สิบนาทีต่อมาชูหลี่ก็มายืนอยู่หน้าห้องทำงานตรงปลายทางเดิน ซึ่งเป็นทางที่เธอเคยหลงมาเจอกับสุนัขจิ้งจอกโดยบังเอิญ…กระดานดำขนาดใหญ่นั้นยังคงตั้งตระหง่านอยู่เช่นเดิม แต่ในขณะนี้ห้องทำงานไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป ด้านในมีผู้คนนั่งกระจัดกระจายกันอยู่ประมาณห้าหกคน
ตรงหน้าห้องทำงานมีตู้ปลาที่เลี้ยงปลานกแก้วไว้สิบกว่าตัว ครั้นเมื่ออวี๋เหยาเดินเข้าไปก็นำปลาซักเกอร์ที่เลี้ยงแยกไว้ระยะหนึ่งเพื่อปรับสภาพเทลงไปในตู้ปลาเสียอย่างนั้น ชูหลี่รู้สึกว่าปลาซักเกอร์ที่กำลังสั่นกลัวพร้อมกับว่ายอยู่ท่ามกลางหมู่ปลานกแก้วเหมือนกับตนที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ไม่มีผิด…
เอ่อ…
แม้ว่าคนในออฟฟิศจะดูไม่สนใจอะไรนัก เมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานคนใหม่ แต่ก็ฝืนเงยหน้าขึ้นมามองชูหลี่แล้วทักทาย…
“อ้าว มีน้องใหม่ด้วยเหรอ ไม่รู้เลยว่าเด็กที่จ้างมาใหม่คราวนี้จะยัดตัวเองอยู่กับเราที่นี่ได้ไหม จริงๆ เลยนะ ก็เห็นอยู่ว่าที่นี่มันแออัดมากพออยู่แล้ว ตำแหน่งข้างฉันก็อุตส่าห์ช่วยย้ายตัวเองออกไปให้แล้ว แล้วทีนี้ฉันจะวางกระเป๋าไว้ที่ไหนดีล่ะ เพิ่งไปช็อปเฟนดิมาเอง!”
…เหล่าเหมียวรอง บ.ก. เพศชายที่ดูเหมือนเป็นเกย์ วันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีนัก เขาอายุสามสิบต้นๆ แต่งตัวดี…เป็นคนรับผิดชอบต้นฉบับนิยายของนิตยสารแสงแห่งจันทรา ในมือของเขาถือเอกสารการแนะนำตัวของนักเขียน ไม่ว่าจะเป็นโจ้วชวน สั่วเหิง เหอหม่า เหนียนเหนียน และสุดยอดนักเขียนอีกมากมาย…ตำแหน่งที่นั่งของเหล่าเหมียวอยู่ทางด้านหน้าของอวี๋เหยาและอยู่ทางด้านข้างของชูหลี่
“เป็น บ.ก. งานเขียนใช่ไหม ฉันชื่ออาเซี่ยง เป็น บ.ก. ฝ่ายศิลป์ อื้ม ก็ประมาณนี้แหละ”
…อาเซี่ยงผู้เป็นบรรณาธิการฝ่ายศิลป์ สวมแว่นตาทำให้ดูเหมือนเงียบขรึม แต่ก็เป็นคนยิ้มแย้ม ลักษณะท่าทางดูเป็นคนอดทนและดูดี
“ผมแซ่หลี่ เรียกผมว่าเหล่าหลี่ก็ได้”
…บรรณาธิการฝ่ายศิลป์เหล่าหลี่ เพศชาย อายุสามสิบกว่าปี ดูค่อนข้างหัวโบราณ
“ฉันเพิ่งมาใหม่…จะเรียกว่ากึ่งๆ มาใหม่ก็ว่าได้ ชื่อเสี่ยวเหนี่ยว* นะ!”
…เสี่ยวเหนี่ยวผู้ที่เพิ่งเข้ามาทำงานเป็นบรรณาธิการก่อนชูหลี่ได้ครึ่งเดือน เธอมีผมลอนยาว เป็นสาวสไตล์โมริ** พูดเสียงเบา และใบหน้าแดงง่าย
เพื่อนร่วมงานใหม่มีสไตล์ที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือความเย็นชา
Everyone
…นี่อาจเป็นสำนักพิมพ์ที่เป็นสวรรค์ของผู้ป่วยโรคกลัวการเข้าสังคม*** พวกเขาคงรู้สึกอบอุ่นหวานชื่นกันเอามากๆ
ชูหลี่บ่นในใจและนั่งลงข้างๆ เหล่าเหมียวตามคำแนะนำ จากนั้นกลิ่นโคโลญผู้ชายก็ลอยมาแตะจมูก เธอนั่งตัวตรง เอาแต่หันหน้าไปมองเหล่าเหมียวแล้วสบสายตาเขา
“ค่ะ รอง บ.ก.!”
“ไม่ต้องเรียกฉันเต็มยศขนาดนั้น เรียกแค่เหล่าเหมียวก็พอ”
ขณะที่พูดเหล่าเหมียวก็โยนรหัสผ่านบัญชีผู้ใช้หลายเว็บไซต์มาให้เธออย่างไม่เกรงใจ และบอกว่างานวันนี้คือการเข้าบัญชีเวยป๋อของบริษัทแล้วจัดการข้อความของผู้ที่ส่งต้นฉบับมาเพื่อตีพิมพ์ในกล่องข้อความของนิตยสารแสงแห่งจันทรา และคัดเลือกอีเมลซึ่งมีต้นฉบับที่ดีมาจัดให้เป็นระเบียบแล้วรวบรวมส่งมาทีละฉบับ
“มีตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามได้”
“ค่ะ! รับทราบค่ะ”
ฟังดูแล้วเหมือนจะให้กล้าถาม แต่น้ำเสียงเหมือนพร้อมจะหักคอกันอยู่ตลอด
ชูหลี่อยากถามว่ากล่องข้อความรับต้นฉบับไม่ได้ใช้สำหรับการนำต้นฉบับไปยื่นเพื่อตีพิมพ์หรอกเหรอ แต่เนื่องจากท่าทีของเหล่าเหมียว เธอจึงเลือกที่จะไม่พูดและเชื่อฟังคำสั่งแต่โดยดี ก่อนจะกลืนคำถามที่ว่านั้นลงไปเสีย ถ้ากล่องข้อความเต็มไปด้วยอีเมลต้นฉบับ แล้วอะไรที่เรียกว่าอีเมล ‘ที่ดี’ และ ‘ไม่ดี’ กันล่ะ
…แต่แล้วเธอก็เข้าใจความหมายของคำพวกนี้อย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เปิดกล่องข้อความของนิตยสารที่ขึ้นตัวเลข ‘99’ ก็ทำให้เธอรู้สึกตาลาย จึงกวาดตามองอีกครั้งอย่างรวดเร็ว จากนั้นชูหลี่ก็พบว่าอีเมลที่ใช้ส่งต้นฉบับ ไม่ใช่อีเมลสำหรับต้นฉบับที่จะส่งตีพิมพ์เพียงอย่างเดียว โดยเฉลี่ยแล้วจะมีการส่งอีเมลที่จริงจังแค่ยี่สิบฉบับ ส่วนที่เหลือเป็นอีเมลขยะ แบ่งคร่าวๆ ได้เป็นสามประเภทใหญ่…
ประเภทแรก ขอแค่ได้ถาม