‘แล้วพระชายาของพระองค์ยุ่งอยู่กับการใช้เวลากับโอรสทั้งสองพระองค์หรือเพคะ ถึงแม้ว่าท่านชายจงจะเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดแต่ก็ยังเป็นเด็กน้อยที่ต้องการความอบอุ่น การที่พ่อแม่ไม่ใช้เวลาร่วมกับลูกมันไม่ใช่เรื่องดีเลยนะเพคะ!’
นี่เป็นเพราะที่ฉันพูดไปเมื่อวานงั้นเหรอ
แล้วสิ่งที่องค์ชายจองวอนพูดขึ้นต่อจากนั้นก็ยิ่งตอกย้ำข้อสันนิษฐานของฉัน
“ข้าเองก็คิดเหมือนกันว่าไม่ค่อยได้ใช้เวลากับจงสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นข้าจึงพยายามหาโอกาสให้มากขึ้น”
ฉันแน่ใจแล้วว่าฉันนี่แหละที่เป็นคนกระตุ้นเรื่องนี้กับองค์ชายจองวอน
จงดูสนุกสนานมาก คงไม่ได้ออกมาข้างนอกกับพ่อนานแล้ว ส่วนฉันเองที่นั่งเกี้ยวมากับจงก็เพิ่งได้ออกนอกวังครั้งแรกหลังจากมาโชซอนเหมือนกัน ส่วนองค์ชายจองวอนกำลังขี่ม้าตามหลังเกี้ยวของฉันกับจง
สงครามเพิ่งสิ้นสุดได้ไม่นาน ภายในเมืองหลวงจึงวุ่นวายมาก ทหารกระจายตัวอยู่ทุกหนทุกแห่งเพื่อคอยตรวจตราความปลอดภัย ฉันอยากเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกจึงเถียงกับจงเรื่องที่นั่ง เพราะถ้านั่งด้านขวาของเกี้ยวก็สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้อย่างชัดเจน จงกับฉันต่างก็ไม่ยอมให้แก่กัน สุดท้ายจงจึงตะโกนเรียกชื่อของฉันออกมาเสียงดังจนองค์ชายจองวอนที่ขี่ม้าอยู่ด้านหลังถึงกับขี่ม้ามาเทียบแล้วเอ่ยถาม
“เกิดเรื่องกระไรขึ้น”
พอเห็นองค์ชายจองวอน จงก็นั่งนิ่ง แม้ว่าจงจะรักองค์ชายจองวอนผู้เป็นพ่อมากแค่ไหนแต่ก็กลัวมากเหมือนกัน จงใช้นิ้วมือเล็กๆ ปิดปากแล้วทำเสียง ‘ชู่ว’ ใบหน้าน่ารักนั้นเหมือนจะบอกว่าห้ามบอกพ่อเด็ดขาด สุดท้ายฉันจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“เกิดเรื่องกระไรขึ้นกันแน่”
“ไม่มีอะไรเพคะ”
ทั้งที่บอกว่าไม่มีอะไร แต่ฉันก็ยังหัวเราะอยู่ จงจึงระเบิดเสียงหัวเราะตามไปด้วย องค์ชายจองวอนจึงไม่เซ้าซี้ถามต่อและบังคับม้ากลับที่เดิม ฉันจึงหันไปหยิกแก้มของจงด้วยความมันเขี้ยวแล้วกระซิบข้างหูเขา
“อยู่ทางซ้ายไปนะ ส่วนพี่จะอยู่ทางขวา”
สถานที่ที่องค์ชายบอกว่าเป็นที่ทำงานและพาพวกเรามานั้นคือพระราชวังชังด็อก แต่เป็นพระราชวังชังด็อกที่ถูกไฟไหม้และกำลังซ่อมแซมให้กลับคืนสู่สภาพเดิมอยู่ เขาคงจะมาดูงานในฐานะเชื้อพระวงศ์ แน่นอนว่างานแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่ทั้งวันก็ได้ เดินดูรอบๆ คอยสังเกตความคืบหน้า แต่นี่เป็นข้อแก้ตัวที่เหมาะเจาะสำหรับการหนีความสัมพันธ์อันแสนเย็นชาระหว่างสามีภรรยาที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักอันคับแคบ
ระหว่างที่องค์ชายจองวอนพูดคุยกับข้าราชบริพารในหน่วยงานที่รับหน้าที่ก่อสร้างและซ่อมแซมพระราชวัง ฉันกลัวจงจะเบื่อ จึงขออนุญาตองค์ชายจองวอนเดินเล่นรอบๆ
“หม่อมฉันขออนุญาตไปเดินเล่นกับท่านชายจงนะเพคะ”
“ได้สิ”
ฉันทำความเคารพก่อนจะเดินออกมา ระหว่างนั้นมีข้าราชการคนหนึ่งเดินเข้าไปหาองค์ชายจองวอนพอดี ฉันจึงเงี่ยหูฟัง
“ยังจับแม่เสือของลูกเสือพวกนั้นไม่ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
เสืองั้นเหรอ
พอลองรื้อฟื้นความทรงจำดู เคยได้ยินพ่อเล่าให้ฟังว่าหลังจากช่วงสงครามอิมจิน ก็มีเสือลงมาจากภูเขาทางเหนือกับภูเขาทางตะวันตก สุนัขของชาวบ้านจึงถูกเสือกินบ่อยๆ
“พี่สาว!” จงที่วิ่งไปทางสวนด้านหลังของพระราชวังชังด็อกหันมาโบกมือให้ฉัน เขาดูสนุกกับการวิ่งเล่นบนหิมะที่ยังไม่ละลาย
เด็กหนอเด็ก
แม้จะไม่ได้อยู่กับพ่อ แต่การได้อยู่ด้วยกันในที่ทำงานก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสักเท่าไหร่
“เจ้าเด็กน้อย! มาให้พี่จับซะดีๆ”
จงปาหิมะใส่ฉันแล้วหัวเราะอย่างสนุกสนาน ก่อนจะวิ่งหนีฉันเข้าไปในสวนลึกจนลับสายตาฉัน จงยังเด็กมาก แค่ห่างจากสายตาฉันนิดเดียว ฉันก็หัวเสียแล้ว ตอนแรกฉันคิดว่าจงคงแกล้งซ่อนตัวแล้วจะโผล่มาตะโกนเรียกฉัน แต่แล้วก็เงียบไป ฉันใจคอไม่ดี รีบขว้างหิมะในมือทิ้งแล้วเริ่มตะโกนเรียก
“จง! จง!”
ดูเหมือนคนงานจะรวมตัวกันอยู่ตรงจุดก่อสร้างสำคัญๆ และหน้าประตูพระราชวังเท่านั้น บริเวณสวนด้านหลังจึงเงียบเชียบมาก แม้จะเป็นตอนกลางวัน แต่อากาศเย็นยะเยือกกลับโอบล้อมรอบด้าน ตอนนี้ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของจงเลย มีเพียงเสียงร้องของพวกนกบนท้องฟ้าที่บินผ่านมาพอดี
“จง!”
ฉันใจเสียมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องเสือที่ได้ยินมาจากข้าราชการคนเมื่อครู่พลันผุดขึ้นมาในหัว