“โอ๊ย…”
ฉันลืมเสียสนิทเลยว่าวันนี้มีสอบ! แต่ที่บ้านกลับมีคนจากโชซอนโผล่มา แถมพ่อก็ไม่อยู่อีก จะมีคนในโลกนี้สักกี่คนที่ต้องตื่นมาเจอเรื่องแบบนี้แต่เช้า
“นี่นาย…นายนั่นแหละ”
ฉันเดินไปหาเขาที่กำลังดูภาพถ่ายสมัยหนุ่มสาวของพ่อกับแม่ที่แขวนอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาหันมาตามเสียงเรียกก่อนจะหันกลับไปมองภาพถ่ายต่อ
“ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าจิตรกรจะวาดรูปออกมาได้เหมือนจริงถึงเพียงนี้”
“อ๋อ จิตรกรมีชื่อว่า ‘กล้องถ่ายรูป’ น่ะ แต่พักเรื่องนี้ไว้ก่อน ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย…”
เขาเอาแต่จ้องมองภาพถ่ายราวกับไม่สนใจคำพูดของฉันเลย
“ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้ารึ”
“หือ?”
“ดวงตากับจมูกของเจ้าเหมือนสตรีผู้นี้ นอกนั้นก็เหมือนกับชายผู้นี้”
“เอ่อ… ใช่ นั่นพ่อแม่ของฉันเอง”
เป็นครั้งแรกที่ฉันให้คนอื่นดูภาพถ่ายพ่อแม่ของฉัน หลังจบชั้นประถม ฉันก็ไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนอีกเลย ดังนั้นจึงไม่เคยมีเพื่อนมาหาที่บ้าน ภาพถ่ายครอบครัวที่อยู่ในห้องนั่งเล่นจึงกลายเป็นของประดับห้องไปโดยปริยาย ดังนั้นพอมีใครสักคนพูดถึง ‘ของประดับ’ ชิ้นนี้ ความรู้สึกก็ถาโถมเข้ามาในหัวใจของฉัน มันเป็นความรู้สึกที่แปลกเหลือเกิน
“เช่นนั้นรึ แต่ภาพวาดภาพอื่นไม่มีท่านแม่ของเจ้าเลย มีเพียงแค่ท่านพ่อของเจ้าเท่านั้น”
“คือว่า…แม่ของฉันเสียชีวิตไปแล้วน่ะ ในวันที่ฉันเกิด”
ตอนนั้นเอง เขาก็หันกลับมามองฉัน
“ที่นี่คือโลกแห่งท้องฟ้ามิใช่รึ บนโลกแห่งท้องฟ้ามีคนตายด้วยรึเนี่ย”
มันเป็นคำถามที่ฉันไม่คาดฝัน
“คือ… คือว่า…”
เมื่อไหร่พ่อจะกลับมาเสียทีนะ ฉันอยากจะจับเขาคนนี้โยนกลับเข้าไปในห้วงของกาลเวลาเสียเหลือเกิน พอฉันสับสนจนพูดอะไรไม่ออก เขาก็ยิ้มและพูดขึ้นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ข้านึกไว้แล้ว คนที่ยังมีชีวิตอยู่จะมายังโลกแห่งท้องฟ้านี่ได้อย่างไรกัน ข้าเข้าใจตั้งแต่กินอาหารที่เจ้าเตรียมเอาไว้ให้แล้ว ถ้าเป็นอาหารของโลกแห่งท้องฟ้าก็จะต้องต่างจากอาหารที่เจ้าทำ แต่อาหารที่เจ้าทำนั้นมันไม่ต่างไปจากอาหารที่ข้ากินในโชซอนเลย ตอนนี้เจ้าพูดออกมาตรงๆ เถิด ที่นี่คือหมู่บ้านที่อยู่ระหว่างโชซอนกับอาณาจักรหมิงใช่หรือไม่ หรืออยู่ขึ้นไปทางเหนืออีก ข้าเคยได้ยินมาว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่แห่งนั้นแต่งกายแปลกประหลาดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และที่นั่นมีสิ่งของมากมายที่แม้แต่ในอาณาจักรหมิงก็ไม่มี ถ้าที่นี่คือที่แห่งนั้น แล้วข้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน จะว่าถูกจับตัวมาก็คงไม่ใช่”
“คือว่า…”
ฉันกำลังตกที่นั่งลำบาก จะบอกความจริงออกไปก็ทำไม่ได้ แต่ทันใดนั้นเองฉันก็นึกได้ว่าต้องอธิบายออกไปว่ายังไง
“เออใช่แล้ว ที่นี่คือโลกตรงกลางไง!”
“โลกตรงกลางรึ”
“ก็คือ…รอยต่อของสวรรค์ยังไงล่ะ!”
“รอยต่อสวรรค์หมายถึงสถานที่ทางหลักศาสนาอย่างนั้นรึ”
“ไม่ได้เกี่ยวกับศาสนา ก่อนที่จะมาโผล่ที่นี่ นายทำอะไรอยู่ จำได้มั้ย”
เขากลอกตาไปมา “กำลังถือดาบอยู่ ตั้งใจจะ…ปกป้องใครสักคน…”
“ถูกต้อง! นั่นแหละๆ ตอนนั้นนายบาดเจ็บมาก เพราะบาดเจ็บมากก็เลยมาโผล่ที่รอยต่อสวรรค์ไงล่ะ นายยังไม่ตาย แต่ถ้าจะกลับไปยังโชซอนอีกครั้งก็ต้องรอหน่อย ซึ่งระหว่างนี้นายต้องเชื่อฟังคำพูดของฉัน”
คำพูดของฉันอาจจะฟังดูน่าสงสัย หรือไม่เขาก็งุนงงจนคิดตามไม่ทัน เขาจึงนิ่งเงียบไป แต่สักพักเขาก็หันมาทางฉันแล้วถามต่อ