Our Secret รักในความลับ
ทดลองอ่าน Our Secret รักในความลับ บทที่ 2
“ตอนนี้เขาสองคนคุยกันเข้าขาเลยล่ะ เติ้งหวั่นหวั่นยังนัดเขาไปเล่นเกมกันด้วยนะ”
“ก็ไปเล่นสิ” ติงเซี่ยนพึมพำ
ข่งซาตี๋ส่งเสียง “ชิ” เหมือนขี้เกียจเสียเวลาพูดกับเธอ จึงทิ้งไพ่ใบสุดท้าย “พรุ่งนี้รีบกลับมานั่งที่เดิม ฉันทนยายนกตัวน้อยส่งเสียงจ้อกแจ้กข้างหลังไม่ไหวแล้วจริงๆ ยังมีอีกนะ ถ้าเธอไม่รีบคว้าโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ภายในเดือนนี้ พ้นหนึ่งเดือนไปแล้ว ครูจัดที่นั่งให้ใหม่ เธอก็จะยิ่งหมดหวัง”
“ไม่ย้าย!” ติงเซี่ยนดื้อเหมือนลา ข่งซาตี๋โมโหจนแทบจะถลึงตาใส่ จากนั้นก็เห็นติงเซี่ยนค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งตัวตรง ก้มหน้าพูดเสียงเบา “ก็เขาไม่ให้ฉันกลับไป”
“โอ๊ยๆๆ พวกเธอสองคนเป็นสามีภรรยาที่ทะเลาะกันเหรอ เธอดูสิ เหมือนมั้ยเนี่ย ถ้าสลับที่ก็ไม่ต้องกลับมาอีก! ประโยคนี้แม่เธอน่าจะพูดกับพ่อเธอเป็นประจำแน่เลยใช่มั้ย ต่อมาพอพ่อเธอกลับไป แม่เธอก็ยังดูแลปรนนิบัติหาของกินของดื่มอร่อยๆ ให้ไม่ใช่เหรอ”
พอพูดเช่นนี้ ทุกครั้งแม่จะเป็นคนทนไม่ได้โทรศัพท์หาพ่อก่อนตลอด พ่อถึงจะย้ายจากบ้านเพื่อนกลับมาที่บ้าน
ติงเซี่ยนหันหน้าไปมองช้าๆ
โจวซือเยวี่ยใส่เสื้อยืดสีดำ พิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย คุยเล่นกับซ่งจื่อฉีอย่างอารมณ์ดี เวลาคุยสนุกก็เผยรอยยิ้มสบายๆ ตามปกติของเขา ฟันของเขาขาวสะอาดเรียงตัวเป็นระเบียบ เวลายิ้มมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย แสงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้าทางด้านหลัง ผมดกดำอาบแดดสุดท้ายของวันส่องประกายสีแดงราวกับมีรัศมีเปล่งแสงออกมาจากตัวเขา
ติงเซี่ยนนึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา เธอเดินผ่านเหมือนลมพัดโดยไม่ตั้งใจ แต่สำหรับฉันกลับกลายเป็นน้ำท่วมทั้งภูเขา
มีผู้ชายเดินมาที่ประตูและเรียกโจวซือเยวี่ยให้ไปเตะบอลหลังเลิกเรียน เขายิ้มอ่อนๆ หันกลับไปตอบตกลง ผู้หญิงที่เดินผ่านข้างนอกอดไม่ได้ที่จะหันมามองข้างใน เขาดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัว ยังคงคุยกับซ่งจื่อฉีต่อ
ซ่งจื่อฉีเอ่ยแซว “เอ๋ๆๆๆ มีคนมาดูนายอีกแล้ว”
คุณชายน้อยเตะเก้าอี้อีกฝ่ายทีหนึ่ง “พูดเหลวไหลอะไร”
