ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้ว่าเป็นวิธีที่เป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่รู้เลยว่าพ่อไปที่ไหนและเมื่อไหร่บ้าง ในฐานะที่ฉันเป็นผู้หญิง ตัวฉันเองก็มีขอบเขตที่ไม่สามารถเดินทางข้ามเวลาไปยังช่วงเวลาที่ฉันกำหนดได้ ดังนั้นถ้าจะใช้ ‘การบิดเบือนเวลา’ เพื่อไปเจอพ่อจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
“แล้ววิธีที่สองล่ะคะ”
“วิธีที่สองน่ะเหรอ เธอก็ต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ประวัติศาสตร์’ ยังไงล่ะ”
“ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เหรอคะ”
“ใช่ เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ แต่เธอสามารถเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ได้ ความจริงฉันเองก็ได้แต่ฟังมา แต่ไม่รู้หรอกนะว่าจะทำได้จริงหรือเปล่า แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือมีแค่ผู้หญิงตระกูลเราเท่านั้นที่ทำสิ่งนี้ได้”
“คุณอาช่วยอธิบายให้ละเอียดหน่อยได้มั้ยคะ”
“การเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ก็คือเธอต้องย้อนกลับไปในอดีตแล้วอยู่ที่แห่งนั้นไปนานแสนนาน แล้วเธอก็จะถูกกลืนเข้าไปในประวัติศาสตร์เอง”
“แล้วหนูจะได้เจอพ่อใช่มั้ยคะ”
“ใช่ เพราะเธอที่อยู่ในยุคนี้จะหายไป แล้วกลายเป็นเธอที่อยู่ในอดีตแทน พูดง่ายๆ ก็คือเธอจะเกิดใหม่อีกครั้งด้วยการเป็นคนในอดีตและเธอก็จะสามารถเจอกับพ่อเธอที่เป็นนักข้ามเวลาได้ในฐานะที่เธอเป็นคนในอดีต”
“หนูไม่ค่อยเข้าใจเลยค่ะ”
อาถอนหายใจยาวก่อนจะอธิบายต่อ “ถ้างั้นฟังให้ดีนะ เธอรู้ใช่มั้ยว่าแม่ของเธอเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุทางการรักษา”
“ค่ะ”
“เธอเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมพ่อของเธอถึงไม่พาเธอย้อนเวลากลับไปหาแม่เลยสักครั้ง”
“หนูไม่เคยสงสัยเรื่องนี้เลยสักครั้งค่ะ” ถึงแม้จะไม่มีแม่อยู่ข้างกายตั้งแต่เกิดมา แต่พ่อก็มอบความรักให้ฉันมากมายจนฉันไม่รู้สึกถึงที่ว่างเปล่าของแม่เลย
“เอาล่ะ ฉันจะอธิบายให้ฟังนะ พี่ชายอาจจะไม่เคยบอกให้เธอรู้ งั้นฉันจะบอกให้เธอรู้เอง ฟังให้ดีๆ ล่ะ คยองมิน ตอนนี้เธออายุสิบแปดใช่มั้ย ตั้งแต่วันที่เธอเกิดมาจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาสิบแปดปีแล้ว จึงเคยมีเธอในทุกช่วงของเวลาสิบแปดปีนี้ ซึ่งมันก็คือทฤษฎีนี้ พ่อของเธอไม่สามารถเดินทางข้ามเวลากลับไปยังเวลาที่แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ได้ เพราะในเวลานั้นก็มีพ่อของเธออีกคนมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะคิดถึงแค่ไหน พ่อของเธอก็ข้ามเวลาไปไม่ได้ เพราะมันจะกลายเป็นโศกนาฏกรรม”
น้ำเสียงของอาฟังดูเศร้าสร้อย แต่สิ่งที่ฉันสงสัยไม่ใช่แม่ที่เห็นเพียงแค่ในรูปถ่ายมาตั้งแต่เกิด สำหรับฉันนั้น คนที่สำคัญคือพ่อที่เลี้ยงดูฉันและมอบความรักให้ฉันไม่มีที่สิ้นสุด ฉันสงสัยแค่วิธีที่จะทำให้ฉันได้เจอพ่ออีกครั้งเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นที่คุณอาพูดหมายความว่าหนูไม่สามารถกลับไปยังช่วงก่อนพ่อเสียชีวิตในระยะไม่กี่วันใช่มั้ยคะ”
“ใช่ ถ้าเธอย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่เธอจะเกิดได้ไม่นาน เรื่องราวมันจะเปลี่ยนไปเลยนะ ว่าแต่ช่วงไม่นานมานี้พ่อของเธอไปที่ยุคไหนบ่อยๆ ล่ะ”
“พ่อศึกษาเรื่องเกี่ยวกับองค์ชายควังแฮอยู่ค่ะ ดังนั้นน่าจะเป็นช่วงสมัยปลายรัชสมัยพระเจ้าซอนโจไปจนถึงสมัยองค์ชายควังแฮกับสมัยพระเจ้าอินโจขึ้นครองราชย์ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ปลายรัชสมัยพระเจ้าซอนโจ”
“ค่ะ”
“เธอจะต้องเดินทางข้ามเวลาคนเดียวไปยังยุคนั้นซึ่งเป็นยุคที่เธอไม่มีตัวตนอยู่ แล้วเธอก็ต้องอาศัยอยู่ที่นั่นจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ อย่างน้อยเธอต้องอยู่ในอดีตประมาณสิบปี ถ้าทำอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะได้เจอกับพ่อ โอ๊ยตาย! นี่ฉันพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย”
อาตั้งใจจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อหยุดการสนทนา แต่ฉันรีบชิงถามต่อ “แล้วยังไงต่อคะ ถ้าทำแบบนั้นหนูจะได้เจอกับพ่อจริงๆ ใช่มั้ยคะ”
“ก็อาจจะ… เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในยุคนั้น ดังนั้นเธออาจจะได้เจอพ่อ บางทีถ้าพ่อรู้ว่าเธออยู่ที่นั่น เขาอาจจะเดินทางข้ามเวลาไปเพื่อเจอเธอก็ได้”
“แสดงว่าหนูจะได้เจอพ่ออยู่ตลอดใช่มั้ยคะ”
เป็นเรื่องน่าสนใจมากสำหรับฉันที่ยังไม่หายช็อกกับการเสียชีวิตของพ่อเมื่อหลายวันก่อน
“ไม่มีใครสามารถขัดขวางความตายได้หรอกนะ เพราะอย่างนั้นเธอรู้ใช่มั้ยว่าการที่เธอบอกเรื่องความตายที่จะเกิดขึ้นกับพ่อเธอล่วงหน้านั้นมันจะหมายความว่ายังไง”