X
    Categories: JamsaiPerfect Guy ผู้ชายคนนี้ฉันดีไซน์เองทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน Perfect Guy ผู้ชายคนนี้ฉันดีไซน์เอง บทที่ 13 – บทที่ 14

หน้าที่แล้ว1 of 21

บทที่ 13

วันรุ่งขึ้นเซียวเซียวรีบไปทำงานแต่เช้า เมื่ออยู่จนครบแปดชั่วโมงก็ไปที่ร้านทำเล็บ แล้วไปหาช่างทำผมชายใจสาวคนนั้นเพื่อไดร์ผม และเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ

 

การแข่งขันรอบรองชนะเลิศเป็นการแข่งขันที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ซึ่งถ่ายทอดจากห้องส่งของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ดีไซเนอร์ที่เข้ารอบทั้งหมดยี่สิบคนไม่อาจให้ขึ้นเวทีรอบเดียวกันได้ทั้งหมด จึงแบ่งออกเป็นสองกลุ่มโดยแบ่งเป็นเลขคู่และเลขคี่ กลุ่มละสิบคน หนึ่งกลุ่มต่อหนึ่งรอบ

ลำดับของเซียวเซียวเป็นเลขคี่จึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่หนึ่งโดยจะแข่งขันเป็นกลุ่มแรก ซึ่งเธออยู่กลุ่มเดียวกับเหยาซิงโจว

การแข่งขันเป็นการถ่ายทอดสด จัดในวันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงเวลาไพรม์ไทม์ หกโมงเริ่มเตรียมงาน สองทุ่มตรงก็เริ่มเข้ารายการอย่างเป็นทางการ

เซียวเซียวกินข้าวเย็นมาล่วงหน้าแล้ว ขณะที่อยู่ในโซนพักผ่อนก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาเล่นฆ่าเวลา

“คุณทำงานที่แอลวายใช่ไหม” เหยาซิงโจวดีไซเนอร์ที่ได้อันดับหนึ่งของรอบคัดเลือกเดินเข้ามาคุยกับเซียวเซียวพร้อมกับยื่นนามบัตรของบริษัทพอลล่าให้เธอ

เซียวเซียวรับมาดูแล้วเก็บลงในกระเป๋า ก่อนจะทักทายเหยาซิงโจวอย่างมีมารยาทครู่หนึ่ง

 

หยางเจี้ยนเพื่อนสมัยเรียนซึ่งทำงานอยู่ที่บริษัทพอลล่าเช่นกันก็เดินเข้ามา แต่ไม่กล้าจะเดินมาเทียบเคียงกับเหยาซิงโจว เพียงยืนอยู่ที่มุมหนึ่งแล้วมองหาฉินย่าหนานเพื่อพูดคุยด้วย

เพื่อความยุติธรรม การแข่งขันทั้งสองกลุ่มจะดำเนินการต่อกัน คนที่แข่งขันกลุ่มที่สองก็อยู่ที่นี่ด้วยกัน

โจวเชี่ยนมาเป็นเพื่อนฉินย่าหนาน เธอผลักฉินย่าหนานเบาๆ “พวกเราไปทักทายเหยาซิงโจวกัน”

“พวกเธออย่าไปเลย เขาจะคุยกับคนที่ติดหนึ่งในสามเท่านั้น” หยางเจี้ยนรีบห้ามเอาไว้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ‘ความสามารถอย่างพวกเธอคนอย่างเขาไม่สนใจจะคุยด้วย’

ฉินย่าหนานเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเหมยซินดีไซเนอร์ที่ได้อันดับสองยืนอยู่ตรงนั้นเช่นกัน ทั้งสามคนคุยกันอย่างสนุกสนานจนคนอื่นไม่อาจแทรกเข้าไปได้ เธอรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ทำไมเซียวเซียวถึงคุยกับเขาได้แล้วเธอคุยไม่ได้ คิดจะตัดพ้อกับโจวเชี่ยน โจวเชี่ยนก็รับโทรศัพท์พอดี

“อืม นายเดินเข้ามาทางประตูห้า ใช่ มาแล้ว นายเดินเข้ามาก็จะเห็นเอง”

“ใครจะมาเหรอ”

“อีกสักพักแกก็จะรู้เอง”

