Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์
ทดลองอ่าน Moonlight เพลงรักใต้แสงจันทร์ เล่ม 1 บทที่ 3 – 4
‘สวัสดี ฉันอยากถามว่าถ้าจะส่งบทความไปที่นิตยสาร สามารถส่งมาที่กล่องข้อความนี้ได้ไหมคะ’
‘รบกวนสอบถามเกี่ยวกับการส่งต้นฉบับไปที่นิตยสารหน่อยครับ’
‘ฉันจะส่งต้นฉบับได้ที่ไหนคะ’
‘ปกติให้ค่าต้นฉบับเท่าไรและส่งยังไง’
‘ขอสอบถามวิธีการส่งต้นฉบับหน่อยค่ะ’
…กับคนประเภทนี้ ชูหลี่ได้คัดลอกข้อความตอบกลับไปอย่างใจดี
‘สวัสดีค่ะ คุณสามารถส่งต้นฉบับมาที่กล่องข้อความนี้ ขอบคุณค่ะ (≧ω≦) !!!’
ประเภทที่สอง อวดงานเขียน
‘สวัสดีครับ ผมเป็นนักเขียน อยากสอบถามว่างานเขียนของผมประมาณนี้พอจะได้ไหมครับ ในเดือนมีนาคมที่เศร้าและสดใสนี้ ฉันยืนอยู่ข้างหน้าต่างห้องเรียน มองเห็นแสงอาทิตย์อัสดงกำลังคล้อยลับตาไป สนามเด็กเล่นโดดเดี่ยวที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างดูเงียบสงบเหมือนกับโลกอีกใบหนึ่ง ฝุ่นละอองพัดปลิวไปตามกาลเวลา’
‘สวัสดีค่ะ ฉันมีตัวอย่างต้นฉบับที่เขียนตอนเริ่มเรื่องไว้ ไม่ทราบว่า บ.ก. พอจะให้คำแนะนำได้ไหมคะ ในชีวิตของคนคนหนึ่ง ท้ายที่สุดแล้วก็จะเปลี่ยนแปลงเป็นอีกคนหนึ่ง ในที่สุดฉันก็จะเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่บนถนนสายนี้ ฉันกอดตัวเองและเชื่อในความทรงจำอันแสนล้ำค่า…ตลอดการเดินทางมีทั้งก้าวเดินบ้าง หยุดพักบ้าง ระลึกถึงเพียงความทรงจำดีๆ ที่เคยมีร่วมกันกับเขา…เพียงแต่กลัวว่าวันหนึ่งเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของถนนสายนี้ กลับพบว่าฉันลืมสิ่งที่เคยคิดจะจำ กลัวว่าฉันอาจทำมันหายไป’
‘สวัสดีครับ คุณรับบทกลอนพวกนี้หรือเปล่า ผมมีบทกลอนอยู่หนึ่งบท พระจันทร์สาดส่องนภาอันสดใส บ่งบอกว่าเงาจันทร์ได้หวนคืนกลับมา ครั้นเมื่อดอกโบตั๋นนั้นร่วงโรย หลายคนได้หวนคืนกลับมาเช่นกัน’
…สำหรับคนประเภทนี้ ชูหลี่รู้สึก ‘ว้าว’ ไปจนถึง ‘ฉัน…’ อยู่ในใจ จนในที่สุดก็รู้สึกเพลียไปกับการประเมินความงามทางด้านภาษา จึงเลือกที่จะมองข้ามด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ มึนชา และเหนื่อยล้า
ประเภทที่สาม คือการสอบถามความเป็นอยู่ของนักเขียน ประเภทนี้ตัดสินใจยากมาก ชูหลี่ไม่แน่ใจว่าควรตอบหรือเพิกเฉยดี เธอจึงไม่อายที่จะถามเหล่าเหมียวที่นั่งอยู่ข้างๆ และเป็นผู้มอบหมายงานนี้ให้เธอ…
ชูหลี่เอียงคอแล้วปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวลขึ้น “เหล่าเหมียวคะ ฉันขอถามคุณนิดหนึ่งค่ะ นักอ่านคนนี้ถามว่า ‘ฉันเป็นแฟนตัวยงของท่านเทพเหมิงหลีว์ในนิตยสารแสงแห่งจันทราฉบับแรกที่ตีพิมพ์เรื่องสั้นขนาดยาว แต่พักหลังนี้ไม่เห็นเธอปรากฏตัวอีกเลย เธอไปไหนเสียแล้ว’ ฉันจะตอบยังไงดี”
“หึๆ” เม้าส์ในมือของเหล่าเหมียวที่คลิกไปคลิกมาหยุดลง “เธอตอบเขาไปได้เลยนะว่านอกจากเขาที่อยากเห็นเหมิงหลีว์แล้ว ก็ไม่มีใครอยากเห็นนักเขียนคนนั้นอีก เพราะเหตุนี้เหมิงหลีว์จะไม่ปรากฏตัวที่นิตยสารของพวกเรา”
ชูหลี่ “…” แล้วเธอก็ถามต่อ “นอกจากนี้ยังมีคำถามนี้ที่ถามเกี่ยวกับโจ้วชวนว่า ‘โจ้วชวนสูงเท่าไร ปกติแล้วโจ้วชวนชอบอ่านหนังสือเล่มไหน มีคำแนะนำให้กับนักเขียนหน้าใหม่หรือคำแนะนำเกี่ยวกับรายการหนังสือที่น่าอ่านให้กับนักเรียนมัธยมบ้างไหม’ ”
