Our Secret รักในความลับ
ทดลองอ่าน Our Secret รักในความลับ บทที่ 1
ครูหลิวเจียงกำลังสอนเรื่องทัศนคติและวิธีคิดให้บรรดานักเรียนใหม่กลุ่มนี้อย่างเมามันบนแท่นบรรยาย ขณะที่ติงเซี่ยนเอามือเท้าคางเหม่อลอย
เธอรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครูหลิวเจียงมาจากสวี่เคอ
สวี่เคอเป็นเพื่อนบ้านที่เมืองเหยียนผิงตอนเธอยังเด็ก และเป็นเด็กคนแรกของเมืองเหยียนผิงที่สอบติดเข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยมเยี่ยนซาน
ตอนที่ติงเซี่ยนได้รับโทรศัพท์จากครูประจำชั้นที่โทรมาแจ้งว่าเธอถูกจัดอยู่ห้องไหน สวี่เคอก็อยู่ที่บ้านเธอพอดี
ตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ ครูหลิวเจียงก็เคยสอนสวี่เคอ พอเขาขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้าก็เปลี่ยนไปเรียนสายศิลป์ จนถึงทุกวันนี้ครูหลิวเจียงก็ยังรู้สึกดูแคลนเขาอยู่หน่อยๆ เพราะตอนนั้นสวี่เคอสอบเข้าโรงเรียนมัธยมเยี่ยนซานด้วยคะแนนเกือบเต็ม การสอบเล็กใหญ่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่เขาก็สอบได้ที่หนึ่งของโรงเรียนมาตลอด โดยเฉพาะวิชาเคมี พอพูดถึงสวี่เคอ ครูหลิวเจียงก็ทั้งรักทั้งแค้น
แต่ติงเซี่ยนไม่ได้เก่งกาจขนาดสวี่เคอ คะแนนของเธอแค่เพียงผ่านเกณฑ์แบ่งนักเรียนเรียนดีเท่านั้น เดาว่าน่าจะอยู่ในอันดับท้ายๆ
ตั้งแต่เล็กจนโตสวี่เคอก็เป็น ‘ลูกบ้านอื่น’ มาตลอด พูดง่ายๆ ก็คือพ่อแม่ทุกคนในเมืองต่างอยากมีลูกแบบสวี่เคอทั้งนั้น รูปร่างหน้าตาโดดเด่น นิสัยอ่อนโยน เรียนหนังสือเก่ง ทุกครั้งที่ติงเซี่ยนออกไปซื้อของกับแม่ก็มักจะได้ยินเหล่าคุณป้าข้างนอกพูดถึงเขาไม่หยุด
“คราวนี้สวี่เคอสอบได้ที่หนึ่งของเมืองอีกแล้ว”
“สวี่เคอสอบติดโรงเรียนมัธยมเยี่ยนซาน!”
“คราวนี้บ้านตระกูลสวี่ได้หน้าใหญ่เลยล่ะ ใครไม่รู้บ้างว่าเด็กๆ ที่เหยียนผิงของเราขึ้นชื่อเรื่องเรียนหนังสือไม่เก่ง ไปเถอะ พวกเราไปหาคุณย่าของสวี่เคอกัน ให้สวี่เคอมาช่วยติวหนังสือให้ลูกพวกเราตอนสุดสัปดาห์”
พ่อแม่ของสวี่เคอเสียชีวิตไปนานแล้ว เขาใช้ชีวิตอยู่กับปู่และย่า
น่าจะเพราะผู้เป็นย่านิสัยอ่อนโยน สวี่เคอจึงมีนิสัยเหมือนย่า พูดจาอะไรทำอะไรก็จะอ่อนโยนเรียบร้อย ไม่เคยทำอะไรให้ใครไม่พอใจทั้งนั้น แถมยังช่วยสอนการบ้านกับสอนพิเศษให้เด็กๆ ในเมืองอีกด้วย
มีแต่ติงเซี่ยนที่ไม่ไปเรียนกับเขา
