ครั้งหนึ่งเธอพบโดยบังเอิญว่าเขาโพสต์คลิปแนะนำเทคนิคในเว็บบอร์ดเกม เสียงใช้แอพพลิเคชั่นแปลงเสียงและพูดอย่างระมัดระวัง ส่วนใหญ่เป็นคลิปการเล่น เล่นไปพร้อมกับบรรยายเกมไปด้วย เขาสามารถแบ่งสมาธิทำสองอย่างพร้อมกันได้อย่างเชี่ยวชาญ ช่วงว่างๆ เธอจะเปิดดูคลิปพวกนี้ พอดูมากเข้า แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่เส้นประสาทหยาบอย่างจงเจินก็ยังพบเห็นเรื่องแปลกๆ ด้วย เลยช่วยเธอสังเกต
‘พี่ๆ คนนั้นโพสต์คลิปแคสต์เกมอีกแล้ว! พี่ดูแล้วหรือยัง’
‘ส่งลิงก์มาซิ เออ นายน่ะใกล้สอบเข้ามหา’ลัยแล้วนะ ถ้าฉันเห็นนายออนไลน์เข้าเกมอีก ฉันจะลบแอ็กเคานต์นายซะ’
‘อย่านะ! ช่วงก่อนสอบเข้าผมจะไม่เข้าเกมอีก พี่ห้ามลบแอ็กเคานต์ผมนะ!’
ปีที่จงเจินสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉงหรงกำลังวางแผนปิดบังทางบ้านไปสอบปริญญาโท เพราะเหตุนี้ปีนั้นเธอจึงแทบไม่ได้แตะต้องเกมนั้นเลย ค่อยๆ ลืมคนที่ ‘เป็นทั้งศัตรู เป็นทั้งเพื่อน’ ในเกมคนนั้นไป
แต่คิดไม่ถึงว่าผ่านมานานขนาดนี้เธอกับเขาจะได้พบกันอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้ แถมยังได้รู้ชื่อของเขาอีกด้วย
เกมนั้นเธอกับเขายังเป็นศัตรูกัน ไอดีที่คุ้นตา เทคนิคการวางแผนที่คุ้นเคย ฉงหรงรู้สึกว่าความรู้สึกดีๆ ในใจที่ค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลากลับมาลุกโชนอีกครั้ง
พอจบเกม อยู่ดีๆ เวินเซ่าชิงก็ถามเธอว่า ‘พวกเราเคยเจอกันมาก่อนใช่มั้ย ในเกม?’
ฉงหรงคิดไม่ถึงว่าเขาจะเซ้นส์ดีขนาดนี้ รีบตอบว่า ‘ไม่เคย’
ไม่เคยจริงๆ ครั้งแรกที่อยู่ทีมเดียวกันเธอใช้แอ็กเคานต์ของจงเจิน เมื่อเธอเริ่มเล็งเขา เพื่อป้องกันไม่ให้เขารู้ตัวจึงใช้แอ็กเคานต์ของจงเจินทุกครั้ง ดูแค่ไอดี เขาไม่น่าจะจำเธอได้ นอกจากว่า…เขาก็เคยสนใจเธอ? จึงจำเทคนิคการเล่นของเธอได้
เล่นทีมเดียวกันร่วมต่อสู้กันไม่นานก็เริ่มสนิทกัน เมื่อต่างฝ่ายเล่นด้วยกันในทีมจนคุ้นแล้วก็ต่างรู้สึกว่าเวินเซ่าชิง สมาชิกทีมที่ไม่เคยเจอหน้ากันในโลกแห่งความเป็นจริงคนนี้เป็นคนน่าสนใจมาก ขณะที่เวินเซ่าชิงก็มักมีคำพูดเด็ดๆ ทำให้พวกเขาอึ้งทึ่งอยู่บ่อยๆ
มีคนนัดออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน เขาก็ตอบว่า ‘คืนนี้รับปากบอสแล้วว่าจะไปคุมสถานที่ให้ ออกไปเที่ยวไม่ได้’
เล่นไปได้ช่วงหนึ่งก็ออฟไลน์ไปเฉยๆ บอกเพียงว่า ‘มีเหตุฉุกเฉิน นายเรียกไปเจาะหัวคน’ คนอื่นถามเขาว่ากำลังทำอะไร ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ เขาจึงตอบว่า ‘กำลังซักผ้า วันนี้เปื้อนเลือดตอนทำงาน’
คนอื่นชมเขาว่าเทคนิคดี เขาก็บอกว่า ‘คงเกี่ยวกับอาชีพน่ะนะ นิ้วมือทำงานคล่อง ใช้มีดบ่อย ฝึกจนชำนาญละ’
ช่วงที่เวินเซ่าชิงไม่อยู่ คนในทีมจะถามหลินเฉินว่า ‘ยอดฝีมือคนนี้ทำงานอะไรกันแน่’
หลินเฉินเอาแต่ยิ้มไม่ตอบ ทุกคนก็ได้แต่งงต่อไป
นานวันเข้าฉงหรงก็เริ่มสงสัย แม้จะรู้สึกว่าแปลกมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหยั่งเชิงถามหลินเฉิน ‘คนที่ชื่อเวินเซ่าชิงคงไม่ใช่แก๊งมาเฟียต่างชาติอย่างที่พวกเขาลือกันจริงๆ ใช่ไหม’