“ฟังดูแล้ว แสดงว่าท่านพี่ยังลืมนางผู้นั้นไม่ได้ใช่หรือไม่ขอรับ”
องค์ชายควังแฮกำลังขี่ม้าเคียงคู่กับองค์ชายจองวอน พระโอรสองค์ที่สามของพระสนมอินบินแห่งตระกูลคิม ซึ่งเป็นพระสนมที่พระเจ้าซอนโจโปรดปรานมากที่สุด และเขายังเป็นพระโอรสหนึ่งเดียวของพระสนมอินบินที่มีความสัมพันธ์อันดีกับองค์ชายควังแฮอีกด้วย
“เจ้าถามข้าว่ายังลืมนางไม่ได้ใช่หรือไม่อย่างนั้นรึ ฟังแล้วเหมือนข้ากำลังโอบกอดนางผู้นั้นเอาไว้ในใจเลยนะ” องค์ชายควังแฮหัวเราะ
“ตามที่ท่านพี่เล่าให้หม่อมฉันฟัง เรื่องมันก็นานมากแล้ว แต่ท่านพี่ก็ยังคงพูดถึงนางอยู่เรื่อยมาราวกับเรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ราวกับนางยังคงอยู่ตรงนี้เลยขอรับ”
“ไม่รู้สิ… ถ้านางยังคงมีชีวิตอยู่ ตอนนี้อาจจะกลายเป็นภรรยาของใครสักคนไปแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ต้องทำใจใช่หรือไม่”
องค์ชายควังแฮในวัยยี่สิบห้าชันษาได้ใช้ชีวิตปีสุดท้ายของช่วงวัยสิบชันษาในสงคราม เขาสง่างามมากขึ้นและดูสมเป็นชายชาตรีมากขึ้น หากเทียบกันแล้วองค์ชายจองวอนในวัยยี่สิบชันษาซึ่งเป็นเพื่อนร่วมเดินทางในครั้งนี้มีรูปร่างผอมบางกว่ามาก
“แม้จะกลายเป็นภรรยาของผู้อื่นไปแล้ว แต่ทว่าท่านพี่ก็ยังคงลืมนางไม่ได้ใช่หรือไม่ขอรับ”
“ฮ่าๆๆๆ ข้าก็แค่อยากรู้ว่านางเป็นเช่นไรบ้าง กำลังใช้ชีวิตสุขสบายดีอยู่ที่แห่งใดก็เท่านั้นเอง”
“หม่อมฉันอยากเห็นนางผู้นั้นขอรับ”
คำพูดเหนือความคาดหมายขององค์ชายจองวอนทำให้องค์ชายควังแฮถึงกับหูผึ่ง “เจ้าอยากเจอนางอย่างนั้นรึ”
“ก็ท่านพี่พูดถึงนางมาตั้งแต่ที่หม่อมฉันยังเป็นเด็ก ว่านางตะโกนใส่ท่านพี่ทั้งที่รู้ว่าเป็นองค์ชายรัชทายาท หม่อมฉันก็เลยอยากรู้ว่านางผู้นั้นจะหน้าตาเป็นเช่นไร เหตุใดถึงได้กล้าหาญชาญชัยถึงเพียงนั้น”
“หากข้าทำให้เจ้าพบนางได้ ข้าก็อยากทำ…”
องค์ชายจองวอนลอบมองใบหน้าขององค์ชายควังแฮ “มีโลกที่สว่างไสวจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นยามค่ำคืนอยู่ด้วยหรือขอรับ”
นี่เป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งที่องค์ชายควังแฮเคยเล่าให้องค์ชายจองวอนฟัง แต่องค์ชายควังแฮเองก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ให้ชัดแจ้งได้
“เวลาผ่านไปนานมาก นานจนข้าก็จำโลกนั้นไม่แม่นยำเสียแล้ว บางทีแสงที่ข้าเห็นในตอนนั้นอาจจะไม่ใช่แสงดาวก็เป็นได้ แต่หลังจากนั้นข้าก็ไม่เคยเห็นแสงไฟที่เปล่งประกายและสว่างไสวเพียงนั้นจากที่ใดอีกเลย”