สวี่เคอรู้ดีว่าผู้หญิงอย่างติงเซี่ยนเป็นคนแข็ง การเรียนและกฎเกณฑ์การใช้ชีวิตถูกแม่ควบคุมอย่างเข้มงวด ส่วนเขานั้นทั้งต่อหน้าและลับหลังมักได้รับการสนับสนุนว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ต้องทำตามพ่อแม่มากนัก เรื่องการเรียนเป็นเรื่องของตัวเอง ความเคยชินที่ทำมาสิบกว่าปีของติงเซี่ยนจู่ๆ จะแก้ในเวลาสั้นๆ ได้อย่างไร
ยกตัวอย่างเช่นการจดบันทึกช่วยจำ สวี่เคอพยายามแนะนำเธอหลายครั้งว่าอย่าเขียนทุกอย่าง ให้เลือกเขียนเฉพาะที่สำคัญ
แต่ติงเซี่ยนแก้ไม่ได้ เพราะแม่ของเธอตรวจสมุดจดบันทึกของเธอทุกวัน ครูพูดอะไรในวิชาเรียนต้องจดทุกตัวห้ามขาด ตอนแรกเริ่มเธอก็ทั้งร้องทั้งโวยวาย ไม่ยอมจด แต่หลังจากถูกแม่ลงไม้ลงมืออย่างหนักไปสองสามครั้ง เธอก็ยอมจด จดไปสามสี่ครั้งก็กลับกลายเป็นความเคยชิน
ติงเซี่ยนก้มหน้ามองสมุดบันทึกของตัวเองอย่างเหม่อลอย ข้างหูมีเสียงตุ้บดังขึ้น ที่นั่งข้างๆ มีกระเป๋านักเรียนสีดำทิ้งลงมา สายตาเธอเหลือบเห็นเงาร่างสูงใหญ่นั่งลง
ยังมีคนมาสายกว่าเธออีก แถมยังดูมั่นใจไม่รู้ร้อนรู้หนาวขนาดนี้ ระวังจะโดนครูหลิวจับได้ แต่ปรากฏว่าครูหลิวเจียงเหลือบมองมาทางนี้เพียงแวบเดียวก็ผ่านไป แล้วพูดเรื่องของตัวเองต่อ แถมยังมีรอยยิ้มที่มุมปากอีกด้วย
อารมณ์ดีบ้าอะไร!
ติงเซี่ยนกำลังอยากจะหันไปดูว่าเป็นเทพมาจากไหนกัน
ทันใดนั้นคนที่นั่งโต๊ะข้างหน้าก็หันมา เป็นผู้ชายผิวขาวมาก หัวโต หวีผมเรียบร้อย ดูแล้วคุ้นๆ เมื่อเขาเห็นติงเซี่ยนก็ชะงักไป
นายหัวโตที่เคยเจอที่บ้านตระกูลโจววันนั้น
ติงเซี่ยนมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง เธอได้ยินนายหัวโตคนนั้นพูดขึ้นตามที่คิดจริงๆ…
“ซือเยวี่ย นายคงไม่ได้นอนตั้งแต่บ่ายถึงตอนนี้หรอกใช่มั้ย”
คนที่นั่งข้างๆ ส่งเสียงขึ้นจมูกง่ายๆ คำเดียว “อือ”
“นี่ ฉันยังโทรหาคุณน้าโจวอยู่เลยว่าอย่าลืมปลุกนายด้วย”
โจวซือเยวี่ยไม่ได้พูดอะไร
“แม่นายลืมเหรอ”
เขาตอบกลับสั้นๆ “อือ” เสียงขึ้นจมูกเหมือนยังง่วงอยู่
“คุณน้าโจวนี่เจ๋งจริงๆ” นายหัวโตยกนิ้วโป้งแล้วหันกลับไป
หลี่จิ่นฮุ่ยขี้ลืมมาก เรื่องที่จำได้เพียงเรื่องเดียวก็คือไปเล่นไพ่กับคุณนายบ้านข้างๆ นอกจากเล่นไพ่แล้ว เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ หลักๆ เป็นเพราะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน ความจำจึงไม่เหมือนเดิม บวกกับลูกชายคนนี้ไม่เคยทำให้เธอต้องเป็นห่วง ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยยุ่งกับเรื่องของเขา
