บางทีคนแรกที่นั่งนับวันรอคอยให้ฉันออกจากวังคงไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นยูซังกุง เพราะยูซังกุงไม่ชอบใจฉันมาตั้งแต่แรกแล้ว นางโยนห่อผ้าให้ฉันราวกับรอคอยวันนี้มาเนิ่นนาน
“เจ้าคงไม่ต้องใช้ชุดของซังกุงแล้ว ดังนั้นถอดชุดนั้นออก แล้วใส่ชุดในห่อผ้านี่แทน”
ฉันอยากพูดตอกกลับน้ำเสียงอันเย้ยหยันนี้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ของฉันคือถูกไล่ออกจากวัง ฉันจึงไม่อาจพูดหรือทำอะไรอย่างที่ใจคิดได้ ฉันจึงทำได้แค่เพียงหยิบห่อผ้าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นแกะดู
กรุ๊งกริ๊ง…
ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นเสียงของเงิน แต่พอเปิดออกดูกลับพบว่ามันเป็นเครื่องประดับติดหน้าอก
“นี่มัน…”
“พระชายามอบให้เจ้าเป็นพิเศษ และยังฝากมาบอกด้วยว่านี่คือสิ่งตอบแทนที่ช่วยดูแลท่านชายจงผู้สูงส่งของพวกเรา…”
ยูซังกุงเน้นคำว่า ‘ผู้สูงส่ง’ ฉันจึงละสายตาจากห่อผ้าขึ้นไปมองนาง
“มีอะไรจะพูดรึ”
“ไม่มีเจ้าค่ะ ช่วยออกไปก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะได้เปลี่ยนชุด”
“ถ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าจะพาเจ้าออกนอกวัง”
ทันทีที่ยูซังกุงออกไป ฉันก็ทรุดนั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ตอนนี้อนาคตช่างมืดมนเสียจริง
ทันทีที่องค์ชายจองวอนฟังคำพูดของพระชายาเมื่อตอนกลางวัน เขาก็รีบไปที่ไหนสักแห่ง บางทีอาจจะไปแก้ไขสถานการณ์ที่พระชายาก่อเอาไว้ก็ได้ ซึ่งระหว่างนั้นพระชายาก็ลากจงออกไป โดยที่จงไม่รู้ว่าจะไม่ได้เจอกับฉันอีกแล้ว
‘พี่สาว…’
ฉันรู้สึกปวดใจมากเพราะฉันสนิทกับจงมากและอยู่กับจงแทบตลอดเวลา แน่นอนว่าสักวันหนึ่งฉันกับจงต้องจากกัน แต่ไม่คิดว่าจะกะทันหันขนาดนี้
แล้วอีกอย่าง ฉันยังไม่ได้พบกับองค์ชายควังแฮ แม้จะแอบเห็นเขาบ่อยๆ แต่ฉันไม่มีความกล้าที่จะไปปรากฏตัวต่อหน้าเขา เวลาจึงผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ สุดท้ายการที่ฉันโดนไล่ออกจากวังแบบนี้ทั้งหมดอาจเป็นเพราะฉันคนเดียว
ฉันเปิดถุงผ้านั่นอีกครั้ง ฉันไม่รู้หรอกว่าเครื่องประดับพวกนี้มีค่ามากแค่ไหน แต่คงพอสำหรับการออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นอกวังและคงต้องหางานทำด้วย แล้วในยุคนี้สตรีจะทำงานอะไรได้บ้างล่ะ พอคิดถึงการใช้ชีวิตนอกวัง น้ำตาก็ไหลพรากออกมา ฉันพยายามจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่สุดท้ายฉันก็ร้องไห้โฮออกมา มันมืดมนจริงๆ ทำไมระหว่างที่อยู่ในวังนี้ ฉันถึงไม่คิดวางแผนเผื่อจะถูกไล่ออกไปนอกวังเลยสักครั้ง
สุดท้ายทุกอย่างคือความผิดของฉัน ถึงแม้ว่าองค์ชายจองวอนจะห้าม หรือรูปร่างและบุคลิกขององค์ชายควังแฮจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ฉันก็น่าจะออกไปพบกับองค์ชายควังแฮตั้งแต่แรก ฉันควรปรากฏตัวต่อหน้าเขา ถ้าเขาได้เจอฉันแล้ว เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้จักหรือเมินใส่ฉัน ฉันก็จะได้วางแผนหาวิธีการดำเนินชีวิตในทางอื่นได้แต่เนิ่นๆ และอย่างน้อยก็ถือว่าฉันก็ได้ลอง ‘พยายาม’ แล้ว
“ฮือ… ฮือ…”
ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว ฉันจะต้องออกไปเผชิญหน้ากับโชซอนที่ไม่คุ้นเคย
หลังจากที่ร้องไห้อยู่พักใหญ่ เสียงวิ่งอย่างรีบเร่งก็ดังขึ้น พอเงยหน้าขึ้นมอง ประตูก็ถูกเปิดออก อากาศอันหนาวเหน็บแทรกเข้ามาในห้องพร้อมกับแสงจันทร์
“อ๊ะ!”
การปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันขององค์ชายจองวอนทำให้ฉันถึงกับตกใจ
“เจ้ายังไม่ไป…”
เขาถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกแล้วเดินเข้ามาในห้อง พอมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน เขายื่นมือข้างหนึ่งมาจับข้อมือของฉันและยื่นมืออีกข้างหนึ่งมาจับที่แก้มของฉัน
“ร้องไห้รึ” เขาลูบแก้มของฉันที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาอย่างอ่อนโยน
“คือว่า…”
ฉันไม่อยากตอบไปตรงๆ ว่าตัวเองร้องไห้เพราะไม่อยากออกจากวัง ขณะที่ฉันคิดหาคำตอบที่เหมาะอยู่นั้น เขาก็ดึงฉันเข้าไปกอด
“องค์…องค์ชายจองวอน”
“เจ้าอย่าจากไปไหนเลย อยู่ที่นี่เถอะนะ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
ฉันพยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดของเขา แต่ยิ่งทำอย่างนั้นแขนอันแข็งแกร่งของเขาก็ยิ่งกอดฉันแน่นขึ้น แน่นจนฉันได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเขา ตั้งแต่เกิดมาฉันเพิ่งเคยถูกผู้ชายกอดแบบนี้เป็นครั้งแรก หัวใจของฉันจึงเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะเช่นกัน
เขา…ชอบฉันงั้นเหรอ