ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนระเบิดออกมา “ใช่ หนูเป็นคนอกตัญญู!”
เยี่ยหวั่นเสียนถูกลูกสาวตะโกนใส่จนอึ้งงัน ตาค้างมองติงเซี่ยนวิ่งกลับเข้าห้องของตัวเองไป จากนั้นก็มีเสียงปิดประตูดังปังตามมาทันที
เยี่ยหวั่นเสียนสะดุ้งรู้สึกตัว ลูกสาวตัวดีปีกกล้าขาแข็งบังอาจเถียงกับเธอ หากไม่ใช่เพราะในมือยังอุ้มลูกชายอยู่ เธอคงพุ่งตัวไปดึงหูลูกสาวตัวดีมาสั่งสอนให้รู้เรื่องสักรอบแล้ว
“สอบติดมัธยมเยี่ยนซานแล้วถือว่าเก่งนักใช่มั้ย กล้ามาขึ้นเสียงเถียงกับฉัน! นังตัวดี! น้าเล็กของแกพูดไม่ผิด! นังตัวดี แกมันเจ้าคิดเจ้าแค้น แถมยังใจแคบอีก ฉันไม่น่าคลอดแกออกมาเลย!”
ติงเซี่ยนไพล่มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง ตัวแนบประตู หอบหายใจเบาๆ
เธอปรบมือให้ตัวเองในใจ ทนรับสภาพไม่เป็นธรรมมาสิบกว่าปี จู่ๆ ก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองเถียงแม่เมื่อครู่นี้ช่างกล้าหาญเหลือเกิน เธอรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะโตแล้ว
เพราะในหนังสือกล่าวไว้ว่าสัญลักษณ์ของการเติบโตขึ้นคือการต่อต้าน การต่อต้านก็เริ่มจากการเถียงนั่นเอง
ติงเซี่ยนเอียงคอมองตัวเองในกระจกแต่งตัวที่อยู่เบื้องหน้า รูปร่างเธอไม่สูง ผอม ตัวเล็ก ผมสีดำมัดเป็นหางม้าไว้ด้านหลังศีรษะ ตัวแบนๆ ไม่ถึงกับสวย แต่ก็พอดูได้
หน้าผากที่ขาวสะอาดปูดขึ้นมา
น่าแปลก เธอรู้สึกว่าเขาเล็กๆ แบบนี้ก็เข้ากับสีหน้าและอารมณ์ของเธอในวินาทีนี้เหมือนกัน หากมีเขี้ยวอีกอย่างก็คงจะดี
พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะทำท่าขบฟัน แยกเขี้ยวแหลมเป็นประกาย ทำสีหน้าให้ดูดุร้ายที่สุด
ท่ามกลางความวุ่นวายข้างนอกประตู ติงเซี่ยนมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ร่างเล็กๆ ของเธอขดเหมือนเปาะเปี๊ยะกุ้ง นัยน์ตาที่ขยับอย่างรวดเร็วคู่นั้นจ้องไปยังใบไม้เขียวชอุ่มที่ปลิวไสวนอกหน้าต่าง
น้องชายยังคงร้องไห้เสียงดังอยู่ที่ห้องรับแขก ทั้งยังมีเสียงกัดฟันด่าของแม่ลอยเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ
“ยายเด็กใจแคบ สอบติดโรงเรียนมัธยมเยี่ยนซานก็โอหังอวดดี ลูกรักของแม่ ไม่ต้องร้องไห้นะ แม่ต้องไปทำกับข้าวแล้ว”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงประตูใหญ่เปิดออก พ่อของติงเซี่ยนเลิกงานกลับมาแล้ว เยี่ยหวั่นเสียนอุ้มลูกชายไปฟ้อง
ในบ้านพ่อของติงเซี่ยนจะเป็นคนเงียบๆ พูดน้อยมาโดยตลอด ส่วนมากมักจะนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ ก็เหมือนกับตอนนี้ เมื่อได้ยิน ‘คำฟ้อง’ จากเยี่ยหวั่นเสียนก็เพียงแต่หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าและเอาเข้าปากเงียบๆ
เยี่ยหวั่นเสียนโกรธสุดขีด จึงผลักเขาทีหนึ่ง “อย่างน้อยคุณก็พูดอะไรบ้างได้มั้ยฮะ! ลูกสาวคุณน่ะ นับวันจะยิ่งเอาไม่อยู่แล้วนะ!”
