เรื่องพวกวิธีการเรียนเช่นนี้ไม่ได้จำเป็นสำหรับเทพ ภายใต้การชี้นำของเทพ จู่ๆ ติงเซี่ยนก็รู้สึกว่าคณิตศาสตร์ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น อย่างน้อยหัวข้อที่เขาอธิบาย เธอก็ฟังรู้เรื่อง
เวลาโจวซือเยวี่ยอธิบายโจทย์ ไม่มีคำพูดไร้สาระ สั้นๆ ได้ใจความ ตรงประเด็น แถมยังช่วยชี้แนะประเด็นสำคัญให้เธอด้วย
แต่คุณชายโจวไม่มีความอดทนมากนัก โจทย์บางข้อใช้หลักการเดียวกัน เวลาติงเซี่ยนหยิบข้อสอบไปถามเขา เขาก็จะทำหน้าดุ
“สอนไปกี่ครั้งแล้ว”
ติงเซี่ยนยังคิดอย่างงงๆ ก็โจทย์ข้อนี้ฉันเพิ่งเคยทำนี่นา
แต่หลังจากที่เขาแยกแยะวิเคราะห์ให้เธอดู เธอก็พบว่ามันเป็นโจทย์ประยุกต์แบบเดียวกันกับที่เคยทำมาแล้วจริงๆ จึงรู้สึกเหมือนร่างแทบแหลก
ติงเซี่ยนถนัดทำโจทย์เรขาคณิตเป็นพิเศษ โดยเฉพาะรูปทรงเรขาคณิตทึบแบบต่างๆ โจวซือเยวี่ยเคยพูดว่าความสามารถในการจินตนาการพื้นที่ของเธอไม่เลว เมื่อเจอเรขาคณิตทึบที่ค่อนข้างยาก แม้แต่เขาก็ยังต้องคิดหลายวินาที เธอกลับหาคำตอบได้ทันที
คุณชายโจวใช้สายตาชื่นชมซึ่งหาได้ยากมองเธอ ไม่เลวนี่
ในที่สุดติงเซี่ยนก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้ ภายใต้การถูกกดดันรอบด้านจากโจวซือเยวี่ย
เด็กหนุ่มส่งสายตาถามเธอ ‘ไม่ได้ยากขนาดนั้นใช่มั้ยล่ะ’
ใช่ ไม่ได้ยากขนาดนั้น มีนายอยู่ ไม่ว่าอะไรก็ไม่ยาก ติงเซี่ยนตอบในใจ
โดยไม่ทันรู้ตัว เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งสัปดาห์ก็จะสอบวัดความรู้แล้ว
พอสอบเสร็จครูหลิวเจียงก็จะจัดที่นั่งให้ใหม่ ตอนเปิดภาคเรียนครูหลิวเจียงเคยพูดไว้ว่าจะจัดที่นั่งตามคะแนน แต่ก็ไม่รู้ว่าสรุปแล้วจะจัดเรียงตามคะแนนเลย หรือจัดให้คะแนนสูงต่ำนั่งสลับกัน
แต่ไม่ว่าจะจัดแบบไหน ติงเซี่ยนก็รู้ดีว่ามีโอกาสน้อยมากที่เธอกับโจวซือเยวี่ยจะได้นั่งร่วมโต๊ะกันอีก
ติงเซี่ยนอารมณ์ไม่ค่อยดีติดต่อกันหลายวัน เธอฟุบอยู่บนโต๊ะอย่างหมดหวัง
คนที่เป็นโรคเดียวกันยังมีข่งซาตี๋อีกคน เด็กสาวทั้งสองรู้อยู่แก่ใจ หลังจากมองหน้ากันก็ยิ้มแห้งๆ ข่งซาตี๋หันหน้ามาที่โต๊ะเธอแล้วชำเลืองมองข้างๆ
“เขาล่ะ”
ติงเซี่ยนถอนหายใจ “จะทำอะไร ก็ไปเตะบอลน่ะสิ”
ช่วงพักกลางวันคนในห้องเหลืออยู่น้อยมาก มีไม่กี่คนเท่านั้น ผู้ชายส่วนใหญ่ไปปล่อยพลังข้างนอก และใช้เวลาเล็กๆ น้อยๆ นี้ไปนั่งมองสาวสวยห้องอื่น
ข่งซาตี๋เอียงหน้าแนบโต๊ะและถอนหายใจ “ซ่งจื่อฉีก็ด้วย เมื่อวานฉันคุยกับเขาเรื่องย้ายโต๊ะ เขาบอกว่าย้ายก็ย้ายสิ ปกติเธอก็ชอบพูดให้ฉันสลับที่นั่งกับติงเซี่ยนอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ มันจะเหมือนกันได้ยังไง ถ้าเขานั่งกับโจวซือเยวี่ย ฉันก็ยังได้นั่งหน้าเขา เธอว่าเขาโง่มั้ยนะ”
ติงเซี่ยนเปลี่ยนอิริยาบถ เอาหน้าแนบโต๊ะ ฟังเสียงลมใต้ลิ้นชักและพยักหน้าเล็กน้อย
“อาจจะ”
แต่ตรงนี้ยังมีอีกคนที่โง่กว่า
“หวังว่าครูหลิวเจียงจะรีบลืมเรื่องย้ายโต๊ะไปเร็วๆ” ข่งซาตี๋พนมมือหลับตาภาวนา
ติงเซี่ยนถอนหายใจอีกครั้ง “ไม่มีประโยชน์หรอก เมื่อวานครูหลิวเจียงเรียกหัวหน้าห้องมาคุยแล้ว ก็พูดเรื่องนี้นี่แหละ”
ข่งซาตี๋ส่งเสียงเศร้าและเอาหน้าแนบโต๊ะอีกครั้ง
“ทำอะไรของเธอ!”
ทันใดนั้นติงเซี่ยนก็รู้สึกว่าถูกตบศีรษะ เมื่อเธอลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะก็เห็นโจวซือเยวี่ยยืนถือลูกบาส ข้างหลังมีซ่งจื่อฉีตามมา
โจวซือเยวี่ยเพิ่งเล่นบาสเสร็จ เหงื่อท่วมทั้งตัว ใส่เสื้อกีฬาแขนกุดกับกางเกงกีฬาขาสั้นเสมอเข่าสีฟ้า ใส่รองเท้าบาสเกตบอล เห็นขอบสีขาวของถุงเท้า ดูเท่แบบวัยรุ่น
ผมหนานุ่มเปียกเหงื่อชุ่มตกลงมาที่หน้าผาก มีน้ำหยดลงมา เขาถือลูกบาสเดินเข้ามา แกล้งใช้มือลูบศีรษะเธออย่างไม่มีเหตุผล หลังจากนั้นก็ลากเก้าอี้ออกมานั่ง
ในเวลานั้นหัวสมองของติงเซี่ยนผุดขึ้นมาประโยคหนึ่ง ความบ้าพลังของเด็กหนุ่มวัยรุ่น
แต่เธอรีบดึงสติกลับมา หลบไปด้านข้างและบ่น “สกปรกจะแย่!”
เด็กหนุ่มเริ่มได้ใจ ความขี้แกล้งกำลังแผลงฤทธิ์เดช
โจวซือเยวี่ยยิ้มอย่างเกเรที่มุมปาก เขาโน้มตัวมาด้านหน้า แกล้งเอามือไปถูหน้าเธอ “สะอาดออกไม่ใช่เหรอ”
มือที่เปียกเหงื่อยังอุ่นอยู่ พอลูบที่แก้มเธอทำให้รู้สึกอบอุ่น รอบตัวมีแต่กลิ่นอายของเขา