ฉันพยักหน้า เพราะฉันรู้ดี ถ้าฉันบอกความจริงให้อีกฝ่ายรับรู้จนทำให้ประวัติศาสตร์ถูกเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดเท่านั้นที่จะเกิดขึ้นกับฉัน แต่มันอาจหมายถึงความตายด้วย ความเจ็บปวดที่ได้รับเมื่อตอนพบองค์ชายครั้งแรกนั้น ฉันยังจำได้ดีเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น ฉันคิดว่าถ้าความเจ็บปวดนั้นมันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ฉันอาจตายไปจากโลกนี้ก็ได้
“ถ้าเธอเดินทางไปยังอดีต แล้วปรับตัวอาศัยอยู่ที่นั่นโดยปกติ มันก็อาจจะไม่เกิดปัญหาหรอก แต่ถ้าคำพูดเพียงแค่คำเดียวของเธอมีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ล่ะก็ เธออาจจะตายก่อนได้พบกับพ่อก็ได้นะ เธอไม่สามารถพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในอนาคตได้แม้แต่คำเดียว ซึ่งฉันไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้หรอกนะ เพราะมันไม่มีอะไรมารับรองได้อย่างแน่นอนว่าเธอจะได้พบกับพ่อจริงๆ”
การคัดค้านของอาไม่ได้ลอยมาเข้าหูของฉันเลย วินาทีนั้นฉันนึกถึงแต่ช่วงเวลาที่พ่อเคยเข้าไปในอดีต ฉันจำวันที่แม่นยำไม่ได้ รู้แต่ว่าเพราะพ่อศึกษาเรื่ององค์ชายควังแฮมาหลายปี จึงทำให้พ่อไปๆ มาๆ ในยุคปลายรัชสมัยพระเจ้าซอนโจไปจนถึงช่วงที่พระเจ้าอินโจขึ้นครองราชย์เท่านั้นเอง ฉันเสียใจที่ไม่เคยถามพ่อว่าท่านไปที่ไหนและตอนไหนบ้าง แต่เสียใจตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ตอนนี้ฉันต้องคิดแค่วิธีที่จะทำให้พบพ่ออีกครั้งเท่านั้นก็พอ
อ๊ะ! นึกออกอยู่เรื่องนึง
พ่อเคยบอกไว้ว่าพ่ออยู่ในพระราชวังด้วยตอนที่พระนางอินมกถูกคุมขังที่พระราชวังคยองอุน ถ้าอย่างนั้น หากนับจากวันนั้น ฉันต้องย้อนกลับไปที่นั่นอย่างน้อยสิบปี ฉันก็จะสามารถเจอกับพ่อได้ แน่นอนว่าบางทีฉันอาจไม่สามารถเจอกับพ่อในวันที่พระนางอินมกถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่ถ้าฉันอาศัยอยู่ในวังตลอดเวลา โอกาสที่ฉันจะได้เจอกับพ่ออีกครั้งก็จะมีสูงมากขึ้น
ตั้งสิบปี… แค่ฟังก็นานแล้ว ระหว่างเวลาอันยาวนานนั้นฉันต้องอยู่แต่ในวังอย่างเดียว แล้วฉันจะทำได้เหรอ
ตอนที่เดินทางไปยังรัชสมัยพระเจ้าเซจงมหาราช ฉันสามารถอยู่ในวังได้เพราะความช่วยเหลือของพระเจ้าเซจงมหาราชที่เจอฉันเข้าโดยบังเอิญ แต่ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ตอนนี้ฉันอายุสิบแปดปีแล้ว ฉันเป็นนางในฝึกหัดไม่ได้แล้ว ต้องเป็นนางในอย่างเต็มตัว ฉันนึกไม่ออกเลยว่าจะมีวิธีใดที่ทำให้ฉันในอายุเท่านี้อาศัยอยู่ในวังได้
‘เจ้ามีข้า คนที่เจ้ารู้จักในโชซอนก็มีข้าคนหนึ่ง ตอนนี้เจ้าไม่สมควรจะพูดว่าเจ้าไม่มีคนรู้จักอยู่ที่โชซอนเลยสักคนเดียว’
ฉันมีองค์ชายควังแฮอยู่ไง!