มีผู้หญิงมาดูเขาจริงๆ แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไร พวกเธอแค่อ้างว่ามาหาเพื่อนนักเรียนแล้วแอบมองเขาที่ประตูข้างหลัง สอดส่องพลางกระซิบกระซาบกันเบาๆ
“เขาคือโจวซือเยวี่ยใช่มั้ย”
ตอนแรกเพื่อนนักเรียนก็ทนรำคาญได้ แต่พอถูกถามบ่อยๆ สุดท้ายก็โพล่งขึ้นมา “ผู้ชายที่ประตูคนนั้นน่ะเหรอ ใช่แล้ว เขาคือโจวซือเยวี่ยของห้องเรา ยังไม่มีแฟน”
ผู้หญิงเหล่านั้นทุบบ่าเพื่อนนักเรียนอย่างเขินอาย “ใครถามเรื่องนี้กันล่ะ”
แต่ซ่งจื่อฉีรู้สึกว่าความคิดนั้นเขียนไว้ชัดๆ บนใบหน้าพวกเธออยู่แล้ว…
อย่างไรก็ตามโจวซือเยวี่ยก็ผูกมิตรได้กับทุกคน ปกติเขาอ่านหนังสือนอกเวลาเยอะ เจอเรื่องอะไรก็คุยได้หมด มีคนถามเขาก็ยินดีตอบ เขาดูเป็นลูกคุณหนูก็จริง แต่ไม่วางท่าแม้แต่น้อย คุยได้กับทุกคน บางทีเขาอาจคุยกับคนใบ้ที่ปากซอยได้ด้วย
เขามีเพื่อนเยอะ ดังนั้นไม่มีเธอไปคนหนึ่งก็ไม่นับว่าขาด
ติงเซี่ยนสลับที่กับเติ้งหวั่นหวั่นแล้ว เขาก็คุยเล่นกับคนอื่นอย่างสนุกสนานเหมือนเดิม ไม่รู้สึกกระทบกระเทือนอะไรเลยแม้แต่น้อย มีแต่เธอที่วุ่นวายใจอยู่ตรงนี้คนเดียว
พอพูดแบบนี้ ผ่านไปไม่นานเธอก็รู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาแล้ว
สาเหตุก็คือติงเซี่ยนลืมเอาหนังสือภาษาจีนมา อยากจะใช้กับเหอซิงเหวิน แต่เหอซิงเหวินไม่สนใจเธอ ติงเซี่ยนคิดว่าเขาอาจไม่ชอบแบ่งหนังสืออ่านกับใคร จึงไม่กล้ากวนเขาอีก
เธอก็เลยนั่งโง่ๆ ตลอดคาบเรียน ระหว่างนั้นก็โดนครูเรียกชื่อหนึ่งครั้ง
ระหว่างคาบเรียน ติงเซี่ยนไปเข้าห้องน้ำ ในห้องมีการแจกหนังสือที่เพิ่งมาถึง เหอซิงเหวินหยิบของตัวเองแต่ไม่ได้หยิบเผื่อเธอแล้วก็ส่งต่อไป พอต้องใช้หนังสือตอนเรียน ติงเซี่ยนไม่รู้เลยว่ามีการแจกหนังสือเล่มนี้แล้ว พอเห็นบรรดาเพื่อนนักเรียนต่างมีหนังสือเล่มใหม่อยู่บนโต๊ะ เธอจึงถามเหอซิงเหวินอย่างประหลาดใจ
“หนังสือเล่มนี้แจกตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ”
“เมื่อกี้”
“นายไม่ได้ช่วยหยิบไว้ให้ฉันเหรอ”
เหอซิงเหวินคิดสักครู่ “ลืมเลย”
ยังมีอีก เวลาที่ติงเซี่ยนเหลาดินสอ เหอซิงเหวินก็บ่นขึ้นมา
“ขี้ดินสอฝุ่นเยอะมาก เธอออกไปเหลาข้างนอกสิ”
ดังนั้นติงเซี่ยนจึงได้แต่ไปยืนเหลาดินสอที่ถังขยะด้านหลังห้องเรียน ไม่มีโต๊ะทุ่นแรงจึงเหลาลำบากมาก พอไม่ระวังก็บาดมือเป็นแผล
พอเปรียบเทียบกันแบบนี้ นกยูงตัวนั้นก็ดูยิ่งใหญ่ขึ้นมาโดยพลัน