“บางทีท่านพี่อาจมองผิดไปก็ได้นะขอรับ”
“มองผิดรึ ข้าเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่…อย่างที่เจ้าบอก นางผู้นั้นอยู่ในใจข้าเนิ่นนานจนข้าทุกข์ทรมาน”
“เพราะอย่างนั้นน้องชายคนนี้ของท่านพี่จึงเติบโตมาพร้อมกับเรื่องเล่าของนาง และรู้สึกเหมือนรู้จักนางมาตลอดชีวิต”
องค์ชายควังแฮยิ้มชอบใจกับคำพูดของผู้เป็นน้องชาย
“ท่านพี่ หม่อมฉันมีเรื่องบางอย่างจะขอร้อง”
“อะไรรึ”
“พอกลับไปยังเมืองหลวง หม่อมฉันอยากให้ท่านพี่ช่วยสอนล่าสัตว์ขอรับ”
“เจ้าขอร้องในเรื่องที่ข้าให้ไม่ได้” องค์ชายควังแฮยิ้มขมขื่น
พระสนมอินบินผู้เป็นพระมารดาขององค์ชายจองวอนได้รับความรักอย่างมากมายจากพระเจ้าซอนโจ นางจึงสร้างเรื่องราวต่างๆ มาใส่ร้ายองค์ชายควังแฮอยู่เรื่อยมา เวลาอยู่ในเมืองหลวง องค์ชายควังแฮแทบขยับตัวไปไหนไม่ได้ราวกับตายทั้งเป็น แล้วจะให้ออกไปล่าสัตว์อย่างนั้นรึ ถ้าหากองค์ชายรัชทายาทไปล่าสัตว์ทั้งที่บ้านเมืองเพิ่งเสร็จสิ้นสงคราม พระสนมอินบินคงไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน
“หม่อมฉันเป็นคนขอร้องให้ท่านพี่ช่วยสอนหม่อมฉันเอง ท่านพี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ หม่อมฉันบอกท่านแม่เอาไว้แล้ว ส่วนเสด็จพ่อ หม่อมฉันคิดเอาไว้ว่าจะไปกราบทูลด้วยตัวเอง เสด็จพ่อคงประทานอนุญาต ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกข้าราชบริพารก็คงไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์หรอกขอรับ”
“ดี ถ้าเช่นนั้นกลับจากเข้าเฝ้าพระมเหสีที่ซูอันแล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที”
“ท่านพี่ ถ้าเช่นนั้น…หม่อมฉันขอคุยอีกเรื่องได้หรือไม่ขอรับ”
“เรื่องอะไรรึ”
“ก็เรื่องอาณาจักรมหัศจรรย์แห่งนั้นอย่างไรเล่าขอรับ จริงหรือที่แม่นางของอาณาจักรนั้นสามารถโต้แย้งกับบุรุษอย่างเราๆ ได้”
“ฮ่าๆๆๆ น้องข้า นี่คือเหตุผลที่ทำให้เจ้ามากับข้าจนถึงจังหวัดฮวังแฮหรือไร เจ้ามาเพื่อฟังเรื่องราวเมื่อเจ็ดปีก่อนของข้าสินะ”
“หม่อมฉันไม่อยากโกหกท่านพี่ หม่อมฉันอยากฟังเรื่องนี้จริงๆ ไม่ว่าจะฟังเรื่องนี้บ่อยแค่ไหน หม่อมฉันก็ไม่เบื่อเลยขอรับ”
“ก็ดีเหมือนกัน การเดินทางครั้งนี้จะได้ไม่น่าเบื่อ”
องค์ชายควังแฮหัวเราะออกมาเสียงดังจนองค์ชายจองวอนเองก็หัวเราะตามไปด้วย ทั้งสองและกลุ่มทหารขี่ม้ามุ่งตรงไปข้างหน้าโดยมีแสงอาทิตย์อบอุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิส่องสว่าง