หลังจากที่ชูหลี่พูดจบ ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ กองบรรณาธิการถึงเงียบไป รวมทั้งอวี๋เหยาผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ ทุกคนต่างพากันเงยหน้ามองชูหลี่…ราวกับว่าความจริงแล้วเธอไปถามเหล่าเหมียวว่าวันนี้ใส่กางเกงในสีอะไรอย่างไรอย่างนั้นแหละ…
ชูหลี่ “???” เธออึกอักในใจไปพักหนึ่ง เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงยิ้มอย่างประหม่าและรีบพูดต่อ “คำถามพวกนี้ก็โอเคอยู่นะคะ ว่าไหม ฉันได้ยินมาว่าคุณโจ้วชวนเก่งมาก นักอ่านมักจะถามคำถามเหล่านี้กับเขาในเวยป๋อ บางทีเขาก็ตอบกลับ แต่ถ้าหากเป็นคำถามจากนิตยสาร…”
ก็ยิ่งต้องตอบกลับหรือเปล่า
ชูหลี่ยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นเองเหล่าเหมียวก็ปล่อยเม้าส์ที่จับอยู่และหมุนเก้าอี้ที่รองอยู่ใต้ก้นหันมาเผชิญหน้ากับเธอ เขานั่งไขว่ห้างแล้วกวาดตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากนั้นก็ยิ้มและกวักมือเรียก
“เธอมานี่หน่อย”
ชูหลี่ยืนขึ้นด้วยความประหม่าและเดินมายังด้านหลังของเหล่าเหมียว จากนั้นก็มองเขาเปิดคิวคิวในคอมพิวเตอร์ เมื่อเห็นคนที่ชื่อ ‘โจ้วชวน’ เขาก็ก้มหน้าลงแล้วเริ่มพิมพ์…
เหมียวเหมียว : อาจารย์โจ้วชวนครับ พนักงานคนใหม่ของพวกเรามีคำถามอยากจะขอร้องให้ผมถามคุณครับ ช่วยตอบสักนิดหนึ่งนะครับว่าคุณสูงเท่าไร ปกติแล้วชอบอ่านหนังสืออะไร มีคำแนะนำให้กับนักเขียนหน้าใหม่หรือคำแนะนำเกี่ยวกับรายการหนังสือที่น่าอ่านให้กับนักเรียนมัธยมบ้างไหมครับ
ครั้นเมื่อเหล่าเหมียวพิมพ์เสร็จแล้วก็ยกมือทั้งสองข้างออกห่างจากแป้นพิมพ์
ชูหลี่จ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่กี่วินาทีต่อมาตรงกล่องข้อความสนทนาคิวคิวก็ปรากฏข้อความเหล่านี้ขึ้น…
โจ้วชวน : คุณว่างมากนักเหรอ
โจ้วชวน : อยากโดนบล็อกหรือไง
โจ้วชวน : รายการหนังสือที่น่าอ่านสำหรับนักเรียนมัธยม? หลงหยางสิบแปดกระบวนท่า*
“ดูซะ”
ชูหลี่ “…”
จะให้ดูอะไรล่ะ
“เป็นไปไม่ได้ว่านี่คือโจ้วชวน”
เหล่าเหมียวมองเห็นสายตาของชูหลี่ที่เปลี่ยนเป็นสายตาเหลือเชื่อในชั่วพริบตา
* โดจิน คือคำในภาษาญี่ปุ่น หมายถึงผลงานสร้างสรรค์ที่เกิดจากความชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งและนำมาเผยแพร่ด้วยตนเอง อาจจะเป็นในรูปแบบมังงะ นิตยสาร นวนิยาย เพลง อะนิเมะ หรือวิดีโอเกม
* สต็อกโฮล์ม ซินโดรม คืออาการของผู้ที่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนที่เป็นคนร้ายหลังเคยใช้เวลาอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง และอาจลงเอยด้วยการแสดงอาการปกป้องคนร้ายหรือยอมเป็นพวกเดียวกัน
* ทัศนคติทั้งสามด้าน คือทัศนคติต่อโลก ผู้คน และคุณค่า
* เสี่ยวเหนี่ยว ภาษาจีนแปลว่านกน้อย
** โมริ มาจากภาษาญี่ปุ่น เป็นการแต่งกายแบบสาวน้อยชาวป่า ให้ความรู้สึกน่ารัก น่าทะนุถนอม
*** โรคกลัวสังคม (Social anxiety disorder) คือการที่ผู้ป่วยมีอาการประหม่า รู้สึกไม่สบายใจ อึดอัด กังวลใจ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่อาจมีผู้อื่นสังเกตจ้องมองตนเอง เช่น การพูดคุยกับคนที่ไม่คุ้นเคย หรือการทำกิจกรรมในที่สาธารณะ เป็นต้น โดยผู้ป่วยจะมีอาการทุกครั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
* ‘หลงหยางสิบแปดกระบวนท่า’ เป็นชื่อนิยายชายรักชายเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาล่อแหลมทางเพศ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 4 ม.ค. 66 เวลา 12.00 น.