Jamsai
ทดลองอ่าน พานพบฝ่าบาทในห้วงกาล บทที่ 5-บทที่ 6
หน้าที่ของฉันยังคงเป็นการล้างผักเหมือนเดิม และสิ่งที่เหมือนเดิมอีกหนึ่งอย่างก็คือไม่มีใครในนี้คุยกับฉันเลย
วันแรกเริ่มต้นด้วยการล้างต้นหอม พอวันถัดมาก็ล้างผักทุกชนิด นางในฝึกหัดส่วนใหญ่จะช่วยเหลือนางในที่ตัวเองสังกัดอยู่ แต่ฉันเป็นนางในที่ไม่มีนางในฝึกหัดในสังกัด จึงต้องทำทุกอย่างเองคนเดียว จนเวลาผ่านไปครึ่งเดือน ผักทุกชนิดในวังก็ได้ผ่านมือของฉันมาหมดแล้ว
ฤดูใบไม้ผลิของปีถัดมา อากาศก็เริ่มคลายความเย็นลง งานที่ฉันต้องรับผิดชอบก็เปลี่ยนไป นั่นคือการจัดสำรับอาหาร ในตอนแรกฉันดีใจมากที่ได้รับการปลดแอกจากการล้างผักเสียที แต่แล้วความดีใจก็คงอยู่ได้ไม่นาน เพราะการจัดสำรับอาหารไม่ใช่งานง่ายๆ ทุกสำรับในวังนี้ต้องผ่านการจัดการจากฉันทั้งหมด การก้มหลังทั้งวันเพื่อจัดเรียงสำรับให้ถูกต้องนั้นทำเอาร่างของฉันแทบแหลก ถ้าฉันเผลอวางช้อนผิดตำแหน่งเพียงแค่คันเดียว คังซังกุงก็จะตวาดลั่น
บทลงโทษที่คังซังกุงมักใช้ลงโทษฉันคือการให้อดอาหารหนึ่งมื้อ ซึ่งถือเป็นการลงโทษที่ทรมานมากจริงๆ ทำงานหนักมาทั้งวัน แต่ไม่ได้กินข้าวเย็นเพียงเพราะความผิดแค่เล็กน้อย แม้ที่นี่จะไม่มีเครื่องชั่งน้ำหนัก แต่ฉันก็พอจะเดาได้ว่าน้ำหนักของฉันลดลงไปประมาณห้าถึงหกกิโลกรัม ฉันกลัวว่าฉันอาจได้เป็นนางในคนแรกในประวัติศาสตร์ของโชซอนที่ตายเพราะการอดอาหารจริงๆ
ผ่านมาหนึ่งเดือน วันหนึ่งฉันถูกทำโทษให้อดข้าวด้วยเหตุผลที่ว่าวางตำแหน่งของเครื่องเคียงผิด พอตกกลางคืน ฉันจึงแอบออกจากที่พักไปยังห้องเครื่อง เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเกิดขององค์หญิงองค์หนึ่ง ห้องเครื่องจึงทำชีรูต็อกปริมาณมากเพื่อแจกบรรดาเชื้อพระวงศ์ ถ้าฉันแอบกินไปนิดนึงคงไม่มีใครรู้หรอก
“ตายจริง เจ้า…”
ทันทีที่มาถึงห้องเครื่องก็เห็นนางในของห้องเครื่องสองคนกำลังนั่งอยู่
“มาเห็นตอนกลางคืนแบบนี้ อย่างกับขอทานเลยนะ”
“วันนี้ไม่ได้กินข้าวเย็นอีกแล้วรึ”
ฉันล้มเลิกความตั้งใจที่จะแอบกินขนมทันที แต่ขณะที่ฉันกำลังจะเดินกลับที่พักของตัวเองนั้น พวกนางในที่ไม่เคยพูดคุยกับฉันเลยก็เดินเข้ามาใกล้ฉันและพูดด้วยน้ำเสียงสนิทสนม
“เดี๋ยวก่อนสิ ได้ยินมาว่าเจ้าคือนางในที่พระสนมอินบินแนะนำให้มาทำงานในห้องเครื่องใช่หรือไม่”
“ฝีมือการทำอาหารของเจ้าคงดีมากเลยสินะ”
คำชมที่ไม่เคยได้ยินหลุดออกจากปากของพวกนาง
“จู่ๆ ทำไมถึงพูดแบบนั้น”
“พูดแบบไหนรึ”
“พวกเราเป็นนางในเหมือนกันนี่นา ก็ต้องช่วยเหลือกันสิ ใช่หรือไม่เล่า”
“…” พวกนางพูดดีกับฉันจนน่าสงสัย
“นางในที่ต้องเตรียมอาหารว่างมื้อค่ำสำหรับตำหนักพระสนมอินบินขาดไปหนึ่งคน”
“เจ้าเป็นนางในที่พระสนมอินบินแนะนำมานี่ เจ้าน่าจะรู้ไม่ใช่รึว่าพระสนมอินบินโปรดอาหารว่างแบบไหน”
ฟังคำพูดของพวกนางแล้ว ฉันก็เข้าใจทันทีว่าทำไมถึงยอมพูดจากับฉันอย่างสนิทสนม คงกำลังคิดหนักอยู่ว่าจะทำอาหารว่างเป็นอะไรดี
“ข้าไม่แน่ใจ ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้สักเท่าไหร่หรอก”
