Our Secret รักในความลับ
ทดลองอ่าน Our Secret รักในความลับ บทที่ 1
จังหวะที่ติงเซี่ยนไม่ทันระวังตัว เขาก็พุ่งไปตรงหน้าเธอเหมือนสายฟ้าแลบแล้วกดชัตเตอร์ จากนั้นก็วิ่งหนีไปด้วยความเร็วราวกับแข่งวิ่งร้อยเมตร หญิงสาวสีหน้ามึนงง พอได้สติกลับมาก็เห็นเฉาเหวินจวิ้นชูโทรศัพท์มือถือวิ่งหนีไปแล้ว แถมยังโบกมือให้เธออีกด้วย เขาวิ่งขึ้นตึกไปอย่างเร่งรีบ ยังไม่ทันหายหอบก็เอารางวัลที่ได้มาจากการสู้รบส่งให้เพื่อนร่วมห้องอีกสองคนที่เหลือดู
ในยุคนั้นที่ยังไม่มีแอพฯ เหม่ยเหยียน* คงไม่ต้องบอกว่าภาพของติงเซี่ยนภาพนั้นน่าเกลียดขนาดไหน ดวงตาทั้งคู่ตกใจเหมือนปลาตาย แม้เขี้ยวเล็กๆ ที่ดูน่ารักในยามปกติก็ไม่ได้ดูน่ารักขนาดนั้น แต่ผิวพรรณถือว่าไม่เลว
เมื่อเห็นรูป เพื่อนร่วมห้องต่างแสดงความคิดเห็นว่าสายตาของลูกพี่นี่เกินบรรยายจริงๆ และพากันเสียดาย เสียดายใบหน้าอันหล่อเหลานั่นเหลือเกิน
ต่อมาตามคำบอกเล่าของเสี่ยวจางซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องกลุ่มเดียวกัน ตอนที่เกิดเหตุเขากับลูกพี่อยู่ในห้องทดลอง กำลังประกอบหุ่นยนต์ที่อีกไม่นานจะต้องใช้เข้าร่วมการแข่งขันลีกมหาวิทยาลัย เมื่อลูกพี่ได้ยินข่าวจากในกลุ่มก็บิดขาหุ่นยนต์จนหัก…
บิดจนหักเลย
เสี่ยวจางกลายเป็นบ้าเพราะเรื่องนี้ เขาโมโหจนบ่นไม่หยุด แม้แต่พูดก็ยังติดๆ ขัดๆ สาปแช่งคุณชายโจวผู้นั้นอย่างครบถ้วนทุกประการ สุดท้ายก็นึกขึ้นได้และถามว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน
เฉาเหวินจวิ้นรีบรายงานข่าวที่เพิ่งได้ยินมา “เพื่อนนักเรียน ม.ปลาย ได้ยินว่าเพื่อลูกพี่ เธอถึงกับยอมเรียนซ้ำชั้นจนสอบติดมหาวิทยาลัยชิงหวา แถมยังเข้าสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ด้วย”
เสี่ยวจางนิ่งอึ้งไป มือหยุดสั่น บนหน้ามีอักษรตัวโตเขียนว่า ‘บ้าเอ๊ย’
มีคนร้องตะโกนขึ้น “ผู้หญิงคนนี้ไม่เบาเลยนะเนี่ย!”
สอบเข้าชิงหวาเพราะความรัก คิดดูแล้วเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก
“แต่ว่า…” เฉาเหวินจวิ้นหยุดไปครู่หนึ่งพลางขมวดคิ้วอย่างกังวล “เหมือนว่าลูกพี่จะปฏิเสธเธอ…”
ปฏิกิริยาของทุกคนคือ ‘What! สมกับเป็นโจวซือเยวี่ย ผู้หญิงนับเป็นอะไรกัน โปรแกรมสิถึงจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง’
เป็นจริงดังที่ว่าโลกใบนี้ไม่ใช่ทุกเรื่องที่พยายามแล้วจะสำเร็จ
อีกด้านหนึ่ง
ติงเซี่ยนที่ถูกปฏิเสธก็มึนงง เธอทำแก้มป่อง นั่งขัดสมาธิบนเตียงในห้องพัก มือเท้าคางครุ่นคิด ปลายนิ้วชี้เคาะแก้มตัวเองเป็นจังหวะ พัดลมบนศีรษะหมุนไปมา ทว่าลมร้อนอบอ้าวกลับไม่ถูกพัดหายไป แม้แต่อากาศโดยรอบก็ยังตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอ
ที่จริงแล้วโจวซือเยวี่ยชอบเธอหรือเปล่านะ
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงคาบเรียนวิชาภาษาจีนสมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก
คุณครูใช้มือสองข้างยันแท่นบรรยาย สายตากวาดไปที่นักเรียนทางด้านล่าง นิ้วชี้ดันแว่นตาขึ้นพร้อมถามว่า ‘ในสายตาของพวกเธอ การเติบโตคืออะไร’
มีคนตอบสนองไวมาก รีบแย่งตอบขึ้นมา ‘การตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมกางเกงเปียก แล้วยิ้มในใจว่าไม่ได้ฉี่รดที่นอน’
