สิบนาทีต่อมา ผู้สัมภาษณ์คนสุดท้ายอย่างชูหลี่ก็ก้าวออกมาจากห้องสัมภาษณ์…ในเวลานี้ข้างนอกกลับเงียบสงบกว่าตอนก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์เสียอีก พนักงานคนอื่นกำลังเก็บอุปกรณ์การสัมภาษณ์และเครื่องดื่ม
ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้สัมภาษณ์ก็เดินออกไปพร้อมถือข้อมูลการสัมภาษณ์ พูดคุยกันก่อนจะแยกย้ายกันไปทีละสองสามคน
ชูหลี่เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว และเมื่อเธอหันหลังกลับก็พบว่าเหลือเธอเพียงคนเดียวที่อยู่ตรงทางเดิน
วันหยุดยาวช่วงเทศกาลเช่นนี้ ในอาคารสำนักงานของบริษัทหยวนเยวี่ยนั้นว่างเปล่า ร้างจนแทบจะเจอผีได้จากมุมห้อง…เธอคิดในใจว่าไหนๆ ก็มาแล้ว จึงไม่รีบกลับและชะลอฝีเท้าของตนให้ช้าลงก่อนจะเห็นกล่องหนังสือ ‘เรื่องของเจ้าชายน้อย’ ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอเคยอ่านสมัยประถม จนมาถึงนิตยสารเส้นทางแห่งดวงดาวที่เธอเคยอ่านสมัยเรียนมหาวิทยาลัย โดยตลอดเส้นทางมีสื่อสิ่งพิมพ์มากมายหลายเรื่องที่เธอเคยอ่านมาแล้ว เรียกได้ว่าเธอเติบโตมาพร้อมกับหนังสือเหล่านี้เลยก็ว่าได้
…การสัมภาษณ์ในตอนนั้น แม้เธอจะพูดเรื่องไร้สาระมากมาย แต่เรื่องที่ว่าเธอชื่นชอบสำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยไม่ใช่เรื่องโกหกเลยสักนิด
ชูหลี่ด้อมๆ มองๆ สอดส่องไปทั่ว เธอรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเดินผ่านห้องทำงานที่มีโปสเตอร์นิตยสารเส้นทางแห่งดวงดาวติดอยู่ เดินชมนู่นนี่จนกระทั่งมาถึงปลายทางเดินอย่างไม่รู้ตัว…ก็พบว่ามีห้องทำงานอยู่ตรงนี้ด้วย นึกไม่ถึงว่าไฟยังเปิดอยู่ แถมประตูยังเปิดทิ้งไว้
ข้างในจะมีคนอยู่ไหมนะ
ชูหลี่หดคอลงพร้อมกับครุ่นคิดว่าคงเป็นการเสียมารยาทที่จะขัดจังหวะการทำงานของคนอื่น ขณะที่กำลังจะหันหลังเดินจากไปพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระ บังเอิญว่าหางตาเหลือบไปเห็นกระดานดำขนาดใหญ่ติดอยู่หน้าห้อง…มองเห็นโปสเตอร์โฆษณานิตยสารแทบทุกชนิดที่มีชื่อว่า ‘แสงแห่งจันทรา’ และบนกระดานดำยังเต็มไปด้วยคำโฆษณาที่เขียนไว้ด้วยชอล์กอย่างยุ่งเหยิง
‘การร่วมงานกับเทพแห่งทิศบูรพา ‘โจ้วชวน’ ‘นักเขียนยอดฝีมือแนวแฟนตาซี’ ที่ไม่ควรพลาด’
‘ผลงานยอดเยี่ยมแห่งปีของโจ้วชวน’
‘นิตยสาร ‘เส้นทางแห่งดวงดาว’ และ ‘แสงแห่งจันทรา’ ที่มาแรง’
โจ้วชวน?
คนคนนี้ไม่เพียงแค่รู้จัก แต่เรียกได้ว่าเธอเป็นแฟนคลับตัวน้อยของเขาเลยก็ว่าได้
ชายหนุ่มคนนี้เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อตอนอายุสิบเจ็ดปีกับหนังสือเรื่อง ‘บันทึกแห่งบูรพา’ และตอนอายุยี่สิบเอ็ด เขากลายเป็นนักเขียนนิยายแนวแฟนตาซีตะวันออกชั้นนำของประเทศ อายุน้อย รูปหล่อ (ระดับตำนาน) มีเงินทองมากมาย ได้ยินมาว่าโจ้วชวนเกิดมาในตระกูลของนักวรรณกรรมโดยแท้ นับว่าเป็นลูกท่านหลานเธอในตระกูลผู้ลากมากดีซึ่งมีพ่อเป็นถึงสมาชิกสมาคมนักเขียนประจำมณฑลที่ทุกคนต่างย่ำเท้าเข้าหา และยิ่งไปกว่านั้นนิสัยของหนุ่มคนนี้ดีมาก…จนผู้คนต่างขนานนามให้เขาว่าองค์ชายโจ้วชวนผู้อ่อนโยนดั่งหยก
ดังนั้นเขาจึงใช้ใบหน้าอันหล่อเหลาและนิสัยแสนสุภาพอ่อนโยนสง่างามดุจหยกดั่งคำเล่าลือ พร้อมทั้งความอบอุ่นดั่งโกลเด้น รีทรีฟเวอร์พิชิตใจแฟนคลับสาว จนแทบจะมีแฟนคลับเต็มคันรถบรรทุก จากนั้นก็ใช้ฝีมือด้านการเขียนพิชิตใจวัยรุ่นได้อีกหนึ่งคันรถบรรทุกเต็มๆ
ชูหลี่ชื่นชอบนักเขียนคนนี้ และคิดว่าหากตนได้เข้าทำงานที่สำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยจริง บางทีอาจได้เจอกับเทพโจ้วชวนตัวเป็นๆ ได้ถ่ายรูปและขอลายเซ็นอีกด้วย…เมื่อคิดถึงตรงนี้เธอก็ลากกระเป๋าพลางหัวเราะออกมา หมุนตัวเดินต่อหลังจากเพ้อเรื่องเมื่อครู่ แต่ขณะที่กำลังหมุนตัวก็ได้ยินเสียงดังก้องมาจากห้องทำงาน…
“ตีพิมพ์ลองตลาดดูก่อนสักสามหมื่นสองพันเล่ม? ลอง! ลองตลาด! คุณยังจะกล้าพูดอีก? เห็นผมเป็นขอทานงั้นเหรอ!”
ชูหลี่ “???”
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคำถาม