ทดลองอ่าน Our Secret รักในความลับ บทที่ 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Our Secret รักในความลับ

ทดลองอ่าน Our Secret รักในความลับ บทที่ 2

หน้าที่แล้ว1 of 7

บทที่ 2

เพื่อนร่วมโต๊ะน้ำค้างนำพาให้เกิดน้ำท่วมภูเขา

 การแอบรักคือการคุยเรื่องไม่มีสาระสำคัญอะไรกับเธอ แต่คุยเรื่องของเธอกับสายลมที่พัดผ่าน

‘บันทึกของสัตว์ประหลาดตัวน้อย’

 

สำหรับคำว่า ‘เพื่อนร่วมโต๊ะ’ ตั้งแต่โบราณก็เป็นอะไรที่ฟังดูคลุมเครือ

ทุกชั้นเรียนมักจะมีเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างน้อยหนึ่งคู่ นั่งไปก็รักกัน วัยเยาว์จีบกันนานนับปี แต่พัดผ่านไปเหมือนควันในพริบตา หลายปีผ่านไปติงเซี่ยนยังจำเหตุการณ์กระอักกระอ่วนที่คู่รักในชั้นเรียนสมัยนั้นต่างพาคู่รักใหม่ของตัวเองมาเจอกันในงานเลี้ยงรุ่นได้ดี แต่คิดไม่ถึงว่าที่กระอักกระอ่วนที่สุดก็คือเธอกับคุณชายที่นั่งข้างๆ เธอคนนี้

แต่นี่เป็นเรื่องที่จะกล่าวถึงทีหลัง

ตั้งแต่เย็นนั้นเป็นต้นมา ทั้งคู่ก็กลายเป็น ‘เพื่อนร่วมโต๊ะน้ำค้าง’ อย่างเป็นทางการ ติงเซี่ยนแอบสังเกตดูเขาทั้งต่อหน้าและลับหลัง จากนั้นก็พบว่าการที่ผู้ชายคนนี้สอบได้หกร้อยเจ็ดสิบคะแนนก็ถือเป็นเทพแล้วจริงๆ เพราะในคาบเรียนเขาเอาแต่อ่านหนังสือนอกเวลา เวลาเลิกเรียนก็พิงพนักเก้าอี้คุยเล่นกับคนอื่น เลิกเรียนก็ไปเตะบอล หลังจากทำการบ้านวันนั้นๆ ในคาบทบทวนบทเรียนช่วงเย็นเสร็จก็อ่านหนังสือนอกเวลาต่อ

หนังสือที่โจวซือเยวี่ยอ่านมีหลากหลายประเภทมาก มีทุกประเภทผสมปนเปกันไปหมด ที่แปลกที่สุดก็คือเธอเคยเห็นหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งบนโต๊ะเขาชื่อว่า ‘Fancy Coffins to Make Yourself’

เธอแอบจดชื่อหนังสือไว้และกลับไปค้นพจนานุกรมในช่วงค่ำถึงได้รู้ว่าชื่อของหนังสือเล่มนั้นคือ ‘วิธีสร้างโลงศพเหมือนฝันให้ตัวเอง’

วันรุ่งขึ้นเธอก็เห็นหนังสืออีกเล่มบนโต๊ะเขา ชื่อว่า ‘อาหารเลิศรสในโลกมนุษย์’

คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นนักชิมด้วย

ในฐานะคุณชายโจวผู้มีความรู้กว้างขวาง อ่านหนังสือหลากหลายประเภท แน่นอนว่ากลไกสมองของเขาย่อมไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างติงเซี่ยนจะเข้าใจได้

หนังสือเรื่อง ‘อาหารเลิศรสในโลกมนุษย์’ ถูกเปิดอ่านไปครึ่งหนึ่ง และวางเปิดไว้โจ่งแจ้งบนโต๊ะ ติงเซี่ยนแอบชะโงกไปดู เจอประโยคแรกก็ทำให้เธออยากจะอาเจียนทันที

 

ณ เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักร มีช่วงหนึ่งที่ชีสรสชาติหนึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย คนที่เคยกินต่างก็ลืมรสชาตินั้นไม่ได้ ดังนั้นจึงมักกลับไปที่ร้านเล็กๆ ร้านนี้เป็นประจำ แต่ไม่นานนักร้านดังกล่าวก็ถูกปิด หน้าประตูมีป้ายประกาศของทางการติดไว้ว่าในชีสนั้นใส่ปัสสาวะของหญิงสาวลงไป จึงทำให้รสชาติมีเอกลักษณ์เป็นพิเศษ

ในตอนนั้นทุกคนต่างพากันอาเจียนแทบจะไม่ทัน แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น ผู้คนกลับหยุดคิดถึงกลิ่นคาวนั้นไม่ได้

