไม่ต้องทำอะไรเลย”
“ไม่เอาหรอก เราจะทิ้งปูไว้ที่นี่คนเดียวได้ยังไง นะ ขอร้องล่ะ ไปด้วยกันนะ” ฝ้ายพยายามออดอ้อน ซึ่งฉันก็ไม่เคยทนการออดอ้อนของฝ้ายได้เลย แต่ครั้งนี้คงต้องทำให้ได้
“ฉันขอคิดดูก่อนละกันนะ” ฉันตอบแบ่งรับแบ่งสู้ไปก่อน อย่างน้อยตอนนี้มันก็ทำให้ฝ้ายเลิกตื๊อต่อ
บ่ายวันต่อมาเมื่อกลับจากการสะสางงานที่โรงเรียนเป็นวันสุดท้ายก่อนหยุดยาว ฉันพบโน้ตจากต้ากับฝ้ายแปะเอาไว้ตรงตู้เย็นว่าวันนี้พวกเธอเข้าไปทำธุระที่บริษัทค่ายเพลง แล้วจะไปทานอาหารเย็นกับเควินและทีมงาน เป็นโน้ตสั้นๆ ที่ฉันอ่านแล้วสะเทือนใจยิ่งกว่าตอนอ่านนิยายชีวิตรันทดเล่มหนาปึก
เกือบสี่โมงเย็น ขณะที่ฉันกำลังนั่งหมดอาลัยตายอยากในชีวิตอยู่หน้าทีวี ก็มีเสียงกดกริ่งดังขึ้น
“เควิน!?” ฉันอุทานเบาๆ อย่างตกใจเมื่อมองลอดรูเล็กๆ บนบานประตูออกไปเห็นว่าเป็นใคร
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน กุมภาพันธ์ 64)