“สวัสดิการของพอลล่าเป็นที่หนึ่งในระดับสากล ถ้าพวกคุณทั้งสองสนใจ พอลล่ายินดีต้อนรับตลอดเวลา” เหยาซิงโจวยื่นนามบัตรให้กับเหมยซินเช่นกัน

เซียวเซียวได้แต่ยิ้มแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เธอหันไปมองเหมยซิน อีกฝ่ายก็ยิ้มด้วยความขอบคุณที่เหยาซิงโจวเชื้อเชิญ พร้อมกับแสดงออกว่าจะคิดทบทวนดูอีกที จนกระทั่งเหยาซิงโจวจากไปจึงได้ยิ้มเยาะ

เหมยซินเป็นดีไซเนอร์อิสระ ก่อนหน้านี้ทำงานอยู่ที่บริษัทออกแบบอิโนอุเอะของญี่ปุ่น เมื่อกลับประเทศมาก็เปิดสตูดิโอของตัวเอง มีแบรนด์ของตัวเองในชื่อ ‘ชื่อซา’ ปัจจุบันก็เป็นที่รู้จักอยู่เหมือนกัน หลักๆ ก็คือออกแบบเสื้อผ้าแนววินเทจแบบจีน เซียวเซียวเองก็สนใจเสื้อผ้าแนววินเทจเช่นกันจึงคุยกับเหมยซินต่ออีกหลายประโยค

“เซียวเซียว”

ยามนั้นเองเสียงของหานตงอวี่ก็ดังลอยมาจากทางด้านหลัง เซียวเซียวตกใจหันกลับไปมองก็เห็นหานตงอวี่ที่สวมกางเกงยีนรองเท้าผ้าใบกำลังเบียดเสียดคนเข้ามา

“นายมาได้ยังไง” เซียวเซียวขมวดคิ้วอย่างสงสัย ใกล้จะถึงเวลาถ่ายทอดสดเธอก็ตื่นเต้นมากพออยู่แล้ว ไม่ต้องการจะให้เกิดความผิดพลาดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ผู้ชายคนนี้มาหาเธอในตอนนี้นี่มาสร้างความวุ่นวายชัดๆ

“ฉันโทรหาเชี่ยนเชี่ยน เขาบอกฉันว่าเธออยู่ที่นี่” หานตงอวี่ขายโจวเชี่ยนอย่างไม่รู้สึกผิดอะไร

เซียวเซียวหันไปมองโจวเชี่ยนที่อยู่ไม่ไกล โจวเชี่ยนหดหัวไปด้านหลัง รู้ทันทีว่าถูกหานตงอวี่ขายเสียแล้วจึงได้แต่แอบด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ

“นายมาหาฉันทำไม” เซียวเซียวพยักหน้าให้กับเหมยซินอย่างขอโทษ ก่อนจะพูดกับหานตงอวี่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี

“ฉันจะมาขอคืนดีกับเธอ ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จักดูแลตัวเองแบบเธอ แล้วก็ไม่ได้ดีกับฉันเหมือนเธอ” หานตงอวี่พูดอย่างอัดอั้นตันใจ “เชี่ยนเชี่ยนบอกฉันว่าเธอไม่ได้มีแฟนใหม่ แล้วเธอก็ป่วยจริงๆ” เขาพูดแล้วยื่นมือมาจะเกลี่ยผมตรงแก้มของเซียวเซียวเพื่อดูหน้าใหญ่ๆ ที่โจวเชี่ยนพูดถึง

“นายจะทำอะไร” เซียวเซียวเห็นเขายื่นมือออกมาก็ตบไปที่หลังมือของเขาดังเพียะ ในโซนพักผ่อนก็มีกล้องวิดีโอจับภาพอยู่ มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะปกปิดใบหน้านี้ได้ แต่คนคนนี้กลับจะมาเปิดใบหน้าของเธอต่อหน้าผู้คนมากมาย

