พยาบาลมองฉันอย่างเอ็นดูก่อนตอบว่า “ไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรงค่ะ แต่ตอนที่คุณมาถึงโรงพยาบาลทีแรกไข้ขึ้นสูงถึงสามสิบเก้าองศา พอคุณหมอตรวจเสร็จ ไข้ของคุณก็ลดลงมาจนเป็นปกติ ผลการตรวจก็ปกติดีทุกอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นคุณและคุณพ่อควรมาพบคุณหมออีกครั้ง อ๊ะ แล้วนี่…”
พยาบาลยื่นกระดาษเอสี่มาให้หนึ่งแผ่น ตรงกลางมีภาษาจีนเขียนเอาไว้ด้วยลายมือขยุกขยิก “เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย เอาแต่เขียนตัวอักษรจีนลงในกระดาษ การจับปากกาก็ดูเงอะงะเหมือนจับไม่เป็น…”
พอพูดจบ พยาบาลก็ขอตัวไปเอาเอกสาร ฉันจึงก้มลงอ่านตัวอักษรบนกระดาษ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาของเขาสินะที่ได้เขียนตัวอักษรด้วยปากกา
‘ข้าจะต้องอยู่เคียงข้างแม่นางผู้นี้’
ฉันละสายตาจากกระดาษไปมองที่เขา อยู่ๆ ก็มาโผล่ในโลกอนาคตที่แปลกประหลาด สติเขาน่าจะหลุดลอยกับสิ่งต่างๆ ที่ได้พบเห็น แต่เขากลับสงบนิ่งและรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉันได้เป็นอย่างดี เขาไม่ยอมพูดอะไรสักคำและเขียนตัวอักษรเหล่านี้ อยู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็แล่นขึ้นมาในอก ฉันหวังให้เขาทำตามเงื่อนไขที่ฉันตั้งขึ้น ทว่าลึกๆ แล้วฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แต่เขากลับทำตามเงื่อนไขนั้นอย่างเคร่งครัด
จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไรหรอก ตอนพ่อไม่อยู่ ฉันต้องทำอะไรทุกอย่างคนเดียวเสมอ และฉันคิดมาตลอดว่าการที่ไม่มีเพื่อนสักคนก็ไม่เห็นเป็นไร แต่พอมีเขามานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ และรักษาสัญญาเล็กๆ น้อยๆ ที่มีให้กันแบบนี้ ฉันจึงอยากมีเพื่อนสนิทขึ้นมาบ้าง แล้วน้ำตาก็พลันไหลรินอาบแก้ม ฉันจึงรีบเช็ดน้ำตาก่อนที่ใครจะมาเห็น
“เจ้าฟื้นแล้วรึ” แล้วตอนนั้นเองเสียงของเขาก็ดังขึ้น
“เจ้าร้องไห้? ยังเจ็บป่วยอยู่อีกรึ” ดูท่าเขาคงจะคิดว่าฉันป่วย มือของเขาเอื้อมมาสัมผัสหน้าผากของฉัน ทันทีที่มือของเขาซึ่งเต็มไปด้วยไออุ่นสัมผัสกับหน้าผากของฉัน น้ำตาก็ยิ่งไหลพราก
“เจ้าไม่มีไข้แล้วกระมัง ไยจึงร้องไห้เช่นนี้”
“ฉันบอกไม่ให้พูดเวลาอยู่ข้างนอกไง” ฉันอายมากที่เขาเห็นน้ำตาของฉัน จึงแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเพื่อกลบเกลื่อน
“ตอนนี้มีแค่เจ้าเท่านั้นที่ได้ยินคำพูดของข้า แล้วเจ้าเองที่ห้ามไม่ให้ข้าพูดเวลาอยู่ข้างนอก แต่เจ้าไม่เคยห้ามข้าไม่ให้พูดตอนอยู่ข้างในไม่ใช่รึ แล้วตอนนี้ที่นี่คือข้างใน”
คำพูดของเขาทำให้ฉันไปต่อไม่ถูก เขาใช้ช่องโหว่ของคำพูดฉันมาย้อนเถียง
“เจ้าพูดจาได้ขนาดนี้ ท่าทางเจ้าคงหายดีแล้ว ว่าแต่ที่นี่คือที่ใดกัน มีแต่คนเจ็บป่วยอยู่เต็มไปหมด”
“ไม่ต้องไปใส่ใจเรื่องนั้นหรอกน่า ว่าแต่ตอนนี้กี่…”
