ความจริงแล้วชั่วพริบตาแรกที่มือของโจ้วชวนแตะเอวเธอ เธอก็สั่นระริกราวกับกุ้ง…ปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดกับเขาชะงักไปครู่หนึ่ง เขาจึงยื่นมือไปยึดท้ายทอยของเธอไว้ไม่ให้ขยับออก
กระทั่งลมหายใจของเธอไม่สะดุด ความพร่าเบลอกลางอากาศทำให้เธอเหมือนกับจะจมน้ำตาย รู้สึกได้ว่ามือของชายหนุ่มคลำบนตะขอกระโปรงที่เอวเธออย่างไม่ประสงค์ดี จากนั้นขณะที่เธอยังไม่ได้สติกลับคืนมาครบถ้วน เขาใช้นิ้วที่คล่องแคล่วทั้งสองนิ้วดันแล้วกด…ชูหลี่พลันรู้สึกว่าตะขอตรงช่วงเอวคลายออก!
“โจ้วชวน” ชูหลี่อุทานเบาๆ พยายามถอนปลายลิ้นออกมาจากโพรงปากของชายหนุ่ม “คุณ…คุณ…”
เอ้อร์โก่วนอนหมอบมองดูอยู่ไกลๆ ตรงประตูห้องครัว
ส่วนเธอก็เขินจนหน้าแดง
ทว่ามือของโจ้วชวนกลับประคองรอบเอวเธออย่างแผ่วเบา นิ้วมือลูบไล้รอยจางๆ ที่ถูกกระโปรงรัดบนเอวเธอ
“รัดจนเป็นรอยแล้ว อ้วนขึ้นหรือเปล่า”
ใบหน้าชูหลี่เห่อร้อนจนแดงตั้งแต่ใบหน้าลามไปถึงใบหูและต้นคอ เธอถลึงตาใส่ชายหนุ่มที่ใช้เสียงเอื่อยเฉื่อยถามคำถามทะลึ่งแบบนี้กับเธอ ในดวงตายังคงมีหยาดน้ำที่ยังไม่แห้งหลังจากการร้องไห้เมื่อครู่นี้…วินาทีถัดมาเธอได้ยินชายหนุ่มกำลังหัวเราะเบาๆ จากนั้นร่างเธอพลันถูกกระโจนใส่ จากที่นั่งคุกเข่าก็ล้มลงนอนหงายบนโซฟาเสียงดัง ‘ฟึ่บ’ เส้นผมยุ่งเหยิงปรกตา เธอรู้สึกว่าปลายนิ้วที่บาดเจ็บก่อนหน้านี้ถูกของที่นุ่มและร้อนชื้นกวาดผ่านอย่างรวดเร็ว จึงนิ่งงันไป
“เลือดหยุดไหลแล้ว” เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำและแหบพร่าเล็กน้อย “ยังจะพันแผลหรือเปล่า”
ขณะที่กล่าวคำพูดนี้ มือของเขาก็วางบนต้นขาเธอ
ตะขอกระโปรงหลุดออกแล้ว เพราะการเคลื่อนไหวติดต่อกันหลายครั้งก่อนหน้านี้ ซิปจึงรูดลงมาแล้วครึ่งหนึ่ง ตอนนี้กำลังห้อยอยู่บนสะโพกอย่างหลวมๆ…ปลายเดือนพฤษภาคมแล้ว อากาศค่อยๆ ร้อนอบอ้าว ชูหลี่สวมแค่ถุงเท้ายาวเลยเข่าคู่เดียว และตอนนี้ต้นขาด้านในก็แนบชิดกับต้นขาของชายหนุ่ม
เขาคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขาเธอ…มือข้างหนึ่งประคองศีรษะของเธอไว้ เขาอยู่บนร่างเธอแล้ว
…นี่…นี่…นี่จะทำอะไรน่ะ
ชูหลี่เบิกตากว้างแล้วกะพริบตาปริบๆ มองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่โน้มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ…เขาจูบเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้อ่อนโยนและนุ่มนวลกว่าก่อนหน้านี้ เพียงแต่จุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากบวมแดงของเธอซึ่งทำให้จั๊กจี้เล็กน้อย…แต่ไม่นานนักเขาก็ถอนปลายลิ้นออกไป ประทับจูบอันชื้นแฉะลงที่หว่างคิ้ว ดวงตา และปลายจมูกของเธออย่างสะเปะสะปะ หลังจากนั้นอุณหภูมิที่ร้อนรุ่มกระแสหนึ่งก็แผ่ลามลงไปข้างล่าง…
เมื่อเขาขบเนื้อบริเวณติ่งหูของเธอ ทำให้ชูหลี่ครางออกมา ค่อยๆ เชิดลำคอเรียวยาวขึ้น…
ราวกับหญิงสาวที่ถูกสังเวยต่อปีศาจบนแท่นบูชาในภาพวาดสีน้ำมัน
ห่างออกไปไม่ไกล เอ้อร์โก่วที่เปลี่ยนจากท่านอนหมอบเป็นลุกขึ้นนั่ง เงยหน้าเห่า “โฮ่ง” อย่างได้ใจ!
รู้สึกได้ว่าคนที่อยู่ใต้ร่างสั่นระริกราวกับได้สติกลับคืนมา ในขณะที่กำลังยุ่งอยู่ โจ้วชวนคว้าลูกกุญแจที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาขึ้นมาแล้วเขวี้ยงไปยังสุนัขตัวใหญ่ที่อยู่ทางนั้น สุนัขตัวใหญ่กระโดดโหยง ขู่แง่งๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปยังเบาะนอนในคอกของตน…
จุมพิตของชายหนุ่มคลอเคลียอยู่บริเวณลำคอขาวเนียนของเธอ ทิ้งรอยแดงไว้อย่างไม่สนใจ…เขาใช้ฟันขบเม้มตรงกระดูกไหปลาร้าของเธอราวกับกำลังหยอกเย้า จากนั้นก็เลื่อนลงไปเรื่อยๆ ปลายจมูกโด่งไล้มาจนถึงบริเวณหน้าอกเธอ กระดุมเม็ดที่สี่ไม่รู้ว่าถูกปลดออกตั้งแต่เมื่อไร
ชูหลี่ก้มหน้า มองปลายจมูกของโจ้วชวนที่ฝังเข้ามาในเสื้อเชิ้ตที่หลุดลุ่ยของตน จึงยกมือขึ้น ใช้หลังมือปิดตาของตนเองด้วยความตื่นเต้น…
จากนั้นก็พบว่ายิ่งแย่ไปกันใหญ่ การทำแบบนี้ทำให้เธอไวต่อการสัมผัสมากยิ่งขึ้น…ถึงขั้นรู้สึกได้ว่าเขาค่อยๆ เลื่อนศีรษะลงไป ปลายจมูกแตะที่ขอบกางเกงในที่อยู่ใต้เสื้อเชิ้ตของเธอคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ!
“โจ้วชวน…”
“หืม?”
ชูหลี่อ้าปากคิดจะพูดอะไรสักอย่าง ทันใดนั้นเอง จู่ๆ โทรศัพท์มือถือที่เธอวางไว้บนโต๊ะน้ำชาก็แผดเสียงร้องขึ้นมาอย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทำเอาคนทั้งสองที่กำลังมีอารมณ์เร่าร้อนอยู่ในตอนนี้ตกอกตกใจหมด! ชูหลี่มองโจ้วชวนตาปริบๆ หลังจากที่ชายหนุ่มสบตากับเธอเงียบๆ อย่างจนใจก็ถอนหายใจแล้วลุกขึ้น ชะโงกศีรษะไปดู