 

ติงเซี่ยนอ่านแล้วแทบจะอาเจียน เธอใช้นิ้วมือสองนิ้วจับมุมของหนังสือพลิกไปมาอย่างรังเกียจประหนึ่งว่าหนังสือเล่มนี้เปื้อนปัสสาวะของหญิงสาว

หน้าในหนังสือเปิดไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นด้านหลังของเธอก็มีเสียงไอไม่เบาไม่หนักดังขึ้น

หญิงสาวผู้แอบ ‘ขโมย’ อ่านรีบปล่อยมือทันที หนังสือลอยกลับไปอยู่บนโต๊ะเช่นเดิม ติงเซี่ยนค่อยๆ หันหลังก็เห็นคุณชายโจวยืนเอามือสองข้างล้วงกระเป๋าอยู่ พิงกรอบประตู มองมาที่เธออย่างจะยิ้มก็ไม่ใช่ ไม่ยิ้มก็ไม่เชิง และเขาก็ยิ้มอยู่เช่นนี้

แม่นายไม่ได้สอนนายเหรอว่าคนที่หน้าตาดีต้องยิ้มให้น้อยหน่อย ถ้าฉันชอบนายขึ้นมา นายรับผิดชอบไหวมั้ย

“ทำไม เธอสนใจหนังสือเล่มนี้เหรอ” เขาเดินเข้ามาดึงเก้าอี้นั่งลงแล้วถามอย่างไม่ใส่ใจ

ติงเซี่ยนกระแอมทีหนึ่ง “เปล่า” พอพูดจบเธอก็เขยิบกลับไปยังที่ของตัวเอง คิดไปคิดมาก็เงยหน้าพูดใส่เขาไปอีกคำ “โรคจิต”

โจวซือเยวี่ยหัวเราะล้อเลียนเบาๆ ดูเหมือนน่าจะเข้าใจว่าเป็นเพราะเธออ่านเนื้อหาท่อนนั้น แต่ก็ขี้เกียจจะอธิบายให้เธอฟังว่าที่จริงแล้วหนังสือเล่มนี้พูดถึงอะไร ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาพยายามทำตัวเป็นอริกับเขายิ่งสนุกเป็นพิเศษ บางครั้งเขาก็อดแกล้งเธอไม่ได้

นอกจากนั้นนั่งร่วมโต๊ะกับเธอก็ไม่เรื่องมากดี เธอไม่พูดมากและไม่มีแรงกดดันอะไร แถมเธอยังเป็นคนมองโลกในแง่ดีอีกด้วย แก้โจทย์โจทย์เดียวก็ยิ้มโง่ๆ อยู่ครึ่งค่อนวัน บางทีเขาเห็นแล้วก็รู้สึกขำ

โจทย์ง่ายๆ นั่นเขาแก้ได้ตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้ว แต่นี่เธอกลับทดในกระดาษหนึ่งหน้าเต็มๆ สุดท้ายยังคำนวณผิดอีก โง่จริงๆ

แต่ในฐานะ ‘เพื่อนร่วมโต๊ะน้ำค้าง’ คุณชายโจวจึงตัดสินใจช่วยชี้แนะให้เธอ เขางอนิ้วชี้และเคาะที่โต๊ะเธอเบาๆ

“ไม่ใช่ ฉันจะบอกให้นะ นิสัยการจดทุกอย่างลงในสมุดของเธอเนี่ย ถ้ายังทำต่อไปจะถูกคัดออกจากห้องเรียนดีเร็วๆ นี้ล่ะ”

เขาเป็นคนพูดจาตรงๆ มาโดยตลอด ไม่รู้จักอ้อมค้อม กับคนอื่นอาจจะอ้อมค้อมได้นิดหน่อย แต่กับคนที่สมองไม่ดี ถ้าเขาอ้อมค้อม เธอจะเข้าใจเหรอ

โรงเรียนมัธยมเยี่ยนซานยังใช้ระบบการคัดออก หลังจากจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่ คนที่ได้สิบอันดับสุดท้ายจะถูกคัดออกไปอยู่ห้องธรรมดา นี่ไม่ใช่การขู่ แต่เป็นกฎที่ใช้มาทุกรุ่น ที่จริงแล้วแทนที่จะเรียกว่าห้องเรียนดี ต้องเรียกว่าห้องเตรียมเรียนดีน่าจะถูกต้องกว่า สุดท้ายเมื่อคัดคนออกจนเหลือไม่เกินสี่สิบคนก็จะแบ่งเป็นสายวิทย์กับสายศิลป์ และที่เหลือถึงจะเป็นหัวกะทิของห้องเรียนดีอย่างแท้จริง

