บทนำ
จงเจินขับรถวนอยู่ในสนามบินสองรอบถึงจะเห็นฉงหรงจากระยะไกล หญิงสาวกำลังเดินสบายๆ ลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากประตูทางออก เธออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนทรงปีกค้างคาวสีขาวลายทาง คอวีกว้างปิดกระดูกช่วงบ่าสวยไว้รำไร สวมกางเกงยีนเจ็ดส่วนสีเข้มเปิดข้อเท้าเล็กๆ พาดเสื้อกันลมไว้บนแขน แม้จะนั่งเครื่องบินนานขนาดนี้ก็ยังดูสดใสกระปรี้กระเปร่า ไม่มีวี่แววอ่อนเพลียเลยสักนิด
ยามเช้าของต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศไม่ร้อน จงเจินเห็นฉงหรงแต่งตัวแบบนี้ก็รู้สึกหนาวจนตัวสั่นวูบหนึ่ง รีบจอดรถชิดขอบทางแล้วเปิดประตูรถวิ่งไปหา “สุดเท่! ผมอยู่นี่!”
ฉงหรงเดินเข้ามา ยิ้มพลางยกมือขยี้หัวจงเจินเล่น “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ โจงงง…เจินนน…ไอ้น้องชาย”
จงเจินเกลียดการที่คนอื่นลากเสียงยานคางเรียกชื่อเขาที่สุด เขาขมวดคิ้วดิ้นหนีมือปีศาจของพี่สาว รีบจัดทรงผมใหม่ “ทำไมพี่ตัดผมสั้นอีกแล้ว”
ฉงหรงสะบัดผมสั้นสีน้ำตาลแดงปราดเปรียว ผู้หญิงน้อยคนที่จะไว้ผมสั้นแล้วดูดีขนาดนี้ ดูเท่เก๋ไปอีกแบบ รับกับคิ้วสวยและดวงตาสุกใส เธอเอาหมวกแก๊ปยูนิเซ็กซ์มาใส่ก่อนจะร้องโอด “เออน่า! ตอนวิดีโอคอลล์กับที่บ้านก็โดนสวดไปรอบละ อีกหน่อยก็ยาวเหมือนเดิมเองน่ะแหละ”
จงเจินหัวเราะฮ่ะๆ ช่วยเธอยกกระเป๋าเดินทางใส่กระโปรงท้าย หลังจากขึ้นรถแล้วก็ปั้นสีหน้าจริงจัง พูดอย่างชื่นชมว่า “แหมพี่ พี่ใจกล้าเกินไปแล้วนะ กลับจากต่างประเทศทั้งทีก็ไม่ยอมกลับบ้าน แถมยังมาที่นี่อีก”
บ้านสกุลฉงและสกุลจงเป็นครอบครัวที่มีกฎเข้มงวด สมาชิกในบ้านมากกว่าครึ่งเรียนกฎหมาย เพราะฉะนั้นเด็กๆ ในบ้านส่วนใหญ่จึงรู้จักเคารพกฎเกณฑ์ มีเพียงญาติผู้พี่ที่อายุมากกว่าเขาไม่กี่ปีคนนี้ที่ทำท่าพูดรู้เรื่อง เชื่อฟังผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก แต่ชอบเลี่ยงกฎพาเขาไปเที่ยว เหมือนท้าทายกฎประจำบ้านที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรแบบไม่ได้ตั้งใจ ทุกครั้งก็รอดตัวจากการถูกลงโทษมาได้แบบสบายๆ ความรู้สึกสนุกตื่นเต้นหลังจากทำเรื่องแหกกฎนั้นตอบสนองความอยากฝ่าฝืนกฎของจงเจินเต็มเปา นานวันเข้าเจ๊ฉงหรงก็กลายเป็นเทพีอันดับหนึ่งในใจเขา มีวงแหวนสว่างไสวเป็นของตัวเอง
ฉงหรงคาดเข็มขัดนิรภัยเอียงคอมองเขา “กล้าแค่ไหนก็สู้นายไม่ได้หรอกมั้ง ตอนที่คนทั้งบ้านกำลังช่วยนายเลือกคณะ สมัครเรียนกฎหมายให้ นายกลับกล้าไปเรียนหมอ”
จงเจินเกาหัวอย่างเขินๆ “ตอนนั้นต้องขอบคุณเจ๊น่ะแหละที่ยอมช่วยผม ช่วยผมเปลี่ยนจดหมายแสดงความจำนงสมัครเรียนในวินาทีสุดท้าย”
ทุกครั้งที่จงเจินรู้สึกกลัวความผิดก็จะไม่เรียกพี่ แต่เปลี่ยนมาเรียกเจ๊ ฟังแล้วสนิทสนมมากกว่า
“เฮอะ” ฉงหรงยิ้มเจ้าเล่ห์ ในใจคิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ทั้งสองคนฝ่าฝืนความต้องการของที่บ้านทำงานเข้าขากันอย่างดี ว่าไปแล้วเธอคือคนร้ายหมายเลขหนึ่ง ไอ้หนูทำไมต้องกลัวความผิดถึงขนาดนี้
จงเจินขับรถไปพลางก็ถามว่า “พี่ พี่หนีมาพึ่งผมใช่มั้ยเนี่ย”