หากไม่ใช่เพราะช่วงนี้โจวซือเยวี่ยกำลังเตรียมเข้าร่วมแข่งขันหุ่นยนต์ในเดือนกันยายน อดหลับอดนอนทุกคืน ก็คงไม่ต้องมานอนตอนบ่ายชดเชยแบบนี้
เขาเกาคิ้ว สายตาชำเลืองมองมาที่เพื่อนร่วมโต๊ะก็พบติงเซี่ยนกำลังก้มศีรษะ คางเกยบนพื้นโต๊ะ มือขีดๆ เขียนๆ บนสมุด เธอรวบผมม้าแบบที่ทำเป็นประจำ ลำคอเรียวยาวขาวสะอาดเหมือนกับรากบัวอ่อน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขารู้สึกว่าศีรษะด้านหลังเธอมีคำว่า ‘โง่’ แปะไว้อยู่
“เฮ้”
เฮ้อะไร ฉันไม่มีชื่อหรือไง ไม่ได้สนิทกับนายสักหน่อย แค่มานั่งติดกันชั่วคราวเท่านั้น จะมาทำตีสนิทอะไร
ติงเซี่ยนทำเป็นหูตึง หันหน้าไปอีกทาง ทำเป็นว่าฉันไม่สนใจนาย
คุณชายโจวหัวเราะเย้ยตัวเองและส่ายศีรษะ
ครูหลิวเจียงยิ่งพูดก็ยิ่งติดลม ออกรสออกชาติเหมือนกาน้ำร้อนเดือด น้ำลายกระเด็นกระดอนไปทั่ว
“ธนูยิงแล้วไม่ย้อนกลับ ในเมื่อพวกเธอก้าวเข้ามาในประตูนี้แล้ว มีชีวิตอยู่ก็ถือเป็นคนที่นี่ ‘ตาย’ ก็เป็นวิญญาณที่นี่ ฉันหวังว่าพวกเธอจะทำให้ตัวเอง ’ตาย’ อย่างมีเกียรติ! ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป พวกเธอจะต้องเข้มงวดกับตัวเองให้สุด มีกำลังมากแค่ไหนก็ทุ่มไปให้สุด ธนูจะยิงได้ไกลแค่ไหนก็อยู่ที่พวกเธอลงแรงพยายามมากแค่ไหนในช่วงสามปีนี้ แม้จะเหนี่ยวสายธนูตึงจนขาดก็จะผ่อนแรงขี้เกียจไม่ได้เด็ดขาด!”
ติงเซี่ยนฟุบอยู่บนโต๊ะ รู้สึกว่าประโยคนี้ดีมาก เปรียบเทียบได้เหมาะเจาะจริงๆ ครูที่เหยียนผิงไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ จากนั้นเธอก็หยิบปากกาจด ตั้งใจจะแปะไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นกำลังใจและกระตุ้นตัวเอง
ทันใดนั้นโจวซือเยวี่ยซึ่งนั่งมองอย่างเย็นชาอยู่ข้างๆ มาโดยตลอดก็หัวเราะในลำคอ ชำเลืองมองสมุดเธอด้วยท่าทางเยาะเย้ย
“คำสอนให้กำลังใจปลอมๆ พวกนี้ก็จดใส่สมุด ชีวิตเธอมันขาดการศึกษาขนาดนั้นเลยเหรอ”
ติงเซี่ยนเพิ่งเขียนคำว่าธนูเสร็จ พอได้ยินคำเย้ยหยันอย่างเย็นชานี้ก็รีบใช้มือทั้งสองปิดสมุดไว้แน่นและหันหน้าไปทางอื่น
ครูหลิวเจียงพูดจามีเหตุมีผล นักเรียนด้านล่างต่างฟังจนฮึกเหิมไปตามๆ กัน ดวงตาเป็นประกายราวกับเห็นใบตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยชิงหวาวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าตนเอง
ขณะที่สองคนแถวหลังสายตาสบประสานกันกลางอากาศ
คุณชายโจวไม่เหมือนมาเรียนสักนิด เขานั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ หนังสือ ‘คนกับธรรมชาติ’ กางอยู่บนโต๊ะ อ่านอย่างไม่สนโลก คิ้วทั้งสองข้างเลิกขึ้นเล็กน้อย หางตาเหมือนขนของลูกขนไก่ที่ได้รับการเล็ม เหมือนกับใบมีดที่ทั้งบางและคม