ถ้าฉันขอร้องเขาจะได้มั้ยนะ ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่พระนางอินมกถูกคุมขังอยู่ที่วังคยองอุน ตอนนั้นพระราชาของโชซอนก็คือองค์ชายควังแฮนี่นา
องค์ชายควังแฮกับฉันรู้จักกัน ถ้าหากขอร้องเขาให้ฉันสามารถพักอาศัยอยู่ในวังได้ บางทีฉันอาจจะได้เจอกับพ่อก็ได้ บางทีอาจจะได้บอกพ่อเป็นนัยๆ เกี่ยวกับ ‘ความตาย’ ที่จะเกิดขึ้นกับพ่อ
แล้วพ่ออาจจะไม่ตายก็ได้…
แต่ดูเหมือนอาจะรู้ความในใจของฉัน อาจึงพูดขวางเอาไว้
“หยุดความคิดนั้นไปเลยนะ เธอยังเด็ก คงจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดไปทั้งหมด ฉันจะขออธิบายให้ฟังอีกครั้งว่าการที่เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์นั่นหมายความว่าถึงเธอจะได้เจอกับพ่อ แต่เธอจะไม่สามารถหลุดไปจากยุคสมัยนั้นได้ เข้าใจมั้ยว่าฉันหมายถึงอะไร หมายถึงเธอจะต้องอยู่และตายที่นั่น”
ฉันรู้และเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่ถ้าใช้ชีวิตอยู่คนเดียวลำพังโดยไม่มีพ่อไปตลอดชีวิต ฉันขอไปอยู่ที่โชซอนเสียดีกว่า ใช่แล้ว นี่เป็นความคิดของฉันในตอนนี้ ถ้าได้เจอกับพ่อที่นั่นก็เหมือนกับได้อยู่โดยได้เจอกับพ่อไปตลอด
ถ้าฉันไปในยุคโชซอน… ถ้าไปที่นั่นล่ะ…
เพียงแค่คิดเท่านั้น ในตัวฉันก็เริ่มมีปฏิกิริยารุนแรงอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ปฏิกิริยานั้นทำให้ฉันสับสน มันไม่ได้เป็นสายลมอุ่นๆ แต่เป็นลมพัดอย่างรุนแรงแล้วค่อยๆ ดูดกลืนร่างกายของฉัน
อาสังเกตเห็นความผิดปกติอะไรบางอย่าง จึงร้องตะโกน “คยองมิน! เธอ!”
“คุณอา…”
“ไม่ได้นะ! อย่าคิดทำอะไรตื้นๆ แบบนี้! มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอก! คนในตระกูลเราทุกคนคิดว่าอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็ต้องล้มเหลวและตายกันทุกคน! รีบหยุดมันเร็วเข้า! หยุดเดี๋ยวนี้!”
“ตะ แต่ว่า…”
ตอนนี้หยุดไม่ได้แล้ว อะไรสักอย่างที่รุนแรงอยู่ในใจของฉันกำลังเคลื่อนที่ หัวใจที่ปรารถนาจะเจอพ่ออีกครั้งกำลังพาฉันไปที่ไหนสักแห่ง แต่มันแปลกอยู่หนึ่งอย่าง ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าฉันจะไปยังช่วงไหนของโชซอน และไปถึงที่นั่นวันไหน
“คิมคยองมิน!”
อาตะโกนเรียกชื่อฉันที่กำลังถูกกระแสลมแรงดูดกลืนเข้าไป แต่รอบตัวฉันมันหมุนเร็วมาก เร็วจนกระชากสติของฉันไปด้วย
(ติดตามต่อในทดลองอ่านบทต่อไป)