เธอรู้แต่ว่าเขาสนิทกับหลินเฉินมาก การประสานงานกันในเกมดีจนไม่ใช่เพื่อนธรรมดาจะทำได้ รวมถึงประโยคที่หลินเฉินเคยพูดว่าเป็น ‘เพื่อนซี้ที่คบกันมาหลายปีแล้ว’ จริงๆ แล้วสนิทถึงระดับไหนกันนะ
โชคดีที่ไม่มีใครมาคาดคั้นเอาเรื่องกับเธอ หลายปีนี้เธอถึงขั้นไม่กล้าติดต่อกับหลินเฉิน เธอไม่กล้ารับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
แต่ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ต่างประเทศหลายปี ในหัวยังเห็นภาพวันที่พบหน้าเวินเซ่าชิงครั้งแรกอยู่เป็นระยะ ผู้ชายที่มีออร่านักวิชาการแต่แฝงความเฮี้ยวเล็กๆ คิดถึงวันที่พบเขาครั้งแรก คล้ายว่าในอากาศยังมีกลิ่นอายของแสงอาทิตย์ในวันนั้นหลงเหลืออยู่ ป่ายามฤดูใบไม้ผลิบุปผาตระการ อาทิตย์ยามฤดูใบไม้ผลิอบอุ่นใจ สายลมฤดูใบไม้ผลิเปี่ยมรัก พัดพาเสื้อผ้าอาภรณ์พลิ้วไหว
ฉงหรงรู้ว่าที่สายลมฤดูใบไม้ผลิวันนั้นโชยพัดไม่ใช่เพียงชายเสื้อของเธอ แต่ยังมีหัวใจของเธอด้วย
อาทิตย์อบอุ่นสายลมกระจ่างขับความหนาว ใบหลิวแทงยอด ดอกเหมยแย้มกลีบบาน รับรู้ถึงหัวใจรักหวั่นไหว
จงเจินรอนานมาก ฉงหรงก็ยังไม่เอ่ยปาก เขาอาศัยช่วงรอไฟเขียวหันหน้าไปมอง
“พี่?”
ฉงหรงได้สติ ทำท่าตั้งใจดูรถคันที่นั่งอยู่ “รถคันนี้ไม่เลวนะ ยืมใครมา”
จงเจินหน้าบานทันที “ไม่เลวใช่มะ ผมก็ชอบ รถบอสของผมเอง”
จงเจินกำลังเรียนปริญญาโทที่วิทยาลัยแพทย์ ฉงหรงคิดในใจว่าคนที่สอนระดับปริญญาโทได้ อายุคงไม่น้อยแล้วกระมัง
“คนแก่ยุคนี้ชอบรถสไตล์นี้กันแล้วหรือ”
จงเจินได้ยินก็รีบแก้ให้ว่า “ไม่ใช่คนแก่! เป็นศาสตราจารย์วัยหนุ่มนะเออ! อายุมากกว่าพี่ไม่กี่ปีเอง ยังหนุ่มแล้วก็หล่อด้วย เชี่ยวชาญสาขาเฉพาะทางมาก เทคนิคการใช้มีดผ่าตัดก็ยอดเยี่ยม แล้วที่สำคัญที่สุดนะ เขาฮอตมาก! เขาเรียนวิทยาลัยแพทย์ที่อเมริกา นี่ พี่รู้มั้ยว่าวิทยาลัยแพทย์ของอเมริกาสอบเข้ายากที่สุด”
ฉงหรงฟังแล้วสะดุ้ง เพราะเหมือนกับใครคนหนึ่งที่เธอรู้จัก คนนั้นก็สามารถสอบเข้าวิทยาลัยที่ดีที่สุดของอเมริกาเหนือได้ เรียนสาขาเฉพาะทางที่สอบเข้ายากที่สุดด้วย
จงเจินยกมือโบกไปมาด้านหน้าเธอ “พี่? พี่! พี่กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ”
ฉงหรงได้สติ “อ้อ กำลังคิดว่าคนเก่งขนาดนี้ทำไมถึงยอมรับนายเป็นนักเรียน”
จงเจินกระทืบเท้ารัวๆ ทันที “อาเจ๊!”
“ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ” ฉงหรงรีบปั้นหน้าจริงจัง “ที่จริงกำลังคิดว่า…นายมีบุญวาสนาอะไรระดับไหน ถึงสอบเข้าเรียนโทกับคนแบบนี้ได้”
“…” จงเจินตัดสินใจแล้วว่าตลอดทางต่อไปนี้จะไม่คุยกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้อีก
ฉงหรงยิ้มมองจงเจินซึ่งกำลังงอนตุ๊บป่อง ยีหัวน้องชายเบาๆ อีกครั้งแล้วหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
ในที่สุดไอ้หนูที่เอาแต่พูดจ้อก็เงียบได้เสียที ฉงหรงตั้งใจว่าจะไม่ล้อเขาอีกแล้ว เธอแค่ต้องการให้เขาหยุดพูด เพราะว่าอยู่ดีๆ เธอก็รู้สึกว้าวุ่นใจ
วินาทีที่จงเจินพูดถึงศาสตราจารย์คนนั้น เธอกลับคิดถึงเวินเซ่าชิง ถ้าเวินเซ่าชิงขยันหน่อย อายุขนาดนี้ได้เป็นศาสตราจารย์ก็มีความเป็นไปได้
ฉงหรงเปิดหน้าต่าง ลมพัดเข้ามาปะทะหน้าทำให้สมองแจ่มใสขึ้นบ้าง มีคำกล่าวว่าช่วงหนุ่มสาวไม่ควรพบพานเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เกินไป เป็นคำพูดที่มีเหตุผลมาก
เพียงแต่ว่าตอนนั้นฉงหรงไม่รู้ว่าออร่านักวิชาการบนตัวเวินเซ่าชิงได้มาจากการที่ตอนเด็กซนและดื้อมาก ถูกทำโทษให้ใช้พู่กันคัดตำรา ‘เปิ่นเฉ่ากังมู่’ หรือ ‘เชียนจินฟาง’ บวกกับการแช่ยาจีนอีกกองใหญ่ ส่วนท่วงท่าโอ่อ่าสง่างามเอย อ่อนน้อมถ่อมตนเอย สุภาพอ่อนโยนเอย อะไรพวกนี้ทั้งหมดก็แค่ใช้ขู่คนอื่นเล่นๆ เท่านั้น
วันเวลาต่อจากนี้ไป เธอจะมีประสบการณ์ตรงอย่างลึกซึ้ง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 ต.ต. 64 เวลา 12.00 น.