ชูหลี่อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจให้กับการเขียนข้อความธรรมดาๆ ของนักเขียนที่มีความเฉียบคมทางภาษา แม้จะโกรธก็ยังโกรธได้อย่างสง่างาม…
ขณะที่ดูเวยป๋อของโจ้วชวนตอนนั่งรถไปยังโรงแรม ชูหลี่ก็ลืมเจ้าสุนัขจิ้งจอกที่แสนโหดร้ายตัวนั้นไปเสียสนิท…เช้านี้เธองัดตัวออกมาจากที่นอนตั้งแต่หกโมงเพื่อจะให้ทันรถไฟเข้าเมือง แล้วยังวิ่งไปสัมภาษณ์อีก ข้าวเช้ายังไม่ทันได้กินสักคำ ตอนนี้เธอทั้งง่วง ทั้งหิวและหนาวจนรู้สึกเหมือนเริ่มจะเป็นหวัด เธอแค่ต้องการกินอะไรร้อนๆ ให้อิ่มท้องและนอนให้เต็มอิ่ม ไม่มีเรี่ยวแรงไปกังวลเรื่องอื่นหรอก
หญิงสาวหยิบคีย์การ์ดออกมา เดินเข้าลิฟต์ ก่อนจะตรงไปตามเลขห้องจนสุดทางเดินแล้วรูดคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตูห้องสุดท้าย
สั่งอาหารดีลิเวอรี่มาส่งที่ห้อง
อาบน้ำ
กินอาหารที่สั่งมา
เข้านอน
รอผลการสัมภาษณ์จากสำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยที่จะแจ้งให้ทราบในวันพรุ่งนี้
เมื่อชูหลี่ล้มตัวลงนอนบนเตียงของโรงแรม สมองของเธอแทบอยากจะประท้วงหยุดงานกันเลยทีเดียว หลังจากชาร์จโทรศัพท์วางไว้บนหมอน เธอก็ผล็อยหลับไปอย่างง่วงงุน…
ไม่รู้ว่าตนเองหลับไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นหญิงสาวก็ได้ยินเสียงจากข้างหมอนเหมือนมีอะไรมาสะกิดดังแกรก…แกรก…ชูหลี่ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือก็พบว่ามีใครคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงข้างหมอนของเธอ…ชายหนุ่มสวมเสื้อสเว็ตเตอร์สีดำและกางเกงยีน แต่ส่วนที่ควรเป็นศีรษะมนุษย์กลับกลายเป็นหัวสุนัขจิ้งจอก ตอนนี้…ดวงตาของเจ้าสุนัขจิ้งจอกกำลังจับจ้องประสานกับนัยน์ตาแมวของเธออยู่บนเตียง!
ชูหลี่เหงื่อไหลโซมไปทั่วทั้งตัว ทำให้เสื้อยืดนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ ร่างกายแข็งทื่ออยู่บนเตียง ได้ยินเพียงเสียงหัวใจตนเองที่เต้นรัวเร็ว…
ลมหายใจของสุนัขจิ้งจอกดังขึ้นข้างหูดังแฮกๆ เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆ จึงเอามือปัดบริเวณข้างติ่งหู…ความรู้สึกนี้เหมือนจริงจนเกินไป ชูหลี่อยากจะกรี๊ดออกมาแต่กลับร้องไม่ออก ดวงตาเบิกกว้างมองดูสุนัขจิ้งจอกยกปลายนิ้วที่เรียวยาวและขาวซีดเหมือนมนุษย์ผู้ชายเขี่ยติ่งหูของเธอเบาๆ…
จั๊กจี้จัง
สุนัขจิ้งจอกหัวเราะออกมาเบาๆ หลังแกล้งเธอสำเร็จ
ในใจของชูหลี่นั้นเต้นแรงมาก นี่คือดินแดนแห่งความฝันที่ผสมผสานไปด้วยความรู้สึกอันเข้มข้นของการถูกผีอำ สิ่งลี้ลับ ความฝันฤดูใบไม้ผลิ* คนและสัตว์ซึ่งผสมปนเปกันไปหมดเหรอ!
