เสียงหายใจขององค์ชายจองวอนดังอยู่ใกล้มากจนฉันคิดว่าเราสองคนไม่ควรอยู่ในสภาพนี้
“ปล่อยเถอะเพคะ”
ฉันพูดพลางผลักเขาออก แต่ทันใดนั้นเองริมฝีปากของเขาก็เคลื่อนลงมาประกบที่ริมฝีปากของฉัน ถึงแม้ว่าจะเป็นสัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยน แต่ฉันก็ผลักเขาออกไปอย่างเต็มแรง
เขาชอบฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน จริงอยู่ว่าในยุคโชซอนไม่ว่าจะชอบใครก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจ ไม่เปิดเผยออกมา แต่จนถึงตอนนี้ฉันไม่เคยสังเกตและรู้สึกมาก่อนว่าเขามีใจให้ฉัน
“คือว่า…คือว่าเรื่องนี้…”
คงไม่มีสตรีคนไหนในแผ่นดินโชซอนที่จะปฏิเสธองค์ชายที่มีพ่อเป็นถึงพระราชาของแผ่นดิน อีกทั้งลูกชายของเขาจะได้เป็นพระราชาในอนาคตอีกด้วย แต่ความจริงก็คือฉันไม่ได้เป็นสตรีในยุคโชซอน
องค์ชายจองวอนนิ่งเงียบไปพักใหญ่ มือทั้งสองของเขากำลังกำแน่น สายตาของเขากำลังจับจ้องไปทางอื่น
“องค์…องค์ชายจองวอน…” ฉันเรียกเขาเพื่อเตือนสติ
“ข้าขอโทษ เจ้าลืมเรื่องเมื่อครู่ไปเสียเถิด” เขาหันมามองฉันด้วยดวงตาอันเศร้าสร้อย “ล้วนมีแต่เรื่องที่ทำให้ข้าต้องขอโทษเจ้าทั้งนั้น”
“…”
“ข้าอยากทำทุกอย่างตามประเพณี”
ฉันไม่เข้าใจที่เขาพูด
“เจ้าจะมาเป็นสตรีของข้าได้หรือไม่”
“หา?!”
ถ้าพูดตรงๆ ก็คือเขาขอฉันเป็นเมียงั้นเหรอ!
“หม่อมฉันเนี่ยนะเพคะ นี่มันเรื่องอะไรกันเพคะ”
มันกะทันหันเกินไปจนฉันคิดอะไรไม่ออก
“ถ้าเจ้ามาเป็นสตรีของข้า ข้าจะได้ฝากฝังเจ้าให้ดูแลจงตลอดไป”
ถ้าเป็นสตรีของเขา ฉันก็จะได้ดูแลจง นี่เป็นวิธีที่จะทำให้ฉันอยู่ในวังได้อย่างนั้นเหรอ เขากำลังหว่านล้อมฉันโดยนำจงมาอ้าง เขาเป็นคนดี แต่ประเด็นก็คือฉันไม่ได้รักเขา
“ขอประทานอภัยนะเพคะ” ครั้งนี้ฉันจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษเขา
“หม่อมฉันคงไม่สามารถเป็นสตรีของพระองค์ได้ ที่หม่อมฉันต้องมาเป็นซังกุงพระพี่เลี้ยงก็เพราะหม่อมฉันอยากอาศัยอยู่ในวังนี้ พระองค์ก็ทราบไม่ใช่หรือเพคะ ว่าเหตุใดหม่อมฉันถึงอยากอยู่ในวังนี้…” ก็เพื่อได้พบกับองค์ชายควังแฮ
“พระองค์จะรักษาคำมั่นที่ให้ไว้ใช่ไหมเพคะ”
คำสัญญาที่จะทำให้ฉันได้พบกับองค์ชายควังแฮ แต่ฉันเห็นสายตาปฏิเสธของเขา ตอนนี้เหมือนฉันตกอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังปฏิเสธคำสารภาพรักของเขา
ถ้าลองคิดดูตามความเป็นจริง ฉันได้เป็นสตรีขององค์ชายจองวอน ฉันก็จะได้อยู่ในวังตลอดไป และจะได้พบกับองค์ชายควังแฮได้ง่ายขึ้น และถ้าพบกับองค์ชายควังแฮในฐานะสตรีขององค์ชายจองวอน มันก็จะไม่ทำให้องค์ชายควังแฮตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่ฉันไม่สามารถเป็นสตรีของคนที่ฉันไม่ได้รักได้
“ขอประทานอภัยด้วยนะเพคะที่หม่อมฉันพูดออกไปอย่างนั้น แต่พระองค์จะรักษาคำมั่นใช่ไหมเพคะ”
ฉันพยายามเปลี่ยนบรรยากาศให้กลับมาเป็นเหมือนปกติ
“ยังมีวิธีอื่นที่จะทำให้หม่อมฉันได้อยู่ในวังต่อไปได้ไหมเพคะ หม่อมฉันเคยมีประสบการณ์ทำอาหารในห้องเครื่องมาบ้าง อาจจะพอทำงานที่ห้องเครื่องได้นะเพคะ”
“แล้วอย่างไร”
“เพคะ?”