ฉันไม่ใช่นางในของพระสนมอินบิน จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
“แค่บอกเฉยๆ ก็ได้ว่าทำอะไรดี”
“…”
“เจ้าช่วยพวกข้าหน่อยไม่ได้รึ”
ฉันไม่อยากช่วยคนที่เมินใส่ฉัน แต่คำพูดของนางในคนหนึ่งกลับทำให้หัวใจของคนหิวข้าวอย่างฉันต้องหวั่นไหว
“ถ้าวัตถุดิบเหลือ เจ้าจะแบ่งเอาไปกินบ้างก็ได้นะ”
“วันนี้คังซังกุงสั่งให้เจ้าอดอาหารเย็นมิใช่หรือไร”
“ถ้าเจ้าช่วย พวกข้าก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นดีหรือไม่”
“งั้นรึ” ฉันคงจะหิวมากจนตาลายไปแล้ว และเห็นคนที่เคยใจดำกลายเป็นนางฟ้าไปในชั่วพริบตา
“จะช่วยพวกข้ารึไม่”
จ๊อก…เสียงจากกระเพาะร้องตอบมาก่อนเสียงจากปากเสียอีก
“ก็ได้” ฉันพยักหน้าแล้วเอ่ยถาม “วัตถุดิบมีอะไรบ้างล่ะ”
“เนื้อไก่ ไข่ แล้วก็ฮยอนกูจา”
ทันใดนั้นเองอาหารชนิดหนึ่งก็แวบผ่านเข้ามาในหัว
“ได้ แค่นั้นก็พอแล้ว”
ฉันสมัครใจทำอาหารด้วยตัวเองโดยลืมความจริงไปข้อหนึ่ง การช่วยเหลือคนที่ไม่จริงใจกับเราในเวลาปกตินั้นเป็นเรื่องอันตรายมากหากอยู่ในวัง หลังจากช่วยพวกนางเสร็จ ฉันก็ได้กินสตรอเบอรี่อย่างจุใจ
แต่พอถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ห้องเครื่องก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย
“คนที่ทำอาหารว่างมื้อค่ำสำหรับตำหนักของพระสนมอินบินเมื่อคืนคือใครกัน!”
คังซังกุงเรียกนางในทุกคนของห้องเครื่องมารวมตัวกันแล้วตะโกนถาม โดยข้างกายของคังซังกุงมีพวกขันทีและพวกทหารยืนอยู่ด้วย
“ยังไม่รีบออกมาอีกรึ!” เสียงตวาดของคังซังกุงทำให้นางในสองคนนั้นค่อยๆ ก้าวออกมาข้างหน้าแล้วก้มหน้าลง
“คยองมินเจ้าค่ะ คยองมินเป็นคนทำอาหารว่างมื้อค่ำส่งไปยังตำหนักของพระสนมอินบินเจ้าค่ะ”
“คยองมินออกมาเดี๋ยวนี้!”
ฉันยังไม่รู้แน่ชัดว่าสถานการณ์ตรงหน้าคืออะไร แต่ก็ก้าวออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ
“ข้าเป็นคนทำอาหารมื้อนั้นเองเจ้าค่ะ”
“เด็กคนนั้นเจ้าค่ะ”
ทันทีที่คังซังกุงหันไปบอก ขันทีก็สั่งทหารที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันที “จับนางไว้!”
“หา?!” ฉันถูกทหารล็อกตัวเอาไว้อย่างแน่นหนา “ข้าทำอะไรผิดไปหรือเจ้าคะ ข้าขอทราบเหตุผลด้วย!”
“นางคนนี้! เจ้ารู้ดีใช่หรือไม่ว่าเมื่อคืนฝ่าบาทเสด็จมาประทับที่ตำหนักพระสนมอินบิน เจ้าจึงใส่ยาพิษลงในอาหารว่างที่ฝ่าบาทเสวย!”
“ยาพิษหรือเจ้าคะ! ข้าไม่ได้ทำ…ข้าไม่ได้ทำเจ้าค่ะ! ข้าไม่มีทางทำอย่างนั้นเด็ดขาด!”
“ใต้เท้าเจ้าคะ” คังซังกุงดูเหมือนยังสงสัยอะไรบางอย่างอยู่จึงหันไปพูดกับขันที “นางเป็นคนที่พระสนมอินบินแนะนำให้เข้ามาทำงานในห้องเครื่องนะเจ้าคะ มันไม่แปลกหรือเจ้าคะที่นางจะใส่ยาพิษลงในอาหารว่างสำหรับตำหนักพระสนม”
“เรื่องนั้นถ้าตรวจสอบแล้วก็จะรู้เอง แต่ความจริงที่แน่นอนก็คือหลังจากที่ฝ่าบาทเสวยอาหารนั้นไปก็ทรงพระกาสะทั้งคืน พอรุ่งเช้าถึงกับทรงอาเจียนออกมาเป็นพระโลหิต”
พระเจ้าซอนโจถึงกับอาเจียนออกมาเป็นเลือดอย่างนั้นเหรอ!
“ลากตัวไปเดี๋ยวนี้!”