บทที่ 7
เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัว หิมะตกอย่างไม่ลืมหูลืมตามาตลอดหนึ่งสัปดาห์แล้ว อุณหภูมิจึงลดต่ำลงไปมาก ทุกครั้งที่หายใจจะมีไอสีขาวออกมาทางจมูก
พออากาศเป็นแบบนี้ พวกนางในของตำหนักพระสนมอินบินก็แสร้งทำเป็นสนิทสนมและแวะมาหาฉันที่ทเวซอนคันอยู่บ่อยๆ เพราะที่นี่มีเตาและช่องใส่ไฟที่ให้ความอบอุ่นอยู่เสมอ พวกนางจึงพากันเข้ามาหลบหนาวแม้จะไม่มีสำรับให้ยกมาก็ตามที
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแวะมาหลบหนาวของพวกนางในก็คือมียอง ปกติมียองจะมาหามาพูดคุยกับฉันบ่อยๆ แต่ตอนนี้มียองทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่นางในจากต่างตำหนักจะมาเดินเข้าๆ ออกๆ ดังนั้นมียองจึงแอบมาหาฉันที่ที่พักในตอนกลางคืนแทน ด้วยเหตุนี้ฉัน มียองและอุนจีจึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปในที่สุด
“ได้ยินมาว่าพรุ่งนี้องค์ชายรัชทายาทจะกลับมาที่วังนะเจ้าคะ”
ข่าวน่ายินดีที่มียองบอกทำให้ฉันถึงกับหูผึ่ง
“จริงรึ”
“เจ้าค่ะ องค์ชายรัชทายาทจะเสด็จมาเข้าร่วมพิธีฮวังคัมเจแทนฝ่าบาทที่ทรงประชวรอยู่เจ้าค่ะ”
มียองตื่นเต้นที่จะได้เห็นฮน ฉันเองก็เหมือนกัน แต่ฉันยังไม่สามารถเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับฮนให้มียองกับอุนจีฟังได้
“ฮวังคัมหน้าตาเป็นอย่างไรเจ้าคะ” คำถามที่คาดไม่ถึงนี้ออกมาจากปากของอุนจี
“เจ้าไม่เคยเห็นฮวังคัมรึ”
“ไม่เคยเจ้าค่ะ ได้ยินมาว่าสีเหลืองทอง รูปร่างหน้าตาเหมือนกับลูกพลับหรือไม่เจ้าคะ”
“มันคือส้มชนิดหนึ่งน่ะ”
แล้วมียองก็พูดแทรกขึ้น
“เมื่อก่อนพี่สาวเป็นซังกุงพระพี่เลี้ยง จึงได้กินฮวังคัมบ่อยๆ แต่ตอนนี้คงไม่ค่อยได้กินแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากกินฮวังคัมอีก ยังจำรสชาติหวานฉ่ำได้ขึ้นใจเลยเจ้าค่ะ”
มียองกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ฉันจึงรู้สึกอยากกินตาม แต่ที่นี่คือยุคโชซอน ส้มไม่ใช่ของที่จะหากินได้ง่ายๆ พรุ่งนี้ฮนจะกลับมาที่วัง และฮวังคัมก็จะถูกถวายแก่เขาที่เป็นรัชทายาท ถ้ามีโอกาสฉันจะลองขอฮวังคัมจากเขาดู
วันรุ่งขึ้นฮนก็กลับมาถึง
ฮนจะเข้าวังเฉพาะเวลามีพิธีสำคัญ ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมาเขากลับมาแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น ดังนั้นการมาของเขาจึงเป็นที่สนใจไปทั่ววัง เช่นตอนนี้องค์ชายรัชทายาทเข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่ องค์ชายรัชทายาทกำลังเสวยอยู่ องค์ชายรัชทายาทกำลังประทับอยู่ที่พระตำหนัก เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าฉันได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้จากนางในที่เข้ามาหลบหนาวในทเวซอนคัน
หลังจากพิธีฮวังคัมเจที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้เสร็จสิ้นลง เขาก็ต้องกลับทันที และวันที่เขาสัญญากับฉันว่าจะกลับมานั้นคือวันขึ้นปีใหม่ ฉันจึงไม่คาดหวังที่จะได้เจอกับเขาในครั้งนี้ ทว่าลึกๆ ก็แอบหวังที่จะได้เจอเขาบ้าง
คืนนั้นหิมะตกหนักมาก ฉันมองหิมะสีขาวแล้วก็ได้แต่คิดว่าบางทีฮนอาจจะมาหาฉันเหมือนวันที่พวกเราพบกันอีกครั้งก็ได้ แต่แล้วการปรากฏตัวของมียองก็ทำลายความหวังนั้นของฉัน
“หิมะตกเยอะเลยนะเจ้าคะ”
คืนนี้ฉันไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิดที่มียองมา เพราะฉันรอการปรากฏตัวของฮน ฉันจึงได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าองค์ชายรัชทายาทผู้สูงส่งคงจะไม่เดินฝ่าหิมะมาหานางในหรอก
“ที่นี่อุ่นจริงๆ เจ้าค่ะ อุนจีคงมาจุดไฟเอาไว้ให้ก่อนกลับใช่หรือไม่เจ้าคะ ว่าแต่อุนจีจะหยุดถึงเมื่อไหร่เจ้าคะ”
“พรุ่งนี้น่ะ มะรืนถึงจะมา”
“ได้ยินมาว่าลูกชายคนโตเป็นหวัดใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“น่าจะอย่างนั้นนะ”
มียองถูมือทั้งสองข้างแล้วสอดเอาไว้ใต้ผ้าห่ม “พี่สาวเองก็ระวังเป็นหวัดนะเจ้าคะ ได้ยินมาว่ามีคนตายเพราะเป็นหวัดด้วยเจ้าค่ะ”
ฉันนึกได้ว่ามียองแวะไปแถวตำหนักของฮนแทบทุกวันในช่วงที่ฮนอยู่ที่วัง ฉันจึงคิดว่ามียองอาจจะแวะไปแอบดูเขามาแล้ว
“วันนี้เจ้าแวะไปตำหนักองค์ชายรัชทายาทมาหรือเปล่า”
ทันใดนั้นแก้มทั้งสองข้างของมียองก็แดงก่ำ
“เจ้าค่ะ”
“ได้เห็นไหม”
“ไม่เจ้าค่ะ” มียองส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “ไฟก็ดับหมดแล้วเจ้าค่ะ อีกทั้งยังมีพวกนางในเฝ้าอยู่หน้าประตูด้วย บางทีอาจจะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง จึงบรรทมเร็วก็ได้นะเจ้าคะ”