เซียวเซียวผลักเขาแล้วจะเดินออกไปแต่กลับโดนเขาดึงมือไว้

“ให้ฉันดูหน่อย” หานตงอวี่พูดอย่างไม่เกรงกลัวอะไรแล้วยังยื่นมือออกมาอีก

“อ๊าย…” เซียวเซียวโมโหแทบจะบ้าจนต้องกรีดร้องออกมาอย่างระงับไว้ไม่อยู่

ตึกๆๆๆ ผัวะ! เสียงก้าวเท้าอย่างเร่งร้อนตามด้วยเสียงหมัดกระทบกับเนื้อดังขึ้น เซียวเซียวที่ยังตกใจอยู่หันกลับมามองก็เห็นจั่นหลิงจวิน จากนั้นก็มองหานตงอวี่ที่ถูกจั่นหลิงจวินชกลงไปกองอยู่ที่พื้น เธอรู้สึกตั้งตัวไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ครูที่โรงเรียนอนุบาลไม่ได้สอนนายหรือว่าจะมายื้อยุดฉุดกระชากแฟนคนอื่นไม่ได้” จั่นหลิงจวินก้มหน้าลงมองหานตงอวี่ที่ล้มลงอยู่กับพื้นพลางเอ่ยออกมาเสียงดัง

หานตงอวี่ถูกต่อย ปฏิกิริยาแรกคือลุกขึ้นมาแล้วจะตอบโต้กลับไป แต่เมื่อได้ยินที่จั่นหลิงจวินพูดก็รู้สึกงุนงงไปชั่วขณะ เขาหันไปถามเซียวเซียวที่ยืนอยู่ข้างๆ จั่นหลิงจวินอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เขาเป็นแฟนของเธอจริงๆ เหรอ”

ที่เขาตัดสินใจมาที่ปักกิ่งก็เพราะได้คุยกับโจวเชี่ยนทางวีแชตโดยบังเอิญ จึงรู้ว่าเซียวเซียวป่วยจริงๆ และเพราะกินยาจึงทำให้หน้าเธอบวมเป็นหัวหมู เมื่อคิดถึงครั้งสุดท้ายที่พบกัน เซียวเซียวสวมผ้าปิดปากไว้ตลอดเวลา เขาก็ชักสงสัยเรื่องแฟนหนุ่มของเซียวเซียวว่าจริงหรือไม่

เพราะเรื่องป่วยและหน้าตาอัปลักษณ์แต่ก็ยังหาแฟนได้ดีกว่าเขามันดูไม่ค่อยจะปกติ ยิ่งเขาเพิ่มเพื่อนในวีแชตของเซียวเซียวเพื่อสืบดูก็ไม่เห็นเซียวเซียวโพสต์รูปแฟนหนุ่มลงเลย จึงทำให้เขามั่นใจมากขึ้นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหก

เซียวเซียวโมโหจนหน้าแดงก่ำ เดิมคิดว่าหานตงอวี่เป็นคนไม่ยอมเสียหน้า เมื่อเลิกกันไปแล้วก็คงไม่คิดจะกลับมาหาเธออีกแน่นอน ไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ เธอยื่นมือเข้าไปคล้องแขนจั่นหลิงจวิน “ใช่แล้ว คราวที่แล้วนายก็เคยเจอเขาแล้วนี่”

หานตงอวี่แววตาเหมือนถูกรังแก “เป็นไปไม่ได้ เชี่ยนเชี่ยนบอกฉันว่าเธอไม่มีแฟน ให้ฉันกลับมาหาเธอ ยังไงเธอก็ต้องกลับมาคบกับฉัน…”

“หานตงอวี่ นายยังกล้าพูด ใครคิดจะคืนดีกับนาย หา!” เหลียงจิ้งเหยาที่เห็นเหตุการณ์อยู่ไกลๆ รีบพา รปภ. ของสถานีโทรทัศน์เข้ามาด้วย “ตอนเซียวเซียวนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลนายหายไปไหนมา ฉันเป็นคนแบกเซียวเซียวไปส่งโรงพยาบาล นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลครึ่งค่อนเดือนก็ไม่เห็นนายแม้แต่เงา เพื่อนๆ ก็เห็นว่านายเอาแต่เล่นเกมมือถือ ตอนนี้จะมาทำเป็นรักลึกซึ้ง ช่างน่าสะอิดสะเอียน”

คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็เปิดเผยตัวตนของหานตงอวี่จนหมดสิ้น ใบหน้าหานตงอวี่ค่อยๆ แดงขึ้นแต่เขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“คุณครับ ขอเชิญคุณออกไปจากที่นี่ด้วยครับ” รปภ. เดินเข้ามาพาตัวเขาออกไป