ใบหน้าดุเข้มตั้งแต่เกิดหล่อเหลา เขาตัดผมสั้น ทำให้เห็นใบหน้าที่สะอาดสะอ้านและโครงหน้าชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับหัวรังนกที่บ้านเขาในวันนั้น โจวซือเยวี่ยที่แต่งตัวเล็กน้อยดูน่ามองทีเดียว
ติงเซี่ยนมองใบหน้าที่มีเสน่ห์นั้นอย่างเย็นชา และพูดทีละคำอย่างชัดเจน “ฉันชื่อติงเซี่ยน”
โจวซือเยวี่ยก้มหน้าเปิดหนังสือ ‘คนกับธรรมชาติ’ ไม่เหลือบตาขึ้นมามองแม้แต่น้อย เงี่ยหูฟังและตอบ “อือ” ออกมาส่งๆ ไม่รู้ว่าเขาจำเธอได้หรือเปล่า
ติงเซี่ยนพูด “นายไม่ต้องมาทำเป็นตีสนิทกับฉัน” ฉันไม่หลงเสน่ห์นายหรอก
คราวนี้คุณชายน้อยเงยหน้า ใบหน้าบ่งบอกว่าคาดไม่ถึง คิ้วชี้ขึ้น
“ฉัน…ตีสนิทเหรอ”
ติงเซี่ยนพูดอย่างจริงจัง “ใช่ พรุ่งนี้ครูก็จะจับย้ายที่นั่งแล้ว เราทั้งคู่มากสุดก็เป็นแค่เพื่อนร่วมโต๊ะน้ำค้าง*”
คุณชายน้อยคิ้วแทบจะหลุดออกมา “…เพื่อนร่วมโต๊ะ…น้ำค้าง?”
ติงเซี่ยนพยักหน้า เธอไม่ได้พูดอะไรผิดสักนิด
สุดท้ายครูหลิวเจียงบนแท่นบรรยายก็สรุปปิดการบรรยาย “เอาแบบนี้นะ อีกหนึ่งเดือนจะมีการสอบวัดความรู้ ให้เวลาพวกเธอหนึ่งเดือนรีบไปทบทวนเรื่องที่เคยเรียนมา ส่วนที่นั่งก็นั่งแบบนี้ไปก่อน ไว้ครบหนึ่งเดือนครูจะจัดที่นั่งให้ใหม่ตามคะแนนของพวกเธอ เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน นักเรียนที่อยู่ประจำไปรวมตัวกันที่ห้องทำงานครูนะ นักเรียนไปกลับก็เดินทางกลับบ้านดีๆ เลิกเรียนได้”
เอ่อ คุณครูคะ จะง่ายไปหน่อยมั้ยคะ
สมแล้วที่เป็นครูขาโหดที่โด่งดัง แม้แต่เวลาพูดยังจับเวลาได้พอดีเป๊ะ พอคุณครูพูดจบ เสียงกริ่งเลิกเรียนที่ก้องกังวานก็ดังขึ้นเหมือนเตรียมพร้อมไว้แล้วทันที…
บรรดานักเรียนต่างกรูกันออกจากห้องเรียน เหลือแต่ติงเซี่ยนที่ยังนั่งอึ้งอยู่ที่เดิม แม้แต่ของก็ลืมเก็บ
นายหัวโตไปขอตารางสอนกับครูหลิวเจียง โจวซือเยวี่ยพิงโต๊ะเรียนรอเพื่อน ความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรทำให้ต้นขาแทบจะเลยพื้นโต๊ะเรียนขึ้นมา สะโพกครึ่งล่างอิงขอบโต๊ะ มือทั้งสองล้วงกระเป๋า สะพายกระเป๋านักเรียนสีดำ ก้มหน้ามองปลายรองเท้าของตนเอง ปอยผมห้อยลงมาปรกหน้า
นายหัวโตกลับมาอย่างรวดเร็ว ‘ไปเถอะ ซือเยวี่ย’
โจวซือเยวี่ยลุกขึ้น กำลังจะก้าวเดิน ทันใดนั้นก็หยุดแล้วตบบ่าติงเซี่ยน พูดล้อเลียนเธอ
“เจอกันพรุ่งนี้นะ เพื่อนร่วมโต๊ะน้ำค้าง”
