Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์
ทดลองอ่าน Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์ เล่ม 1 บทที่ 3 – 4
‘ฉันก็แค่วาดคู่จิ้นคู่หนึ่งแบบลวกๆ แต่ดันมีคนมาขอให้ฉันวาดเป็นการส่วนตัว รับเงินมา 300 หยวน พอโยนลงเวยป๋อก็นึกไม่ถึงว่าจะได้พันกว่า!’
‘แฟนคลับก็เพิ่มขึ้นหลายร้อย แฟนคลับนี่เพิ่มทีละเยอะมาก! แฟนคลับที่บ้าเกม ‘X’ ทำไมถึงเยอะขนาดนี้ ฉันอยากลองต้มตุ๋นดูบ้างจัง หลอกแฟนคลับก็ดีเหมือนกันนะ ฮ่าๆๆๆๆ เหมือนว่าฉันจะเห็นช่องทางทำเงินแล้ว!’
‘คู่จิ้น AB คู่นี้ ฉันวาดไปก็อยากจะอ้วกไป ที่จริงแล้วคู่ของ BC ถึงจะเรียกว่ารักแท้ ฉันชอบ BC มากกว่าอีก’
‘โธ่เอ๊ย! ไม่นึกว่า AB จะได้เป็นคู่จิ้นหลักอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ว่ารูปภาพที่ฉันวาดดูแล้วมันฮอตเกิน จนคิดพิสดารให้เปิดตัวอย่างเป็นทางการนะ ฮ่าๆๆๆๆ พวกแฟนคลับ BC ร้องไห้กันหนักมาก ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองก่อกรรมทำเข็ญ แบบนี้มันต้องชดใช้’
‘แน่นอนว่าต้องทำเพื่อเงินอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นทำเพื่อความรักงั้นเหรอ’
‘คู่จิ้นที่ฉันรักคือ BC’
ตั้งแต่ต้นจนจบมีคำพูดบ้าบอมากมาย เช่น ไม่ชอบคู่จิ้น AB ไม่ชอบแฟนคลับคู่จิ้น AB คำที่พูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่าทำเพื่อเงินไม่ได้ทำเพื่อความรัก มีหมดทุกสิ่งอย่าง…สิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่และเป็นหลักฐานที่ทำให้เห็นการกระทำผิดอันร้ายแรงซึ่งต่อให้ผู้ดูแลจะลบเท่าไรก็ลบไม่หมด!
นักวาดเจี่ยนตื่นขึ้นมาก็พบว่าสิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปในเช้าวันใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อเปิดดูความคิดเห็นทั้งหมดในเวยป๋อก็จะเป็นประเภท ‘เยี่ยมยอดไปเลย’ ‘วาดอีกเยอะๆ นะคะ’ แต่ไม่ทันไรประโยคต่างๆ กลับมีเนื้อหาเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น ‘เหม็นขี้หน้าคนไร้ยางอาย’ ‘สายตามองเห็นแต่เงิน จนมองไม่เห็นอย่างอื่นเลย’ ‘เลิกเป็นติ่ง’ เป็นต้น ในบรรดากว่าหนึ่งหมื่นความคิดเห็นมีประมาณแปดพันความคิดเห็นที่กำลังด่ายันบรรพบุรุษสิบแปดชั่วอายุคน ที่เหลืออีกสองพันความคิดเห็นเป็นแฟนคลับที่กำลังบอกลาไปอย่างท้อแท้ใจ
เพียงชั่วเวลาข้ามคืน จากนักวาดสาวคู่จิ้น AB นามว่าเจี่ยนผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้ตกอับเหลือเพียงแม่นางเจี่ยนผู้ที่เหมือนหนูกำลังข้ามถนน ไม่ว่าใครได้พบเห็นต่างก็กรีดร้องและทุบตี แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เดินหน้ายืนกรานเป็นแฟนคลับนักวาดสาวคนนี้ บุคคลกลุ่มนี้เป็นพวกที่มีอาการสต็อกโฮล์ม ซินโดรม* ที่เมินเฉยต่อความเกลียดชังของคนหมู่มาก…
ส่วนชูหลี่และ Mr. L ค่อนข้างพูดไม่ออก ได้แต่กอดกันกลมตัวสั่นเทิ้มอยู่ตรงมุมห้อง
ณ ขณะนั้น ชูหลี่จำได้เพียงว่าเธอถอนหายใจด้วยความปลง…
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : คำพูดพวกนี้ฉันจะบอกนายแค่คนเดียว และไม่กลัวด้วยว่านายจะหาว่าฉันเป็นพวกสต็อกโฮล์ม ซินโดรมหรือเปล่า แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น มันก็ไม่ทำให้เราเลิกใช้ภาพที่เจี่ยนวาดตั้งเป็นหน้าจอโทรศัพท์มือถืออยู่ดี
ในวันนั้น Mr. L เงียบอยู่นาน แต่ประมาณสามชั่วโมงให้หลังเขาก็ตอบเธอด้วยคำสามพยางค์
Mr. L ที่หายไป : ฉันก็ด้วย
นับแต่นั้นโฉมหน้าใหม่ของมิตรภาพของพันธมิตรสต็อกโฮล์ม ซินโดรมที่น่าอับอายก็เกิดขึ้นอย่างซาบซึ้งมาจนถึงตอนนี้
นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความน่ารักในหัวใจและอีกด้านที่น่าเกลียดของเธอ ทัศนคติทั้งสามด้าน* ของเธอแสดงให้เห็นถึงรอยแตกร้าว แต่กลับแข็งแกร่งไม่แตกสลายไป เพราะมีกาวอันทรงพลังที่พยายามให้สิ่งเหล่านี้ประสานเข้าไว้ด้วยกัน สิ่งนั้นคือ Mr. L…นอกจากนี้ประสิทธิผลในการใช้ยังดีมากอีกด้วย เพราะใช้เพียงแค่ครั้งเดียวก็อยู่ได้นานจนถึงตอนนี้ก็สามปีแล้ว
ตอนนี้เมื่อใดที่กล่าวถึงเรื่องราวในอดีตก็อดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงอดรนทนไม่ไหวที่จะเปิดเผยความรู้สึกกับเขาอีกครั้ง แม้ Mr. L จะแสดงความคิดเห็นในเชิงเหน็บแนมก็ตาม…
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : ใช่แล้ว อีกอย่างหนึ่ง…คิดถึงแม่นางเจี่ยนตอนนั้น ตอนนี้ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นยังไงบ้าง ฉันเลิกติดตามเธอในเวยป๋อแล้ว น่าเศร้าจัง
Mr. L ที่หายไป : ยังมีชีวิตอยู่แหละ เธอฝีมือดี มีสไตล์แบบโบราณ มีแฟนคลับเวยป๋อนับล้าน แค่ภาพเดียวต้องจ่ายเงินหลายหมื่นหยวนต่อแถวซื้อ ในเวยป๋อมีทั้งคนชมและคนด่าครึ่งต่อครึ่งเลย
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : แล้วนายยังเขียนบทบรรยายให้แม่นางเจี่ยนอยู่ไหม
Mr. L ที่หายไป : เขียนกับผีอะไร ก็คนอนุมัติให้ฉันไม่อยู่แล้ว
คนที่อนุมัติโพสต์ของ Mr. L ต้องเป็นชูหลี่อยู่แล้ว คำพูดที่ฟังดูเคว้งคว้างของ Mr. L ทำให้เธอตื้นตันใจจนกลายเป็นหมาน้อยไปในทันที ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ…
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : Mr. L นายคือคุณธรรมสุดท้ายที่หลงเหลือบนโลกอันแสนเละเทะนี้จริงๆ รักษาจิตใจอันดีงามและความไร้เดียงสาของนายเอาไว้นะ สู้ๆ!
Mr. L ที่หายไป : …
หลังจากที่หัวข้อสนทนาเรื่องแม่นางเจี่ยนทำให้ทอดถอนใจอย่างหดหู่ เธอจึงเลิกพูดเรื่องนี้ หันไปพูดเรื่องชีวิตและเรื่องไร้สาระกับ Mr. L แทน เวลาผ่านไปไวมาก แสงอาทิตย์ข้างนอกค่อยๆ สว่างขึ้น เธอไม่คิดว่าจะเช้าเร็วขนาดนี้ จึงไปล้างหน้าและลงจากตึกไปทานมื้อเช้า
จากนั้นก็ได้รับโทรศัพท์จากสำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยโทรมาแสดงความยินดีกับเธอที่ผ่านการสัมภาษณ์ และได้เป็นพนักงานของสำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยอย่างเป็นทางการ
ขณะรับสาย ชูหลี่กำลังกินโจ๊กด้วยช้อนคันเล็กและนั่งหลังตรงอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง หลังจากพูดขอบคุณแล้ววางสายไป เธอถือช้อนนิ่งไปประมาณสามสิบวินาที จากนั้นก็วางช้อนกลับเข้าไปในชามแล้วเงยหน้าขึ้นมามองดูรอบๆ กาย…
แต่ไม่เห็นใครที่จะโอบกอดเธอไว้และกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจไปพร้อมกันกับเธอเลย ดังนั้นจึงทำได้เพียงกระดี๊กระด๊าไปกับคิวคิวในมือที่กำลังเข้าสู่ระบบเพื่อคุยกับเจ้าคนไร้เดียงสาของเธอ…
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : เขาเขาเขาเขารับรับรับฉันฉันฉันแล้ววววววววววววว
Mr. L ที่หายไป : มหาวิทยาลัยชิงหวาหรือมหาวิทยาลัยปักกิ่งล่ะ
มือปืนไซเบอร์ที่ลิงเชิญมา : ไปให้พ้นเลยไป!! สำนักพิมพ์หยวนเยวี่ยย่ะ!!!!
Mr. L ที่หายไป : …ยายทึ่มเอ๊ย สำนักพิมพ์ที่กำลังจะเจ๊งทำให้เธอมีความสุขได้ขนาดนี้เชียวเหรอ ระวังหน่อยนะ แม้แต่เงินเดือนเดือนแรกของเธอยังไม่ทันจะจ่ายให้ก็ประกาศว่าทั้งหมดแถวตรง พัก แยก!
และแน่นอนว่าในเวลานี้เธอไม่สนใจ Mr. L ผู้เป็นเหมือนน้ำอันแสนเย็นเฉียบในกะละมังที่สาดมายังเธอ ชูหลี่รู้เพียงว่าเธอได้ทำงานอยู่ในสำนักพิมพ์จริงๆ ซึ่งเป็นการเดินตามเส้นทางที่ตนได้ฝันไว้…
เธอกำลังจะมีรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของโจ้วชวนแล้ว!
…Mr. L ก็เป็นเพียงพวกขี้อิจฉา!