“จุดประสงค์ของเจ้าคือการพบองค์ชายรัชทายาทเท่านั้นหรือ” สายตาของเขาในตอนนี้ต่างไปจากเดิม มันเต็มไปด้วยความโมโหและขุ่นเคืองใจ
“หม่อมฉันเคยบอกไปแล้วว่าหม่อมฉันต้องพบองค์ชายรัชทายาทให้ได้เพคะ”
“แต่เจ้าไม่เคยบอกเหตุผลกับข้าว่าเพราะเหตุใด เจ้าบอกข้าในตอนนี้ได้หรือไม่”
ถึงฉันจะบอกไป เขาก็ไม่เข้าใจหรอก เพราะเขาเพียงแค่ฟังเรื่องราวของฉันมาจากองค์ชายควังแฮ แต่เขาไม่เคยไปเห็นโลกอนาคตเลย เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าฉันมาอาศัยอยู่ที่วังนี้เพื่อรอพบพ่อที่จะมาปรากฏตัวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ขอเพียงแค่หม่อมฉันได้พบกับองค์ชายรัชทายาทเท่านั้น พอถึงตอนนั้นพระองค์ก็จะได้ทราบเองเพคะว่าเป็นเพราะเหตุใด”
เขาเม้มปากแน่นเมื่อได้ฟังคำอธิบายที่พูดซ้ำไปซ้ำมาของฉัน
“องค์ชายรัชทายาทลืมเจ้าไปแล้ว”
คำพูดของเขาเหมือนคมดาบกำลังกรีดลงมาที่ร่างกายของฉัน แม้คำพูดนี้จะไม่ได้ออกมาจากปากขององค์ชายควังแฮ หากแต่ฉันกลับเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“อาจจะเป็นเพราะ…เรื่องมันนานมาแล้วกระมังเพคะ” น้ำตาของฉันพานจะไหลออกมา
“จริงอยู่ว่าข้าได้ฟังเรื่องของเจ้ามาจากองค์ชายรัชทายาท แต่มันดูเป็นเหมือนความทรงจำในอดีตที่ยาวนานมาแล้ว องค์ชายรัชทายาทคงจะลืมเลือนมันไปแล้ว”
“…”
“ทั้งที่เป็นอย่างนี้เจ้ายังอยากอยู่ที่วังนี้อีกรึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากเจ้าอยู่ที่วังนี้ในฐานะนางใน เจ้าจะไม่สามารถออกจากที่นี่ได้ชั่วชีวิต”
“หม่อมฉันทราบเพคะว่าหม่อมฉันจะไม่สามารถออกจากที่นี่ได้ไปตลอดชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นหม่อมฉันก็อยากอยู่ในวังแห่งนี้เพคะ” ฉันยืนกรานอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เพราะเหตุใดเล่า! ไยเจ้าจึงไม่ยอมพูดความจริงออกมาเสียที” องค์ชายจองวอนตะโกนด้วยความโมโหอีกครั้ง “เจ้ามีใจให้องค์ชายรัชทายาท เจ้าจึงอยากอยู่ในวังเพื่อพบองค์ชายรัชทายาทใช่หรือไม่”
ฉันอึ้งงันกับคำพูดนี้
องค์ชายจองวอนกำลังเข้าใจผิด หรือเขาคิดว่าที่ฉันปฏิเสธไม่ยอมเป็นสตรีของเขาก็เพราะฉันมีใจให้องค์ชายควังแฮ ฉันต้องรีบบอกไปว่าไม่ใช่เพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
ทว่ายังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไร เขาก็เดินไปเปิดประตู อากาศอันหนาวเหน็บแทรกซึมเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“คืนนี้เจ้าไม่ต้องออกนอกวัง ข้าจะหาหนทางอื่นเพื่อให้เจ้าได้อยู่ในวังนี้ได้ต่อไป”
เขาพูดโดยไม่หันหลังกลับมามอง ก่อนจะเดินออกจากห้องและปิดประตู พร้อมกับแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในคราแรกมืดดับลง