Jamsai
ทดลองอ่าน พานพบฝ่าบาทในห้วงกาล บทที่ 7
ปีใหม่ที่สดใสของปี 1602
จนถึงตอนนี้พระเจ้าซอนโจก็ยังไม่หายจากไข้หวัด แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้นพระตำหนักของพระองค์ก็ไม่เคยขาดเสียงหัวเราะ ตอนแรกฉันคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากจงผู้น่ารักน่าเอ็นดู เพราะพระเจ้าซอนโจโปรดปรานจงมากถึงขนาดรับสั่งว่าจะอบรมสั่งสอนจงด้วยตัวเองนับจากปีนี้เป็นต้นไป แต่พวกนางในกลับวิเคราะห์ว่าสาเหตุที่พระองค์มีแต่เสียงหัวเราะนั่นเป็นเพราะหลังจากการไว้ทุกข์ให้พระนางอึยอินจบลงในฤดูใบไม้ผลิ พระองค์ก็จะได้เข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับพระมเหสีองค์ใหม่ที่มีอายุเพียงสิบเก้าปี
แต่เรื่องนี้กลับมีความหมายแตกต่างออกไปสำหรับฉันที่เคยอ่านเรื่องพระราชพิธีอภิเษกสมรสของพระเจ้าซอนโจกับพระมเหสีอินมกจากหนังสือประวัติศาสตร์ ฉันรู้สึกสงสารที่เด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันต้องแต่งงานกับผู้ชายอายุเกินห้าสิบ และยิ่งไปกว่านั้นคลื่นน้อยใหญ่มากมายในวังกำลังรอถาโถมใส่นางอยู่ในอนาคต
ตามประวัติศาสตร์ที่ฉันได้อ่านมายังบอกว่าอีกสิบสองปีข้างหน้าฮนจะขับไล่พระมเหสีอินมกออกจากวังและฆ่าน้องชายต่างมารดา ซึ่งฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนที่จิตใจดีอย่างฮนจะทำเรื่องโหดร้ายอย่างนั้นได้อย่างไร
เวลาสิบสองปีเป็นเวลาอีกยาวไกล วันเวลาเหล่านั้นจะหล่อหลอมให้ฮนเปลี่ยนเป็นพระราชาผู้โหดร้าย ไร้ความปรานีและน่ากลัวเหมือนที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์หรือเปล่า แล้วฉันในตอนนั้นจะต่างจากตอนนี้มากสักแค่ไหน และฉันยังสามารถเรียกชื่อของเขาได้สบายๆ เหมือนตอนนี้หรือไม่กันนะ
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความปรารถนาหนึ่งเดียวของฉันคือการได้พบพ่อ แม้จะไม่สามารถออกไปจากยุคนี้ได้เหมือนอย่างที่อาบอกไว้ แต่พ่ออาจจะมาหาฉันบ่อยๆ และพ่ออาจพาฉันกลับไปด้วยก็ได้ ฉันก็ไม่อยากจะทิ้งชีวิตเอาไว้ที่ทเวซอนคันแห่งตำหนักพระสนมอินบิน
วันปีใหม่ ฮนเดินทางมาจากคอนวอนรึงเพื่อเข้าเฝ้าและถวายความเคารพพระเจ้าซอนโจผู้เป็นพระราชบิดาเนื่องในวันขึ้นปีใหม่และเพื่อร่วมพิธีมังควอล-รเยด้วย ซึ่งเขามีกำหนดการพักที่พระราชวังเป็นเวลาสี่วัน
ฉันเอาแต่คิดว่าตลอดสี่วันนี้ฉันจะได้เจอฮนเมื่อไหร่บ้าง แต่ตารางของฮนผู้เป็นองค์ชายรัชทายาทก็แน่นจนแทบไม่มีเวลาว่างเลย มีอยู่ทางเดียวที่เราจะสามารถพบกันได้ก็คือการที่เขาจะแอบมาหาฉันตอนกลางคืนเหมือนครั้งก่อน
พอคิดอย่างนั้น ฉันก็เกิดความลำบากใจ ถ้าเขามาหาฉันที่นี่เหมือนคราวก่อน ฉันควรจะให้เขาเข้ามาข้างในหรือไม่ ตอนที่นั่งเล่นกับมียองและอุนจี ฉันไม่เคยใส่ใจเลยว่าที่พักของฉันจะแคบหรือกว้าง แต่พอนั่งอยู่กับเขา ฉันกลับรู้สึกว่าที่พักแคบลงไปถนัดตา และรู้สึกขัดเขินมากที่ต้องอยู่กับเขาเพียงลำพังสองคน ถ้าเขาจู่โจมอย่างกะทันหันเหมือนครั้งก่อน ฉันจะต้องรับมืออย่างไร
วันแรกของการกลับมาที่พระราชวัง ฮนมาถึงดึกมาก ฉันพยายามจะไม่ใส่ใจ แต่ก็ยังไม่ยอมดับเทียนในห้อง ทั้งที่เพียงแค่ครอบฝาครอบแสงเทียนก็จะดับลงทันที แต่ฉันกลับนอนมองแสงเทียนราวกับคาดหวังอะไรบางอย่างอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ยิ่งดึก ภายในพระราชวังก็ยิ่งเงียบสงัด ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงสายลมเย็นๆ ของฤดูหนาว สุดท้ายฉันก็ต้องครอบฝาครอบเพื่อดับเทียน ทันทีแสงไฟดับลง เงาของคนก็สะท้อนมาจากภายนอก ฉันรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูเพราะคิดว่าเจ้าของเงานั้นคือฮน
“ฮน!”