ปกติเขาไม่ค่อยจะสนใจใคร แต่เวลาแจกหนังสือเขาจะเก็บไว้ให้เธอเสมอ เวลาครูสั่งการบ้านแล้วเธอไม่อยู่ เขาก็จะเตือนเธอเป็นพิเศษ และไม่เคยรังเกียจขี้ดินสอของเธอ
ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกว่าโจวซือเยวี่ยเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะที่ประเสริฐจริงๆ
พอจบคาบข่งซาตี๋เดินมาพูดคุยกับติงเซี่ยนอีกครั้ง ติงเซี่ยนจึงเอียงคอถาม “เธอว่าถ้าตอนนี้ฉันไปขอแลกที่นั่งคืนกับเติ้งหวั่นหวั่น เติ้งหวั่นหวั่นจะตกลงมั้ย”
ข่งซาตี๋หัวเราะใส่เธอ “เธอฝันไปเถอะ ตอนนี้พวกเขาเข้ากันได้ดีจะแย่ เวลาเรียนก็ถกปัญหาตีโจทย์กัน พอจบคาบก็คุยกันเรื่องเกม จะมีที่ให้เธอแทรกตรงไหน คนอย่างคุณชายโจวขาดสาวสวยผู้รู้ใจอย่างเธอนับว่าเป็นอะไร”
ติงเซี่ยนหน้าแดงแล้วไล่ตะเพิดข่งซาตี๋ไป รู้สึกว่าเพื่อนเธอชักจะน่ารำคาญขึ้นทุกที
ใครเป็นสาวสวยผู้รู้ใจของเขากัน เขาจะไปกินข้าว ทำการบ้าน เดินเล่นกับสาวที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับเธอ
จังหวะนั้นเสียงจักจั่นนอกหน้าต่างก็ดังขึ้น แต่สำหรับติงเซี่ยน มันไม่เพราะสักนิด หนวกหูชะมัด ใจดวงเล็กๆ ห้อยโตงเตงอยู่บนอากาศ ไม่หยุดนิ่งแม้แต่น้อย
เธอฟุบลงไปบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด คางเกยโต๊ะ ท่าทางเหมือนสุนัขเร่ร่อนที่กำลังหิวโหย ดวงตาสดใสกลอกไปมา ประเดี๋ยวมองไปที่เหอซิงเหวินทางซ้าย ประเดี๋ยวมองไปที่หัวหน้าห้องหญิงทางขวา ดูน่าสงสารไม่น้อย
จากนั้นเธอก็หันหลังเงียบๆ สายตาพุ่งไปที่แถวสุดท้าย
คุณชายน้อยคนนั้นกำลังเอามือล้วงกระเป๋าเดินเข้าห้องพร้อมซ่งจื่อฉี ผมหนานุ่มเหมือนกองหญ้า ยุ่งจนอยากจะจัดให้ แต่กลับกลายเป็นว่าความหล่อแบบสบายๆ นี้กลับมีเสน่ห์ที่สุด
ทุกคนต่างมีชายหนุ่มในใจ
แม้จะไร้สาระ แต่ใจก็ยังมุ่งปรารถนา
โจวซือเยวี่ยดึงเก้าอี้ออกมานั่ง ขาเรียวยาววางใต้โต๊ะอย่างสบายๆ ซ่งจื่อฉีหันมาและพูดโดยไม่ตั้งใจ
“ซือเยวี่ย สุดสัปดาห์นี้พวกเราไปร้านเกมกันเถอะ”
โจวซือเยวี่ยพิงพนักเก้าอี้พลางกระดิกเท้า ไม่เอ่ยตอบ
เติ้งหวั่นหวั่นที่อยู่ข้างๆ เงยหน้าขึ้นทันที ทิ้งดินสอและพูดอย่างตื่นเต้น “งั้นก็ดีสิ! ฉันรู้จักอยู่ร้านนึง ฉันพาพวกนายไปได้นะ!”
ซ่งจื่อฉีตาลุกวาว “เอาสิ”
เมื่อพูดจบทั้งสองคนก็มองมาทางโจวซือเยวี่ยอย่างพร้อมเพรียง ไม่รอให้เขาออกความเห็น ด้านหน้าก็มีคนหันมาตบโต๊ะของเติ้งหวั่นหวั่นเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