สำหรับติงเซี่ยน ที่จริงก็ค่อนข้างน่าหวาดเสียว เพราะคะแนนสอบเข้าของเธออยู่อันดับที่สามสิบแปดเท่านั้น ส่วนคุณชายน้อยคนข้างๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คะแนนของเขาแค่คาบเส้นมานิดเดียว การได้เข้ามาอยู่ห้องเรียนดีได้ก็เท่ากับเป็นการเปิดโลกสำหรับเธอแล้ว

ตอนแรกยังคิดว่าคุณลุงโจวยัดเงินเสียอีก แต่ตอนหลังเธอได้ยินคนพูดกันว่าคนที่เรียนจบมัธยมต้นที่นี่แค่สอบผ่านเกณฑ์ก็จะได้เข้าห้องเรียนดีทันที นอกจากนั้นก็ไม่มีวันถูกคัดออกด้วย

นี่มันกฎบ้าอะไร

ต่อมาเธอได้ยินว่าค่าเล่าเรียนโรงเรียนมัธยมเยี่ยนซานเทอมละหนึ่งหมื่นหยวน เด็กที่เรียนที่นั่นล้วนเป็นพวกคนรวยทั้งนั้น

ก็จริง ไม่อย่างนั้นคุณชายน้อยคนนี้จะเอาหนังสืออ่านนอกเวลามาจากไหนมากมายขนาดนั้น ความจริงแล้วเธอก็ชอบอ่านหนังสือ แต่ไม่ค่อยได้ซื้อ ทุกครั้งจะไปนั่งยองๆ อ่านฟรีที่ร้าน พออ่านจบก็เก็บเข้าที่อย่างระมัดระวัง กลัวจะโดนปรับค่าทำชำรุด

ติงเซี่ยนรู้สถานะของตนเองดี แต่เมื่อเจอคนตำหนิตรงๆ แบบนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างอ่อนไหว จึงทนไม่ได้จนหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ดวงตาทั้งสองจ้องโจวซือเยวี่ยเขม็งแล้วกัดฟันกรอดพูด

“ถ้าฉันสามแปด นายก็สี่ห้า มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน”

พอเธอโมโหก็มักจะย่อคำ เกร็งคอแข็งและขึ้นเสียงทันที ดังนั้นคำว่า ‘ฉันสามแปด’* ก็หลุดออกจากปากเช่นนี้

โจวซือเยวี่ยอึ้งงันมองเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าเกร็งท้องหัวเราะ ปรากฏว่ากลุ่มเพื่อนนักเรียนกลุ่มเล็กๆ ข้างๆ ต่างก็ได้ยิน สายตาสิบกว่าคู่จึงมองไปที่ติงเซี่ยนและพากันหัวเราะเสียงดังอย่างพร้อมเพรียง

ส่วนโจวซือเยวี่ยก็เปลี่ยนมาหัวเราะเสียงดังอย่างขบขันไม่ไหว แถมยังพยักหน้าเห็นด้วยอีก

สุดท้ายติงเซี่ยนจึงได้สติกลับมา นอนฟุบบนโต๊ะอย่างอับอาย เอาศีรษะซุกที่ข้อพับแขน อยากจะหาหลุมมุดหนีไป

ไม่รู้ว่าใครพูดขึ้นมาว่า “ซือเยวี่ย เพื่อนร่วมโต๊ะนายตลกดีเหมือนกันนะ”

ติงเซี่ยนทำเป็นไม่ได้ยิน ซุกหน้านิ่ง แต่ได้ยินคนข้างๆ เอ่ยคำพูดมีนัยเสียดสีด้วยน้ำเสียงเวทนา

“ขอโทษด้วยนะ อย่าถือสาเรื่องน่าขันเลยนะ”

ใครอนุญาตให้นายขำกัน

ได้รับการอนุญาตจากฉันแล้วเหรอ นายน่ะสิน่าขัน นายรู้มั้ยว่า น่าขัน หมายความว่าอะไร

หน้าที่แล้ว1 of 7

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Our Secret รักในความลับ

  • Our Secret รักในความลับ

    ทดลองอ่าน Our Secret รักในความลับ บทที่ 3

    By

    บทที่ 3 เธอเดินผ่านเหมือนสายลมที่พัดมาโดยไม่รู้ตัว  การแอบหลงรักคือการที่ฉันเปิดคอนเสิร์ตในใจเพียงคนเดียว แต่เธอกลับไปเป็นแขกรับเชิญพิเศษในค...

  • Our Secret รักในความลับ

    ทดลองอ่าน Our Secret รักในความลับ บทที่ 1

    By

    บทนำ เดือนกันยายน ปี 2550 ที่แดดร้อนระอุ นักศึกษาใหม่มหาวิทยาลัยชิงหวา* เริ่มเข้าเรียน เมืองทั้งเมืองเวลานี้เหมือนโถเซรามิกที่อากาศไม่สามารถ...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com