แต่คนที่กำลังยืนทำหน้าหมองหม่นกลับไม่ใช่ฮน
“องค์ชายจองวอน?”
เมื่อครู่เขาจะได้ยินที่ฉันตะโกนเรียกชื่อฮนหรือเปล่า เขายิ่งเข้าใจผิดคิดว่าฉันมีใจให้ฮน ทั้งที่ฉันปฏิเสธไปว่าจะไม่เป็นสตรีของฮน แต่ฉันกลับตะโกนเรียกชื่อฮนอย่างดีใจ
“เจ้ารอองค์ชายรัชทายาทอยู่รึ” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่เพคะ”
“ข้าเพิ่งมาได้ไม่นาน” เขาตอบคำถามห้วนๆ พร้อมเบนหน้าไปทางอื่น
“แล้วมาที่นี่ด้วยเหตุใด…”
ยังไม่ทันที่ฉันจะถามจบ องค์ชายจองวอนก็วางห่อผ้าลงบนพื้นไม้กระดาน มันเป็นถุงผ้าที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกับถุงผ้าใส่ฮวังคัมที่ขันทีนำมาให้เมื่อคราวก่อน
“นี่คืออะไรหรือเพคะ”
“ฮวังคัม”
ฉันเปิดห่อผ้าออก ข้างในเต็มไปด้วยฮวังคัมสีเหลืองทองนับไม่ถ้วน
“ฝ่าบาทพระราชทานให้หรือเพคะ”
“ใช่” เขายังตอบห้วนๆ เหมือนเดิมราวกับยังคงไม่พอใจอยู่
“แล้วเหตุใดจึงนำมาประทานให้หม่อมฉันล่ะเพคะ”
“จงไม่กินฮวังคัมอีกต่อไปแล้ว”
“จงชอบฮวังคัมมากเลยนะเพคะ”
“ทุกครั้งที่เห็นฮวังคัม จงก็จะพูดถึงเจ้า ข้าจึงไม่ให้ฮวังคัมกับจงอีก”
ดูเหมือนว่าจงจะยังไม่ลืมฉัน ฉันคิดถึงจงจริงๆ
“ก็เลยเอาฮวังคัมนี่มาให้หม่อมฉันหรือเพคะ”
“เจ้าชอบฮวังคัมไม่ใช่รึ ข้าจึงเอามาให้เจ้า”
สมัยที่ฉันอยู่กับจง องค์ชายจองวอนมักเอาฮวังคัมมาให้จงบ่อยๆ แล้วฉันกับจงก็จะแบ่งกันกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งเขาจะมองเราสองคนแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ
“หม่อมฉันชอบเพคะ แต่ถึงอย่างนั้นหม่อมฉันก็คงไม่สามารถรับฮวังคัมล้ำค่าพวกนี้ได้”
“ก็คิดเสียว่าจงมอบให้เจ้าสิ จงเองคงต้องการเช่นนั้น”
องค์ชายจองวอนหันหลังกลับเพื่อจบการสนทนา แต่แล้วเขาก็หยุดชะงักราวกับเห็นอะไรบางอย่าง พอฉันหันไปมองตามสายตาของเขาก็เห็นขันทีของฮนยืนอยู่ ฉันไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สีหน้าของเขาดูตกใจเมื่อได้เห็นองค์ชายจองวอนที่นี่ พอเขาเดินเข้ามาทำความเคารพ องค์ชายจองวอนก็พยักหน้าอย่างขอไปที
“ขันทีชเวแห่งตำหนักองค์ชายรัชทายาท” องค์ชายจองวอนพูดเพียงแค่นั้นแล้วเดินจากไป
ขันทีชเวจึงเดินมาหาฉัน “เจ้ายังไม่นอนอีกรึ”
“ท่านมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ”
“องค์ชายรัชทายาท…” ขันทีชเวหันไปมองรอบๆ ก่อนจะพูดต่อ “พระองค์เรียกหาเจ้า”
“ข้ารึเจ้าคะ”
“ใช่ พระองค์รับสั่งว่าหากเจ้าหลับแล้วก็ไม่ต้องปลุก แต่เจ้าจะให้ข้าไปกราบทูลพระองค์ว่าเจ้าหลับแล้วก็ได้นะ”
“ที่ใดหรือเจ้าคะ” ฉันรีบตอบออกไปทันทีโดยไม่ต้องคิด ราวกับกลัวขันทีชเวจะเปลี่ยนใจ