คนที่แย่งตอบเป็นนักเรียนชายที่เกเรที่สุดในชั้น ปกติเวลาเรียนชอบตอบคำถามคุณครู โดยเฉพาะคุณครูผู้หญิง หลังจากนั้นห้องเรียนที่แต่เดิมเงียบกริบก็ระเบิดขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะ แม้แต่คนข้างๆ ติงเซี่ยนก็ยังอดหัวเราะไม่ได้
คุณครูผู้หญิงอายุยังน้อยและหน้าบางเดินหนีออกไปด้วยความโมโห ครึ่งคาบเรียนที่เหลือจึงกลายเป็นว่าให้ทุกคนทบทวนบทเรียนด้วยตัวเอง
ในฐานะที่เป็นตัวแทนวิชาภาษาจีน ติงเซี่ยนนอนฟุบบนโต๊ะเรียน เอียงศีรษะมองร่างด้านข้างที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างอย่างขะมักเขม้น
โจวซือเยวี่ยกำลังก้มหน้าทำโจทย์วิชาคณิตศาสตร์ เขาคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว นิ้วมือที่จับปากกานั้นเรียวยาว เห็นข้อกระดูกชัดเจน เห็นกระทั่งเส้นเลือดสีเขียวได้รางๆ ใบหน้าที่ก้มอยู่เย็นชา มุมปากที่ยกขึ้นนิดๆ แสดงให้เห็นว่าเขาได้ยินคำพูดเมื่อครู่นี้
‘โจวซือเยวี่ย’
‘หือ?’ เด็กหนุ่มตอบโดยไม่ได้สนใจ ปากกาในมือยังคงเขียนต่อไป ดวงตาไม่เหลือบขึ้นมาแม้แต่น้อย ยังคงเขียนสมการอย่างรวดเร็วยาวต่อกันเป็นพืด ตัวเลขแถวต่อแถวที่ออกมาจากปลายปากกาเขาเหมือนกับแถวทหารที่จัดระเบียบเป็นอย่างดี
ติงเซี่ยนมองดูกระดาษขาวที่เขาเขียนทดคร่าวๆ เต็มไปหมด ก่อนจะมองไปยังคำตอบที่เขาเขียนอย่างไม่ลังเลข้อแล้วข้อเล่าพลางทอดถอนใจแล้วปลอบใจตัวเอง
อย่าตกใจไป เขาเป็นแชมป์จินตคณิตระดับประเทศ
‘ถ้าอย่างนั้นวันนั้นนาย…‘ฉี่รดที่นอน’ เหรอ’ ติงเซี่ยนเอาคางเกยโต๊ะและถามด้วยความสงสัย
วันนั้น? วันไหน โจวซือเยวี่ยใช้เวลาอยู่นานกว่าจะนึกออกว่าคือวันไหน เธอยังกล้าพูดถึงวันนั้นอีกเหรอ!
‘สามวันไม่ตี เธอก็จะขึ้นหลังคารื้อกระเบื้องใช่มั้ย* ครั้งหน้าถ้าบุกรุกเข้าห้องฉันอีกนะ…’ พร้อมๆ กับเสียงที่ฟังดูเริ่มรำคาญของเด็กหนุ่ม ติงเซี่ยนก็โดนเขาเอาปากกาเคาะศีรษะเข้าให้อย่างไม่ปรานี
ติงเซี่ยนคลึงศีรษะตัวเองแล้วฟุบลงบนโต๊ะต่อ ขีดๆ เขียนๆ และขูดชื่อที่เดิมทีสลักไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือจนเป็นร่องลึกโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ขูดก็ไม่ลืมที่จะยั่วโมโหเขา
‘ฉันจะเข้า!’
คุณชายโจววางปากกาแล้วหันขวับมามองเธอทันที เส้นผมเป็นประกายสีทองภายใต้แสงสีทองอันเจิดจ้าของพระอาทิตย์ยามลาลับขอบฟ้า แนวลำคอยาวจรดคอเสื้อเครื่องแบบนักเรียน ลูกกระเดือกที่ยื่นออกมาขยับเล็กน้อย
‘อ้อ ถ้าเธอไม่กลัวตายก็ลองดูแล้วกัน’
ติงเซี่ยนเหม่อมองเขาอยู่อย่างนั้น สายตาอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยการหยอกล้อ นิสัยร้ายๆ แบบคุณชายน้อยเริ่มปรากฏออกมาอีกแล้ว
ตอนนั้นเธอมักจะรู้สึกว่าโจวซือเยวี่ยชอบเธอ
เมื่อนึกถึงตรงนี้เธอก็เลียริมฝีปากแห้งผากด้วยความเสียดายนิดๆ เพื่อนร่วมห้องที่มาส์กหน้าอยู่ที่เตียงด้านล่างมองเธออยู่ครึ่งชั่วโมงแล้ว อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
“วันนี้ฉันได้ยินรุ่นพี่ปีสองคนหนึ่งบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งสอบเข้าชิงหวาเพื่อความรัก เป็นเธอใช่มั้ย เยี่ยมยอดเหมือนกันนี่นา”
มนุษยสัมพันธ์ดีไม่เบาเลยนี่สาวน้อย ไม่นานก็รู้จักรุ่นพี่ปีสองแล้ว