ทดลองอ่าน พานพบฝ่าบาทในห้วงกาล บทที่ 5-บทที่ 6 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Jamsai

ทดลองอ่าน พานพบฝ่าบาทในห้วงกาล บทที่ 5-บทที่ 6

สวนกว้างกลางพระราชวังชั่วคราวกลายเป็นโลกสีขาวโพลนเพราะหิมะตกลงมาเมื่อหลายวันก่อน

“ข้าเองก็ไม่ได้เล่นว่าวมานานมากแล้วจริงๆ…”

การทำให้ว่าวลอยอยู่บนท้องฟ้ากลายเป็นหน้าที่ของฉันไปเสียแล้ว จงคิดว่าใช้เวลาแค่แป๊บเดียวก็คงทำให้ว่าวลอยขึ้นไปอยู่สูงบนฟ้าได้จึงจ้องมองตาแป๋ว แต่ฉันนี่แหละที่ยังงงอยู่ ฉันจะเอาว่าวขึ้นไปได้ยังไง ฉันกลัวจะทำให้จงผิดหวังเหลือเกิน

ระหว่างนั้นองค์ชายจองวอนที่ยืนมองอยู่ก็ถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

“เจ้าเคยเล่นว่าวแน่รึ”

“แน่เพคะ หม่อมฉันเล่นว่าวกับพ่อทุกฤดูหนาวเลยนะเพคะ”

แน่นอนว่าไม่ใช่ในวัง แต่เป็นริมแม่น้ำฮันต่างหาก

“เร็วเข้า! เร็วๆ สิพี่สาว!”

องค์ชายจองวอนเอามือไพล่หลังแล้วจ้องมอง ฉันจับว่าวแล้วเริ่มวิ่งอย่างมั่นใจ แต่ว่าวกลับลอยสูงแค่หัวเข่าแล้วร่วงลงมาภายในไม่กี่วินาที ฉันจึงหยิบว่าวขึ้นมาแล้ววิ่งอีกครั้ง แต่ว่าวก็ยังไม่ยอมลอยขึ้น ฉันวิ่งแล้ววิ่งอีกจนทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างเหนื่อยล้า รอยยิ้มจึงค่อยๆ หายไปจากใบหน้าของจง

“ถ้าเจ้าลำบากให้ขันทีทำแทนก็ได้”

“เพราะลมต่างหากเพคะ อีกสักประเดี๋ยวลมก็จะเปลี่ยนทิศทางแล้ว ว่าวก็จะลอยขึ้นเพคะ”

องค์ชายจองวอนไม่มีทางที่จะมาวิ่งเพื่อทำให้ว่าวลอยเด็ดขาด เพราะต้องรักษาภาพลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์ ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาของยุคนี้

ฉันเริ่มวิ่งอีกครั้งพร้อมแกว่งแขนไปมา แต่ว่าวก็ไม่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างที่ใจคิดเลยสักนิด แล้วทันใดนั้นเอง จู่ๆ ฉันก็เจ็บจี๊ดตรงแผลเป็นที่หัวไหล่ที่เคยถูกเสือทำร้าย ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะอากาศหนาว แต่มันกลับเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ

“โอ๊ย!”

เมื่อความเจ็บมาถึงขีดสุด ฉันก็หยุดวิ่งแล้วทรุดลงไปกับพื้น

“เจ้าเป็นอะไรรึ”

องค์ชายจองวอนรีบเดินมาทางฉัน แต่ฉันรีบลุกขึ้นพร้อมปฏิเสธ

“ไม่เป็นอะไรเพคะ”

แต่แล้วฉันก็ทรุดลงอีกครั้ง

“ระวังหน่อยสิ!”

องค์ชายจองวอนยื่นมือมาคว้าตัวฉันเอาไว้จนเราล้มลงไปทั้งคู่ พอตั้งสติได้ก็พบว่าร่างขององค์ชายจองวอนกำลังทับอยู่บนร่างของฉัน

“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฉันเป็นหรือไม่เป็นอะไร แต่ปัญหาคือร่างของเรากำลังแนบชิดกันต่างหาก

“คือ…คือว่า…”

ดูเหมือนเขาจะไม่รู้เลยว่าปัญหาตอนนี้คืออะไร

“หนาวเพคะ”

ฉันตอบออกไปแบบนั้นเพราะหลังของฉันกำลังแนบกับพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะต้องการแก้เขินที่เขากำลังทับร่างของฉันอยู่ ทันใดนั้นเองใบหน้าของเขาก็เริ่มแดงก่ำ เขารีบลุกขึ้นทันที

“ข้าขอโทษ”

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันไม่เป็นไร…”

ฉันปัดหิมะที่เลอะตามตัวและทำท่าจะลุกขึ้น องค์ชายจองวอนจึงยื่นมือออกมา ฉันจับมือของเขาแล้วลุกขึ้น ระหว่างนั้นเสียงร้องไห้ของจงก็ดังขึ้น พอฉันหันไปมองก็พบว่าว่าวของจงพังหมดแล้ว

“ทำอย่างไรดีเพคะ ฝ่าบาทพระราชทานให้แท้ๆ”

“สักวันมันก็ต้องพังอยู่ดี เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก”

“แต่ว่า…” ฉันหันไปมองจงที่กำลังร้องไห้อย่างน่าสงสาร และในระหว่างนั้นเอง

“นี่มันคืออะไรหรือเพคะ!”

เสียงแข็งกร้าวดังขึ้น จงหยุดร้องไห้แล้วหันไปมอง ท่านแม่ของจงกำลังยืนมองด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง

“ชายา”

องค์ชายจองวอนเรียกแทนการทักทาย คนที่พระชายาเดินปรี่เข้ามาหากลับไม่ใช่องค์ชายจองวอนหรือจง แต่เป็นฉัน ฉันจึงก้มหน้าลง แม้ฉันจะไม่ได้ทำผิดอะไร แต่การที่องค์ชายจองวอนมาช่วยจับฉันจนล้มทับกันก็ไม่ใช่เรื่องที่สมควรนัก ซึ่งไม่รู้ว่านางเดินเข้ามาเห็นตั้งแต่ตอนไหน

“ซังกุงพระพี่เลี้ยง” นางเอ่ยขึ้นพลางยิ้ม แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกมาก

“เจ้าเข้ามาในวังด้วยเหตุอันใดหรือชายา”

“ทำไมหรือเพคะ ในเมื่อพระสวามีและโอรสของหม่อมฉันอยู่ที่นี่ เหตุผลเท่านี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือเพคะ แล้วอีกอย่างที่วังนี้ก็เป็นที่ประทับของฝ่าบาท”

สงครามเย็นกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนในวังนี้ล้วนรู้ดีว่าความสัมพันธ์ขององค์ชายจองวอนกับพระชายานั้นไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบที่จะมายิ้มแย้มแล้วพูดคุยสนทนากัน

“แสดงว่าเจ้ามาเข้าเฝ้าเสด็จพ่ออย่างนั้นรึ”

“เพคะ มาเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพคะ และพระองค์ตรัสว่าได้พระราชทานว่าวให้จงด้วย หม่อมฉันอยากเห็นว่าวตัวนั้นจึงไปที่ตำหนักของจง แต่จงไม่อยู่ ส่วนท่านหม่อมฉันก็นึกว่าท่านไปคุมการก่อสร้างที่พระราชวังชังด็อกเสียอีกเพคะ”

“หลายวันก่อนหิมะตกหนักมากจึงพักการก่อสร้างชั่วคราว”

“เช่นนั้นหรือเพคะ” พระชายายังคงยิ้มเหมือนเดิม แต่เป็นรอยยิ้มที่เลือดเย็นสิ้นดี “อ้อ ท่านพ่อของหม่อมฉันเปรยๆ ว่าอยากพบท่านบ้างเพคะ ท่านบอกว่านานแล้วที่ไม่ได้พบหน้ากัน”

“รู้แล้ว อีกสองสามวันข้าจะไปหาท่านพ่อของเจ้า”

“อย่าดีกว่าเพคะ ไปพร้อมกับหม่อมฉันวันนี้ดีกว่า เพราะหม่อมฉันมีเรื่องต้องคุยกับท่าน”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องซังกุงพระพี่เลี้ยงคนใหม่อย่างไรเล่าเพคะ”

ซังกุงพระพี่เลี้ยงคนใหม่งั้นเหรอ

“ซังกุงพระพี่เลี้ยงคนใหม่รึ”

“ฝ่าบาททรงอนุญาตแล้วเพคะ ดังนั้น…” พระชายาหันกลับมามองฉัน

“คิมซังกุง ที่ผ่านมาเจ้าดูแลจงได้ดี แต่เจ้าจะต้องออกจากวังไปภายในวันนี้ เจ้าคงไม่เสียใจหรอกนะที่ข้าทำเช่นนี้”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Jamsai

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com