เซียวเซียวดีใจอย่างมากและตั้งใจจะเลี้ยงฉลองกับจั่นหลิงจวินมื้อใหญ่
“เพิ่งจะลดเหลือสามเม็ดเท่านั้นเอง…” พอจั่นหลิงจวินเห็นอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะก็ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย
“ลดเหลือสามเม็ดได้ สองเม็ดก็ไม่ไกลแล้ว ไม่ต้องกินยาก็คงไม่ไกลแล้วมั้ง” เซียวเซียวประคองใบหน้าใหญ่ๆ ของตัวเอง “หน้าของฉันใกล้จะกลับเป็นปกติแล้ว”
จั่นหลิงจวินยังใจดีไม่ทำลายความหวังของเธอ ทำเพียงแค่ยื่นมือไปยกจานหมูสับผัดซอสออกแล้วเปลี่ยนเป็นหัวไช้เท้านึ่งแทน
“วันนี้เสียเลือดไปตั้งเยอะ จะไม่ให้ฉันบำรุงสักหน่อยเหรอ” เซียวเซียวเบะปากอย่างไม่พอใจ เคี้ยวหัวไช้เท้าเหมือนถูกรังแก
“ถ้าอยากบำรุงถึงหน้าก็กินเข้าไปแล้วกัน” จั่นหลิงจวินหยิบจานนกพิราบย่างและอื่นๆ ออกไป เหลือให้เธอกินแค่ผักและเต้าหู้เท่านั้น
เซียวเซียวมองอาหารเกินครึ่งที่ถูกจั่นหลิงจวินหยิบออกไปพลางคิดอย่างสุขปนเศร้าว่าถ้าตัวเองแต่งงานกับเขาจะต้องกินไม่อิ่มทุกวันหรือเปล่า ช่างเป็นภรรยาตัวน้อยๆ ที่ถูกสามีทรมาน แต่ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเขาคนนี้ไม่ใช่สามีของเธอ แม้แต่โอกาสที่จะถูกทรมานหลังแต่งงานก็ยังไม่มี ไม่มีจริงๆ
จั่นหลิงจวินมองใบหน้าเซียวเซียวที่แดงสลับเขียว บางครั้งก็ทำท่าจะร้องไห้สลับกับทำท่าจะหัวเราะ นึกรันทดว่าศิลปินช่างมีจินตนาการล้นเหลือ ก่อนจะฉีกน่องนกพิราบส่งให้เธอ “กินของที่ไม่มีไขมันสักหน่อยก็ยังพอได้อยู่”
เซียวเซียวตาเป็นประกาย สลัดความคิดฉากที่ถูกทรมานโยนทิ้งไป รีบรับน่องนกพิราบมากัดกินทันที และความอร่อยก็ทำให้เธอคิดถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
“ใช่แล้ว กติกาการแข่งขันการออกแบบรอบถัดไปออกมาแล้วนะ”
เซียวเซียวพูดถึงเรื่องที่ต้องอัดคลิปวิดีโอนำเสนอผลงานอีกครั้ง พร้อมกับยอมรับถ้าจั่นหลิงจวินไม่ต้องการให้พนักงานเปิดเผยใบหน้า เธอจะคุยกับคณะกรรมการว่าจะใช้โมเสกมาปิดบังใบหน้าไว้
“ถึงแม้ว่ารอบคัดเลือกจะไม่ได้ออกทีวี แต่ถ้าฉันเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ คลิปวิดีโอนี้ก็จะต้องฉายทางทีวี” เซียวเซียวพูดอย่างไม่ต้องการปิดบัง โดยส่วนตัวแล้วเธอต้องอยากให้ใช้ภาพเดิมแน่นอน เพราะการออกแบบของเธอเป็นการออกแบบเฉพาะบุคคล มันไม่เพียงแต่เกี่ยวกับรูปร่าง แต่ยังเกี่ยวกับรูปหน้าและลำคออีกด้วย การปิดบังใบหน้าย่อมมีผลต่อผลงานที่ออกแบบไว้อย่างแน่นอน
“โอกาสโฆษณาดีๆ แบบนี้ทำไมถึงจะไม่ทำล่ะ” จั่นหลิงจวินเคี้ยวเนื้อนกพิราบจนหมดเรียบร้อย เหลือทิ้งไว้เป็นโครงกระดูกทั้งโครง แล้ววางเหมือนกับตอนที่มาเสิร์ฟ
“เอ๋?” เซียวเซียวไม่คิดว่าจั่นหลิงจวินจะคิดอย่างนี้ เธอคิดเอาเองมาตลอดว่าเขาไม่อยากจะทำให้เอิกเกริก
“แต่ว่าอย่าพูดถึงชื่อซังอวี๋ล่ะ” จั่นหลิงจวินพูดอย่างจริงจัง
อย่างไรเสียสโมสรซังอวี๋ก็จัดเป็นสโมสรส่วนตัวชั้นสูง การออกทีวีแม้จะช่วยโฆษณา แต่คนรู้จักมากเกินไปก็ไม่ไหว ซังอวี๋ต้องทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าเมื่อโทรมานัดรับบริการที่ซังอวี๋ คนรอบข้างจะไม่รู้ว่าพวกเขาไปฟิตเนสหรือไปศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