ท่ามกลางความมืดมิด ดูเหมือนใบหน้าของสุนัขจิ้งจอกจะขยับเข้ามาใกล้เธอ มันให้ความรู้สึกเหมือนจริงมากจนน่าขนลุก…เธอพยายามอย่างหนักที่จะลืมตาขึ้นมา ทันใดนั้นก็พบว่าใบหน้าของสุนัขจิ้งจอกเปลี่ยนไป ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาของมนุษย์ที่เชิดขึ้นเล็กน้อย ปากที่ยื่นยาวแปรเปลี่ยนเป็นสันจมูกโด่ง ส่วนริมฝีปากบางนั้นดูหยอกเย้าขี้เล่น…
ชูหลี่เห็นรูปร่างหน้าตาของเขาไม่ชัดเจน รู้สึกแต่เพียงว่าเขาโน้มตัวลงมาและใกล้ชิดจนระยะห่างระหว่างคนทั้งสองลดลง…จนกระทั่งริมฝีปากของเขาเกือบจะสัมผัสเธอ เขาหยุดลงอย่างเห็นอกเห็นใจ เอนตัวไปยิ้มให้เธอ แล้วพูดกับเธอด้วยเสียงแผ่วเบา
“ฟังคำแนะนำของฉันนะ ไม่ว่าเธอจะอยากไปที่ไหนก็ไม่ควรไป ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่ที่ดีหรอก”
น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาคลุมเครือ ลมหายใจร้อนระอุกระทบข้างแก้มจนรู้สึกว่าความร้อนนั้นสูงขึ้นราวกับจะแผดเผา…ขณะที่พูดเขาก็หยอกเย้าโดยใช้ปลายนิ้วอันเย็นเฉียบสัมผัสที่คางของเธอ
เมื่อพูดจบเขาก็ค่อยๆ หุบยิ้ม
ชั่วพริบตาเธอก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน ช่างหล่อเหลามากเสียจริง นัยน์ตาสีน้ำตาล ทว่าใบหน้านั้นแสนเย็นชาและนิ่งเงียบราวกับน้ำ
คุ้นหน้ามากเลย
“โอ๊ะ!”
ชูหลี่พลิกตัวขึ้นมาจากเตียงอย่างรวดเร็ว!
ครั้งนี้เธอตื่นแล้วจริงๆ
หัวใจเธอเต้นแรงและใช้เวลานานกว่าจะสงบลง จังหวะการเต้นของหัวใจนั้นรุนแรงราวกับว่ามันจะหลุดจากอกเธอในวินาทีต่อมา เธอลืมตามองแวบหนึ่งอย่างหวาดผวา ก่อนจะรีบหลับตาลงทันที ประตูห้องพักในโรงแรมยังคงล็อกอยู่ ส่วนหมอนที่หนุนอยู่มีรอยยุบ…ทุกอย่างราวกับภาพในความฝัน
เธอจ้องมองที่ประตูอยู่นานจนมั่นใจว่าชายนัยน์ตาสีน้ำตาลคนนั้นไม่สามารถเปิดมันเข้ามาได้อย่างแน่นอน หญิงสาวตกใจกลัวจนเหงื่อไหลไปทั่วทั้งหัว
ชูหลี่ “…”
ที่แท้เธอฝันถึงสุนัขจิ้งจอกที่เพิ่งเจอกันเพียงครั้งเดียวอย่างนั้นเหรอ อยู่ๆ ในหัวของเธอก็มีเสียงเพลงประกอบที่มีเสียงพากย์ของอาจารย์จ้าวจงเสียง* ในสารคดี ‘โลกของสัตว์’ อย่างเป็นธรรมชาติ ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ทุกๆ สิ่งฟื้นคืนชีพขึ้นมา และในที่สุดก็เข้าสู่ฤดูแห่งการผสมพันธุ์ที่เหล่าสัตว์ทั้งหลายต่างก็รอคอย…
จะบ้าตาย
เธอคว้าน้ำแร่ข้างเตียงมาจิบด้วยมืออันสั่นเทา เมื่อน้ำเย็นไหลลงคอก็ทำให้อวัยวะภายในค่อยๆ เย็นลง ชูหลี่เหลือบมองดูเวลาในโทรศัพท์ เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี หน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบแจ้งเตือนว่ามีข้อความบางส่วนที่ยังไม่เปิดอ่าน…
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูก็พบว่าเป็น Mr. L ที่หายไป เขาหายตัวไปทั้งวันจริงๆ อีกฝ่ายส่งข้อความหาเธอประมาณช่วงสองทุ่ม เป็นการตอบข้อความไร้สาระระหว่างการรอสัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าเพราะความตื่นเต้นของเธอ…