ฉงหรงอยากจะแย้งว่าตัวเองไม่ได้ห่วง แต่ก็รู้สึกว่าอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง นึกขึ้นได้ว่ารับปากดูแลรั่งอี๋รั่งไว้ จึงถามจงเจินว่า “นายรู้มั้ยว่าอาจารย์เวินเลี้ยงหมาซามอยด์ มันชอบอะไร”
จงเจินดีดนิ้วอย่างภาคภูมิใจ เปิดโน้ตบุ๊กอ่านเอกสารชิ้นหนึ่งแล้วเริ่มต้นอ่านเสียงฉะฉานชัดเจน “ข้อมูลพื้นฐาน หมวดสัตว์เลี้ยง เรียบเรียงโดยเวินเซ่าชิงสุดหล่อแห่งโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย X สายพันธุ์ซามอยด์ ชื่อรั่งอี๋รั่ง ชื่อเล่นกุ่น อายุสองขวบ อาหารที่ชอบคือโยเกิร์ต ผลไม้ที่ชอบแคนตาลูป เกมที่ชอบคือโยนลูกบอล ของเล่นที่ชอบ…”
ฉงหรงตัดบทเขา “พอแล้วๆ ไม่ต้องอ่านแล้ว อะไรของนาย ไปเอาข้อมูลอะไรพวกนี้มาจากไหน”
เสียงจงเจินมั่นใจมาก “ผู้หญิงในโรงพยาบาลต้องมีติดมือหนึ่งเล่ม! ทั้งหมอทั้งพยาบาลที่จะจีบอาจารย์เวินต้องหาตัวช่วย แน่นอนว่าต้องเข้าทางรั่งอี๋รั่ง เอาใจมันไว้ก่อน!”
ฉงหรงจำได้อย่างเดียวคือโยเกิร์ต ดูเหมือนว่าเธอกับรั่งอี๋รั่งมีรสนิยมเดียวกัน
จงเจินถามเสียงทะเล้น “เจ๊ก็จะใช้แผนโอบล้อมวงกว้างหรือไง”
ฉงหรงอ้ำอึ้ง เปิดโปงเจตนาชั่วร้ายของเขาตรงๆ “ไม่ล่ะ จะทิ้งเมืองหนี”
คิดไม่ถึงว่าจงเจินจะเห็นด้วย “ก็ดีนะ เขาเขียวยังคงอยู่ มิต้องกลัวไร้ฟืนเผา”
ฉงหรงตัดสายทิ้งทันที แล้วแตะเปิดวีแชต ลังเลอยู่นานมากก่อนจะปิดทิ้ง
ตกกลางคืนเธอไปให้อาหารรั่งอี๋รั่ง หลังจากเปิดประตูก็เห็นมันหมอบอยู่ข้างประตู พอเห็นประตูเปิดมันก็วิ่งพรวดพราดมาหมอบอยู่นอกประตู มองตาละห้อย
ฉงหรงถามหยั่งเชิงว่า “อยากออกไปเล่นข้างนอกเหรอ”
รั่งอี๋รั่งยังคงจ้องหน้าเธอ ฉงหรงเจรจากับมัน “ฟ้ามืดขนาดนี้แล้ว ข้างนอกหนาวมาก อย่าออกไปดีกว่านะ บ้านเดิมแกอยู่ไซบีเรีย แต่ฉันไม่ใช่ ฉันกลัวหนาวมาก”
รั่งอี๋รั่งรีบวิ่งกลับมา เขี่ยบานตู้ที่ข้างประตูเปิดออกแล้วคาบปลอกคอกับสายจูงมาวางไว้ตรงหน้าฉงหรง แลบลิ้นตื๊อเธอสุดฤทธิ์
ฉงหรงจนปัญญา คิดว่าจะถ่ายรูปไปถามเจ้าของหมาว่าควรทำอย่างไร พอเปิดกล้องเตรียมถ่าย รั่งอี๋รั่งก็มองกล้องทำคอเอียง
ฉงหรงมองรูปหมาขี้ประจบเอียงคอยิ้มก็ใจอ่อนระทวย ส่งวีแชตไปหาเวินเซ่าชิง
‘ลูกพี่ลูกน้องของคุณกับภรรยาวานให้ฉันดูแลมัน ตอนนี้มันงอแงมาก ดื้อจะให้พาออกไปเดินเล่น’
เวินเซ่าชิงตอบเร็วมาก เป็นข้อความเสียง “มันติดนิสัยแล้ว ต้องออกไปแก้ปัญหาทางกายภาพ ตู้ข้างประตูมีกระดาษหนังสือพิมพ์ ถ้ามันทำท่าโก่งก้น เอากระดาษหนังสือพิมพ์ปูรอง เสร็จแล้วโยนลงถังขยะ”
ได้ยินแบบนี้ฉงหรงก็จินตนาการถึงฉากในอนาคตอันใกล้ ใจที่อ่อนระทวยก่อนหน้านี้ก็กระด้างขึ้นมา พิมพ์ใส่มือถืออย่างโมโห
‘ทำไมไม่ฝึกให้มันใช้ชักโครก’
‘ฝึกแล้ว มันใช้ไม่เป็น’
ฉงหรงข่มความโมโห พิมพ์กลับไปอีกหลายคำ
‘ฉันคิดค่าใช้จ่ายตามเวลา ตามเรตทนายความ คุณต้องจ่าย!’