ติงเซี่ยนกำลังเก็บกล่องดินสอใส่กระเป๋า เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็อึ้งไป เงยหน้าขึ้นทันควัน แต่ก็ไม่เห็นใครแล้ว
เธอทุบกล่องดินสอลงบนโต๊ะเสียงดังปัง ดินสอในนั้นกลิ้งตกออกมา และบังเอิญกลิ้งไปที่เก้าอี้นั่งของโจวซือเยวี่ยพอดี
เหมือนเป็นลางบอกเหตุ
* มหาวิทยาลัยชิงหวา เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน มีอัตราการแข่งขันสอบเข้าสูงมาก โดดเด่นในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรม
** คิวคิว หรือ Tencent QQ เป็นโปรแกรมเมสเซนเจอร์สำหรับวินโดวส์ ผลิตโดยบริษัทเทนเซนต์จากประเทศจีน
*** ศิลาวั่งฟู คือหินรูปร่างเหมือนคนยืน ตั้งอยู่บนภูเขาทางเหนือของเขตอู่ชาง มณฑลหูเป่ย
* เหม่ยเหยียน หรือ Beautycam คือแอพพลิเคชั่นแต่งรูป
* สามวันไม่ตี ขึ้นหลังคารื้อกระเบื้อง ใช้เปรียบเปรยถึงเด็กที่ซุกซน ดื้อรั้น มักจะเป็นประโยคที่ผู้ใหญ่ใช้สั่งสอนเด็กที่ไม่เชื่อฟัง
* ดอกไม้สดปักลงบนกองขี้วัว เป็นคำเปรียบเปรยถึงหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่ได้สามีหน้าตาน่าเกลียดหรือนิสัยน่ารังเกียจ
[2] ลักยิ้มของวีนัส คือรอยบุ๋มสองรอยเล็กๆ ที่อยู่บริเวณด้านหลังตรงข้อต่อกระดูกเชิงกรานแถวบั้นเอว คล้ายรอยลักยิ้ม
* เกล็ดน้ำค้างแข็งทับถมบนกองหิมะ หมายถึงโชคร้ายซ้ำๆ หรือหายนะที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
** เสี่ยวป้าหวัง ชื่อบริษัทเกี่ยวกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ประเภทการศึกษา ออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเกมและการศึกษาสำหรับเด็กๆ
* แมรี่ ซู เป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเติมเต็มความรู้สึกหรือจินตนาการของผู้เขียนและผู้อ่าน โดยไม่คำนึงถึงหลักเหตุผลและความเป็นจริงหลายประการ และในวงการนักเขียนใช้ศัพท์นี้เพื่อแทนความหมายว่าการเขียนเรื่องที่เกินจริง ไม่อิงหลักความเป็นจริง
** สายฟ้าประดิษฐ์ เรียกอีกอย่างว่า ‘แมรี่ ซูเทียม’ หมายถึงไม่ใช่แมรี่ ซูตัวจริง ใช้พูดถึงคนที่อยากจะเป็นจุดสนใจ แต่กลับไม่มีคุณสมบัติพอที่จะทำได้
* เพื่อนร่วมโต๊ะน้ำค้าง ความหมายเปรียบเทียบเหมือนเพื่อนร่วมโต๊ะชั่วคราว เสมือนน้ำค้างที่เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมา น้ำค้างก็จะแห้งหายหมดสิ้น
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 9 มี.ค. 66 เวลา 12.00 น.