“องค์ชายจองวอนขอให้เจ้ามาอยู่กับข้า แต่ข้าไม่ต้องการซังกุงเพิ่ม และข้ากับลูกสะใภ้ของข้าก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ข้าจึงไม่อยากทำร้ายจิตใจนาง แต่ข้าก็ไม่อยากปฏิเสธคำขอร้องขององค์ชายจองวอน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากขอร้องข้า ดังนั้นข้าจึงคิดที่จะส่งเจ้าไปเป็นนางในของห้องเครื่อง”
คำว่า ‘นางในของห้องเครื่อง’ ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมา แต่ทันทีที่สบสายตาอันเฉียบคมของพระสนมอินบิน ฉันก็ต้องก้มหน้าลงอีกครั้ง
“จากที่องค์ชายจองวอนว่าไว้ เจ้ามีฝีมือด้านการปรุงอาหาร ข้าจึงอยากพิสูจน์เรื่องนั้นโดยการส่งเจ้าไปที่นั่น ลองแสดงฝีมือการทำอาหารที่ถูกพระทัยฝ่าบาทให้ข้าดูหน่อยนะ”
หลังคำพูดนั้นจบลง ในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ฉันไม่รู้ว่านี่คือคำสั่งที่ไม่ต้องการคำตอบ หรือคำถามที่ต้องการคำตอบรับ หลังจากลังเลอยู่นานก็ตัดสินใจกล่าวขอบคุณออกไป
“ขอบพระทัยเพคะ”
“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงได้ใจดีกับเจ้า ทั้งที่ข้าไม่รู้แม้แต่หัวนอนปลายเท้าของเจ้าเลย”
แม้น้ำเสียงจะอ่อนโยน แต่นางคือ ‘แม่มดอินบิน’ ที่คนในวังต่างรู้ดี
“พระสนมกงบินที่ตายไปแล้วก็เคยเป็นนางในของห้องเครื่องมาก่อน ถ้านางถูกซ่อนเอาไว้ในห้องเครื่องและไม่เป็นที่เตะตาใครๆ เลยตลอดชีวิตก็คงดีสินะ…”
ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงพระสนมกงบินพระมารดาขององค์ชายควังแฮทำไม แต่แล้วฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับพระสนมกงบินนั้นไม่ดีเท่าไหร่นัก หากไม่มีพระสนมกงบิน คนที่จะคลอดพระโอรสองค์โตให้กับพระเจ้าซอนโจคงเป็นพระสนมอินบิน และมีความเป็นไปได้สูงที่พระโอรสองค์นั้นจะได้เป็นองค์ชายรัชทายาท แต่ประวัติศาสตร์ได้เลือกองค์ชายควังแฮ
“เจ้าออกไปได้แล้ว ข้าได้ยินมาว่าห้องเครื่องมีงานยุ่งทั้งวัน”
ห้องเครื่องคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและกลิ่นหอมหวนของอาหาร
“คังซังกุงอยู่ที่ใด”
ยูซังกุงถามนางในคนหนึ่งที่เดินผ่านมา คังซังกุงคือซังกุงสูงสุดประจำห้องเครื่อง อายุราวๆ ห้าสิบปี นางกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำอาหารเพื่อให้ทันขึ้นสำรับในมื้อถัดไป
“ตายจริง นั่นยูซังกุงจากตำหนักองค์ชายจองวอนนี่เจ้าคะ”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเจ้าคะคังซังกุง”
ทั้งคู่เป็นซังกุงเหมือนกัน แต่คนหนึ่งเป็นซังกุงสูงสุด ส่วนอีกคนคือซังกุงส่วนพระองค์ขององค์ชายในพระสนม แม้ยูซังกุงจะอายุมากกว่า แต่ก็พูดคุยอย่างสุภาพนอบน้อม คังซังกุงคนนี้ทำให้ฉันนึกถึง ‘คังซังกุง’ ที่เคยอบรมสั่งสอนฉันอย่างเข้มงวดในห้องเครื่องสมัยพระเจ้าเซจง หน้าก็ดูคุ้นๆ จะใช่คนเดียวกันรึเปล่านะ
“นางผู้นี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าค่ะคังซังกุง”
“แต่เหตุใดนางจึงสวมชุดของซังกุงล่ะเจ้าคะ” คังซังกุงตำหนิอย่างตรงไปตรงมา
“ข้าจะรีบสั่งให้ถอดออกเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”
“แล้วรู้หรือไม่เจ้าคะ” สายตาของคังซังกุงหันมาทางฉัน “ผู้ที่เคยเป็นซังกุงพระพี่เลี้ยง แต่ภายหลังต้องกลายมาเป็นนางใน จะโดนคนในวังรังเกียจมาก”
คำพูดนั้นทำให้พวกนางในของห้องเครื่องหันมามองฉันแล้วกระซิบกระซาบกัน ฉันคิดว่าฉันจะโดนรังเกียจก็เพราะคำพูดของคังซังกุงนี่แหละ
“ถือว่านางยังโชคดีนะเจ้าคะ เพราะนางเกือบจะต้องออกจากวังแล้วเจ้าค่ะ”
“อย่างไรก็ตามห้องเครื่องไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะมาดูถูกได้ง่ายๆ ยิ่งจากซังกุงกลายมาเป็นนางในแบบนี้ หากทำงานของที่นี่ได้ไม่ดีพอ ก็ต้องถูกปลดไปเป็นทาสนะเจ้าคะ”
“เรื่องนั้นแล้วแต่คังซังกุงตัดสินใจเลยเจ้าค่ะ”
แน่นอนว่าจากนี้ไปฉันไม่ใช่ซังกุงพระพี่เลี้ยงของตำหนักองค์ชายจองวอนอีกแล้ว ดังนั้นต่อให้กลายไปเป็นทาส หรือถูกไล่ออกนอกวัง มันก็ไม่เกี่ยวกับยูซังกุงเลยสักนิดเดียว
คังซังกุงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเรียกนางในฝึกหัดคนหนึ่งมาสั่งงาน
“เจ้าพานางผู้นี้ไปยังที่พักที จัดแจงให้นางเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วให้พามาหาข้าอีกครั้ง”
“เจ้าค่ะคังซังกุง”
สถานที่ที่ฉันเดินตามนางในฝึกหัดมานั้นอยู่ไม่ไกลจากห้องเครื่องมากนัก ที่นี่มีอาคารที่พักของนางในเรียงรายอยู่ แต่นางในฝึกหัดพาฉันเดินเลยออกไปอีก มันไม่ใช่อาคารที่มีหลายห้อง แต่เป็นกระท่อมเล็กๆ ที่มีห้องครัวเชื่อมอยู่ ดูแค่แวบเดียวก็รู้ว่าไม่มีใครอาศัยอยู่นานแล้ว
“ที่นี่คือที่พักของข้าใช่ไหม”
“เจ้าค่ะ”
นางในฝึกหัดตอบพร้อมพยักหน้า แล้วตอนนั้นเองประตูที่พักก็ถูกเปิดออก หญิงในชุดสีน้ำเงินเดินออกมาพร้อมถือกะละมังใส่น้ำกับผ้าถูพื้นในมือ ทันทีที่เห็นฉันกับนางในฝึกหัดนางก็ก้มหัวเพื่อทำความเคารพ