“ท่านซังกุง ท่านนางใน”
แค่เห็นชุดของนางก็ทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่านางคือทาส
“ท่านมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ ได้ยินมาว่าห้องเครื่องยุ่งมากมิใช่หรือเจ้าคะ”
“คังซังกุงสั่งให้ข้าพานางในคนใหม่มายังที่พักน่ะ”
“นางในคนใหม่รึเจ้าคะ อยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ”
นางมองเลยฉันไปเพื่อมองหานางในคนใหม่ เพราะชุดที่ฉันสวมใส่ยังคงเป็นชุดของซังกุง นางจึงไม่รู้ สุดท้ายฉันก็ต้องรีบออกตัว
“ข้าเองเจ้าค่ะ ข้าคือนางในคนใหม่”
“ท่านเป็นซังกุงไม่ใช่รึเจ้าคะ”
“เคยเป็นซังกุง แต่ตั้งแต่นี้ไปคือนางในเจ้าค่ะ”
“อ๋อ เจ้าค่ะ” นางทำท่าทางสับสนก่อนจะโค้งตัวทำความเคารพฉันอีกครั้ง “ข้าเป็นทาสสังกัดที่พักแห่งนี้เจ้าค่ะ ต่อไปข้าจะคอยดูแลท่านนะเจ้าคะ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ว่าแต่ชื่ออะไรหรือเจ้าคะ”
“อุนจีเจ้าค่ะ”
“อายุล่ะเจ้าคะ”
“ปีนี้อายุยี่สิบสี่แล้วเจ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ต้องเรียกว่าพี่อุนจี…” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ อุนจีก็รีบโบกไม้โบกมือพร้อมตะโกนลั่น
“อย่าพูดจาอย่างนั้นนะเจ้าคะ ข้าเป็นเพียงทาสผู้ต่ำต้อย ไม่ต้องพูดจายกย่องข้าอย่างนั้นหรอกเจ้าค่ะ เรียกว่าอุนจีก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
“แต่ข้าอายุน้อยกว่า”
“โอ๊ย! ไม่ได้เจ้าค่ะ หากนางในหรือซังกุงท่านอื่นรู้เรื่องนี้ ข้าโดนไล่ออกจากวังแน่เลยเจ้าค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ได้เด็ดขาด! ไม่ได้นะเจ้าคะ ขอร้องล่ะเจ้าค่ะ”
“รู้แล้วๆ ถ้าเช่นนั้นข้าเรียกว่าอุนจีนะเจ้าคะ”
หลังจากที่นางในฝึกหัดยืนฟังอยู่นาน นางก็เอ่ยแทรกขึ้นมา “รีบไปเตรียมตัว แล้วกลับไปห้องเครื่องเถิดเจ้าค่ะ”
“ได้ ข้าขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”
ฉันเดินเข้าไปในที่พักแล้วคลายห่อผ้าที่ถือมา ในใจคิดว่าจะต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปหาคังซังกุงแต่แล้วบางอย่างในห่อผ้าก็สะดุดสายตาของฉัน มันคือภาพที่จงวาดใบหน้าของฉันด้วยพู่กัน แม้จะบิดเบี้ยว นี่เป็นของเพียงอย่างเดียวที่ฉันเอามาด้วยตอนออกมาจากตำหนักของจง ฉันจะมีโอกาสได้เจอกับจงอีกไหมนะ ถ้าอยากเจอจงก็ต้องไปที่ตำหนักขององค์ชายจองวอน แต่ถ้าได้เจอพระชายาขององค์ชายจองวอน ครั้งนี้ฉันอาจถูกไล่ออกจากวังจริงๆ ก็ได้ ซึ่งฉันจะไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น ฉันจะต้องอยู่เพื่อพบองค์ชายควังแฮ
วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันทำงานในห้องเครื่อง ทั้งซังกุงสูงสุดของห้องเครื่องและพวกนางในในห้องเครื่องทุกคนคงจะเกลียดฉันหมด เพราะนางในฝึกหัดจะเข้าวังมาตั้งแต่อายุน้อยๆ ทุกคนต้องทำงานเบ็ดเตล็ดทุกอย่างกว่าจะได้เลื่อนตำแหน่ง แล้วอดีตซังกุงที่เกือบถูกไล่ออกจากวังอย่างฉันกลับได้มาทำงานในห้องเครื่องหน้าตาเฉย ไม่ว่าใครก็ต้องหมั่นไส้เป็นธรรมดา
วันนี้ทั้งวันฉันล้างแต่ต้นหอม ล้างแล้วล้างอีก ในวังนี้คงมีคนกิน ‘ต้นหอม’ มากมายสินะ ถึงต้องล้างกันเยอะแยะขนาดนี้ ฉันรู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังล้างต้นหอมที่ต้องเก็บไว้กินนานหนึ่งปี บางคนอาจคิดว่าแค่นั่งล้างต้นหอมมันจะยากลำบากอะไรกัน แต่ตอนนี้ยังอยู่ในฤดูหนาว การนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ข้างนอกแล้วเอามือจุ่มน้ำเย็นทั้งวันมันเป็นเรื่องที่ทรมานจริงๆ
“ให้ข้านวดตัวให้ไหมเจ้าคะ” อุนจีเอ่ยถามหลังจากที่ฉันกลับมายังที่พัก
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นไร”
“โอ๊ย หากท่านยังพูดจาแบบนี้กับข้าอยู่ ข้าจะลำบากนะเจ้าคะ ไม่ต้องใช้คำพูดสุภาพกับข้าหรอกเจ้าค่ะ”
“เอ่อ…เอาอย่างนั้นหรือ”
สำหรับฉันการพูดจาสุภาพหรือไม่สุภาพนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่หากคนอื่นมาได้ยินเข้า อุนจีอาจจะถูกไล่ออกจากวังได้
“เจ้าค่ะ อย่างนั้นล่ะเจ้าค่ะ”
“ว่าแต่ดึกแล้วเจ้ายังไม่ออกจากวังอีกรึ”
“ยังเหลือเวลาอีกสักครู่เจ้าค่ะ ถ้าเลยเวลานั้นไปแล้วข้าจะออกจากวังไม่ได้เจ้าค่ะ”
“ต้องออกจากวังทุกวันเลยรึ”
“ในสิบวัน ข้าจะออกจากวังได้สามวันเจ้าค่ะ วันไหนที่ข้าออกจากวัง ลูกชายคนเล็กของข้าจะไม่ยอมหลับยอมนอน นั่งรอข้าจนดึกดื่นเลยเจ้าค่ะ”
“มีลูกชายด้วยรึ”
“เจ้าค่ะ สองคน เจ้าคนเล็กอายุสามขวบ ส่วนคนโตอายุหกขวบเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นรึ”
ทาสส่วนหนึ่งจะแต่งงานแล้ว ทาสหญิงที่ถูกเลือกเข้ามาทำงานในวังนั้นจะอยู่ในระดับต่ำที่สุด และรับหน้าที่ทำงานเบ็ดเตล็ดทุกอย่างที่ซังกุง นางใน หรือนางในฝึกหัดไม่ทำกัน