ถ้าตอบว่าโรงพยาบาล ฉันก็ต้องอธิบายอีกว่าโรงพยาบาลคืออะไร ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ฉันต้องกลืนคำพูดลงคอแล้วมองหานาฬิกาเอง เข็มสั้นของนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้องฉุกเฉินกำลังชี้ไปที่เลขสิบเอ็ด
“ห้าทุ่มแล้วเหรอ”
ถ้าเป็นปกติ พ่อจะต้องกลับมาแล้ว และตอนนี้พ่อคงจะเป็นห่วงฉันมากที่ฉันไม่อยู่บ้าน รวมไปถึงชายชาวโชซอนที่พ่อพามาด้วย แย่แล้ว ฉันรีบหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าที่วางอยู่ข้างเตียง จึงพบว่าแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงเลยพ่อต้องเป็นห่วงฉันมากแน่ๆ
“เรารีบกลับกันเถอะ”
ทันทีที่ฉันพรวดพราดลงมาจากเตียง เขาก็เอียงคอสงสัย “เจ้าหมายถึงที่ใด”
“ที่ไหนน่ะเหรอ ก็บ้านไงล่ะ”
“บ้านรึ ไม่ได้หมายความว่าจะกลับโชซอนหรอกรึ”
“ก็ต้องกลับบ้านก่อนถึงจะกลับไปโชซอนได้ วันนี้เราอยู่ที่นี่กันทั้งวันแล้ว รีบไปกันเถอะ”
จากนั้นฉันวิ่งไปที่เคาน์เตอร์ของโรงพยาบาลเอง ก่อนจะจัดการกรอกเอกสารแล้วจ่ายค่ารักษา หมดสติแค่แป๊บเดยว ค่ารักษาตั้งหนึ่งแสนสามหมื่นวอนเชียวเหรอเนี่ย เงินเก็บฉุกเฉินที่ฉันอดออมมาตั้งนานพลันหายวับไปกับตา
พอออกมาจากโรงพยาบาล ฉันก็เรียกแท็กซี่ ถนนยามค่ำคืนในโซลระยิบระยับไปด้วยแสงไฟนีออน เขาที่ได้นั่งแท็กซี่เป็นครั้งที่สองเอาแต่นั่งมองวิวด้านนอกอย่างตื่นตาตื่นใจ ดูเหมือนเขาจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่พูดหรือถามอะไรออกมา
ทว่าทันทีที่ถึงหน้าอพาร์ตเมนต์และลงจากรถเขาก็เปิดปากพูด “มีดวงดาวเต็มไปหมดเลย”
“ดาวเหรอ”
“ก็ระหว่างทางที่เราเดินทางกลับมาอย่างไรเล่า มีดวงดาวระยิบระยับเต็มไปหมด บ้านเรือนก็สูงเทียมฟ้า ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้เลย และข้าก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรเช่นนี้มาก่อน…”
เขาคงคิดว่าที่นี่คืออาณาจักรอะไรสักอย่าง
“เพียงแค่วันเดียว แต่ทุกสิ่งที่ข้าพบเห็นล้วนแต่ทำให้ข้าประหลาดใจ น่าเสียดายที่ข้าไม่เข้าใจอะไรเลย…”
“มีอย่างนึงที่นายได้เรียนรู้และนำกลับไปนี่นา”
“เจ้าหมายถึงอะไรรึ”
“เมื่อนายกลับไปได้ นายต้องตั้งใจใช้ชีวิตให้ดีเพื่อโชซอน นายต้องทำให้โชซอนแข็งแกร่งขึ้น นายอาจจะใช้ชีวิตในฐานะขุนนาง หรือในฐานะผู้มีอำนาจอะไรสักอย่างก็ได้เพื่อให้โชซอนกลายเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งและยอดเยี่ยมที่สุด นี่แหละคือสิ่งที่นายได้เรียนรู้จากที่นี่”
เขายิ้มกว้างกับคำพูดของฉัน
“แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ฉันดีใจนะที่ได้เจอนาย” ฉันยื่นมือออกไป เขาจึงมองอย่างงุนงง “แค่จับมือน่า ถ้าจะให้อธิบายก็จะยาวไปอีก”
ฉันรู้ว่าที่โชซอนชายกับหญิงจะจับมือกันไม่ได้โดยเด็ดขาด โดยเฉพาะขุนนาง แต่ที่นี่ไม่ใช่โชซอน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ความหมายของ ‘การเชกแฮนด์’ แต่ฉันก็อยากบอกลาเขาด้วยวิธีของฉัน หากเข้าบ้านไปแล้วเจอพ่อ บางทีฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้ลาเขา เพราะเขาอาจจะถูกพ่อส่งกลับโชซอนไปเลยทันทีก็ได้