พ่อของติงเซี่ยนเห็นเหตุการณ์วุ่นวายแบบนี้จนชินชาเสียแล้ว เขารู้สึกรำคาญขึ้นมาจึงดับบุหรี่
“ลูกของคุณ ลูกของคุณ ลูกสาวไม่ใช่เธอที่คลอดออกมาเหรอ อุ้มแต่ลูกชายทั้งวัน ตามใจจนเสียเด็กแล้ว”
เสียงร้องของน้องชายยิ่งดังขึ้น ติงเซี่ยนแอบกัดฟันหลบอยู่ใต้ผ้าห่ม
เยี่ยหวั่นเสียนเหมือนลูกโป่งที่โดนเจาะแตกอย่างฉับพลันจึงขึ้นเสียงทันที “คุณหมายความว่ายังไง! หาว่าฉันโอ๋ลูกชายเหรอ ตอนแรกก็เพราะบ้านคุณนั่นแหละที่บังคับให้ฉันมีลูกชาย ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดโบราณๆ ของบ้านคุณ ฉันจะอดทนมีลูกชายให้คุณเหรอ! ตอนนี้กลับมาโทษฉัน!”
เสียงร้องไห้ของน้องชายบวกกับเสียงทะเลาะกันเป็นฟืนเป็นไฟของผู้ใหญ่สองคนทำให้ข้างนอกวุ่นวายจนเละเป็นโจ๊กเลยทีเดียว
เงาของต้นไม้ทรุดโทรมนั้นค่อยๆ เลือนรางไป ติงเซี่ยนถูกความง่วงครอบงำทันทีท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่อึกทึกวุ่นวาย เธอเคยชินกับมันเสียแล้ว นี่เป็นเหตุการณ์ปกติของบ้านเธอ
ความคิดสุดท้ายก่อนที่เธอจะหลับไปคือ…
ขอให้สามปีนี้ผ่านไปไวๆ วัยสิบแปดปีที่เหมือนนรกรีบสิ้นสุดลงสักทีได้มั้ยนะ
วันรุ่งขึ้นความวุ่นวายเมื่อวานกลายเป็นควันที่หายลับตาไปอย่างรวดเร็ว
เยี่ยหวั่นเสียนพาลูกสาวลูกชายไปบ้านตระกูลโจวท้ายซอยด้านตะวันออก
ก่อนออกจากบ้าน เยี่ยหวั่นเสียนกำชับพวกเธอหลายต่อหลายรอบว่าคุณลุงโจวท่านนี้เป็นผู้ดี การที่พ่อได้ย้ายงานในครั้งนี้ คุณลุงโจวมีส่วนช่วยไม่น้อย ระหว่างอยู่บนโต๊ะอาหารต้องพูดจาดีๆ
เมื่อพูดจบเธอก็หันมามองติงเซี่ยนและเอ่ยกำชับเป็นพิเศษ “คุณลุงโจวมีลูกชายคนหนึ่ง สอบติดโรงเรียนมัธยมเยี่ยนซานในปีนี้เหมือนกัน แม่ได้ยินมาว่าคะแนนรวมยังสูงไม่เท่าลูก ยังไงลูกก็ช่วยๆ เขาหน่อย ผูกมิตรกับเขาไว้”
ติงเซี่ยนรู้สึกว่าในสายตาของแม่ มาตรฐานในการแบ่งประเภทคนไม่ว่าจะเป็นหญิง ชาย เด็ก ชรา มีเพียงสองประเภท นั่นก็คือคนที่มีประโยชน์กับคนที่ไม่มีประโยชน์
“ค่ะ”
เธอตอบรับไปอย่างส่งๆ เหมือนหุ่นยนต์ แต่ในขณะเดียวกันก็คิดว่าตัวเองกำลังเข้าสู่ช่วงต่อต้าน เธอจะไม่ทำตามคำสั่งของแม่เป็นอันขาด หรือถ้าแรงกว่านั้นอีกหน่อยก็คือทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม แต่ในวินาทีที่เธอเห็นคุณชายน้อยผู้นั้น ติงเซี่ยนกลับอยากอยู่ในแนวร่วมเดียวกับมารดาขึ้นมาทันที
คุณลุงโจวในวัยสี่สิบกว่าปีนับว่าเป็นคนดูดีทีเดียว ใส่แว่นตากรอบทอง ท่าทางดูผู้ดีมีมารยาท ส่วนคุณนายโจวก็เป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดเท่าที่ติงเซี่ยนเคยเห็นมา ติงเซี่ยนใช้คำว่า ‘หญิงสาว’ อย่างไม่รู้สึกผิดแปลกอะไร เพราะเดาอายุคุณนายโจวไม่ออกจริงๆ