หลังจากอยู่ด้วยกันอย่างสงบสันติหลายวัน ฉงหรงพบว่าเป็นเพื่อนบ้านกับเวินเซ่าชิงก็ไม่ใช่เรื่องน่าอึดอัดลำบากใจปานนั้น
บางครั้งตื่นเช้าจะเจอเวินเซ่าชิงในลิฟต์ เขากลับมาจากออกกำลังกายตอนเช้า ตื่นสายหน่อยจะเจอเขากลับมาจากเวรดึก ตอนค่ำถ้าเลิกงานเร็วจะเจอเขาเลิกงานตามปกติ กลับมาดึกหน่อยจะเจอเขาพาหมามาเดินเล่น บางครั้งเจอเวินเซ่าชิงมาซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในชุมชน สุดสัปดาห์ออกจากบ้านบางครั้งก็พบ
ทุกครั้งที่เธอออกจากบ้านจะมองประตูฝั่งตรงข้ามแวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว จะคิดว่าเขาอยู่หรือไม่ หรือจะเปิดประตูเดินมากะทันหัน
ก็เหมือนเพื่อนบ้านปกติทั่วไป…เพิ่มความคิดเกินเลยที่จับต้องไม่ค่อยได้เข้าไปนิดๆ
ความเคยชินเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก ใช้เวลาเพียงเจ็ดวันก็ติดนิสัยแล้ว เมื่อเคยชินที่ได้พบกับใครบางคนบ่อยๆ วันใดที่ไม่ได้เจอคนผู้นี้ก็จะไม่สบายใจ เหมือนสูญเสียอะไรบางอย่างไป
ฉงหรงไม่ได้เจอเวินเซ่าชิงหลายวันแล้ว ประตูฝั่งตรงข้ามไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เธอไม่สะดวกที่จะถามจงเจินตรงๆ จึงข่มความสนใจใคร่รู้ไว้ในใจ
ความสนใจใคร่รู้ยังพอจะข่มได้ แต่ความอยากกินที่ถูกเวินเซ่าชิงกระตุ้นกลับข่มยาก
พอถึงสุดสัปดาห์ ฉงหรงเตรียมตัวลงไปหาของกินก็พบว่าประตูฝั่งตรงข้ามเปิดอยู่ ได้ยินเสียงรั่งอี๋รั่งแว่วๆ
ฉงหรงไปเคาะประตูโดยสมองไม่ทันได้คิดอะไร แล้วเปิดประตูออกเป็นช่องเล็กๆ เห็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรั่งอี๋รั่ง กำลังป้อนของกินให้มัน ดูเหมือนรั่งอี๋รั่งก็รู้จักพวกเขา
ผู้ชายท่าทางมีสง่าราศี ผู้หญิงสุภาพนุ่มนวลภูมิฐาน นั่งอยู่ด้วยกันดูเข้าคู่กันอย่างดี
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู สองคนหนึ่งหมาก็มองมาพร้อมกัน ฉงหรงกระแอมเบาๆ “ขอโทษค่ะ ไม่ทราบเวินเซ่าชิงอยู่มั้ยคะ”
รั่งอี๋รั่งเห็นฉงหรงก็รีบวิ่งมาหาจะนัวเนียกับเธอ วิ่งมาจนห่างออกไปไม่กี่ก้าวก็ถูกเธอห้ามไว้ “อย่าๆๆ! ฉันรู้ว่าแกรู้จักฉัน นี่เป็นการยอมรับแบบหนึ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้ขนาดนี้นะ!”
เซียวจื่อยวนลุกขึ้นยืนทักทาย “เวินเซ่าชิงไม่อยู่ ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา นี่ภรรยาของผม เขาถูกกักตัว เลยขอให้พวกผมมาให้อาหารรั่งอี๋รั่ง”
ฉงหรงตกใจ เธอเข้าใจว่าเขาแค่ไปธุระต่างเมืองเท่านั้น “ถูกกักตัว? เพราะอะไรคะ”
เซียวจื่อยวนไม่ตอบ แต่กลับย้อนถามว่า “คุณคือ?”
“ฉันเป็น…” ฉงหรงหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบพูดว่า “เพื่อนบ้านของเขา”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นในแววตาเซียวจื่อยวน “เพื่อนบ้าน?”
“ค่ะ!” ฉงหรงพยักหน้าอย่างหนักแน่น เธอพักอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านของเขาจริงๆ ตรงกับคำนิยามของเพื่อนบ้าน!
ดีที่เซียวจื่อยวนไม่ได้ถามต่ออีก “สองวันก่อนเขาผ่าตัดคนป่วยที่เป็นตับอักเสบบี ระหว่างการผ่าตัดเกิดอุบัติเหตุที่มือ มือมีแผล มีความเป็นไปได้ว่าจะติดเชื้อ ฉีดวัคซีนแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างกักตัวสังเกตอาการ”
ฉงหรงได้ยินก็ขมวดคิ้ว จากนั้นรีบยิ้มบอกลากับพวกเขา เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เซียวจื่อยวนก็เรียกเธอเอาไว้
“ขอโทษนะครับ พวกเรามีเรื่องหนึ่งคิดจะรบกวนคุณ ไม่รู้ว่าสะดวกไหม เราอยู่ไกลจากที่นี่มาก แล้วต้องทำงานด้วย มาที่นี่ไม่ค่อยสะดวก ถ้าคุณสะดวก ผมจะฝากกุญแจไว้ที่คุณ คุณช่วยมาให้อาหารรั่งอี๋รั่งทุกวันได้ไหม”
ฉงหรงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็รับปากทันที “ไม่มีปัญหา แต่ว่าพวกคุณกล้าฝากกุญแจไว้กับคนแปลกหน้าหรือคะ”
เซียวจื่อยวนหัวเราะแล้วย้อนถามว่า “แล้วทำไมคุณถึงเชื่อใจคนแปลกหน้าอย่างพวกเราด้วยล่ะ เราบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเวินเซ่าชิง คุณก็เชื่อเลยหรือ ถ้าเราเป็นขโมยงัดบ้านเข้ามาล่ะ”
ฉงหรงมองรั่งอี๋รั่งที่กำลังแกว่งหางประจบสองสามีภรรยา แกไม่มีทักษะการเฝ้าบ้านเลยหรือไงนะ