หานตงอวี่กำหมัดแน่นแล้วมองจั่นหลิงจวินที่ทั้งสูงใหญ่และหล่อเหลากำลังยืนปกป้องเซียวเซียว ก่อนที่เขาจะยกหลังมือขึ้นปาดตาแดงๆ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

เซียวเซียวถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันไปขอบคุณจั่นหลิงจวินที่เข้ามาช่วยแก้ไขสถานการณ์ไว้ได้ทัน

ส่วนเหลียงจิ้งเหยาเดินไปทางโจวเชี่ยนอย่างโมโห แม้ว่าเหลียงจิ้งเหยาจะเตี้ยกว่าโจวเชี่ยนถึงหนึ่งช่วงศีรษะ แต่โจวเชี่ยนก็ยังคงก้าวถอยหลังออกไป

“โจวเชี่ยน เธอไปพูดอะไรกับหานตงอวี่” เหลียงจิ้งเหยาถลึงตามองโจวเชี่ยนอย่างเอาเรื่องพลางยืนแยกขาออกจากกัน มือสองข้างทิ้งตัวอยู่ด้านข้าง และย่อตัวลงเล็กน้อย ทำท่าพร้อมจะจัดการโจวเชี่ยน หากได้คำตอบที่ไม่ถูกใจเธอ ฝ่ามือของเธอพร้อมจะยื่นออกไปแน่นอน

“ฉันไม่ได้พูดกับเขาเลยนะ” โจวเชี่ยนรีบปฏิเสธ “ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมีวีแชตของฉัน แล้วก็คุยกันแค่สองสามประโยค…”

เพียะ! ฝ่ามือของเหลียงจิ้งเหยาสะบัดออกไป “อย่ามาโกหก! คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอเป็นคนยังไง”

“เหยาเหยา!” เซียวเซียวเห็นโจวเชี่ยนจะโต้กลับจึงรีบเข้าไปรั้งไว้ แน่นอนว่ารั้งโจวเชี่ยนเอาไว้ “อย่าทะเลาะกัน อย่าทะเลาะกันนะ”

สุดท้ายเหลียงจิ้งเหยากับโจวเชี่ยนก็ถูกเชิญตัวออกไปข้างนอก

เรื่องหานตงอวี่ทำให้เซียวเซียวตกใจจนเหงื่อซึมออกมา เครื่องสำอางจึงเลือนไปบ้าง จำเป็นต้องเดินเข้าไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเติมเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ทางทีมงานมาแจ้งให้เธอเตรียมพร้อมขึ้นเวที

เซียวเซียวถูกเรียกให้ไปยืนที่ห้องส่งทั้งๆ ที่จิตใจยังไม่อาจสงบนิ่งลงได้ ก่อนที่ดีไซเนอร์จะขึ้นเวทีพิธีกรก็ได้แนะนำกรรมการจนเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางเสียงดนตรีที่สนุกสนาน ดีไซเนอร์ทั้งสิบคนของกลุ่มที่หนึ่งก็ยืนอยู่บนเวทีโดยมีพิธีกรเป็นผู้แนะนำ จากนั้นก็ประกาศกติกาการแข่งขัน

“ในครั้งก่อนๆ หัวข้อในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศจะถูกประกาศออกมาก่อน แต่ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงกติกาการแข่งขัน จะให้ผู้เข้าแข่งขันแสดงความสามารถสดๆ กันบนเวทีเลยนะครับ ตรงนี้มีกล่องหมายเลขหนึ่งถึงสิบ ทุกกล่องจะมีเสื้อผ้าเก่าอยู่หนึ่งชุด ด้านหลังของผู้เข้าแข่งขันทุกท่านจะมีเครื่องประดับและผ้าชนิดต่างๆ ซึ่งจะให้ทำอะไรนั้นคิดว่าทุกคนคงเดาได้แล้วใช่ไหมครับ” พิธีกรเป็นคนของสถานี ไม่ใช่พิธีกรวาไรตี้โชว์ วิธีการพูดจึงค่อนข้างเป็นแบบแผน

“แปลงเสื้อเก่า” ไมโครโฟนยื่นไปที่เหยาซิงโจว เขายิ้มเรียบๆ พลางตอบออกมาอย่างไม่รีบร้อนและไม่ช้าจนเกินไป

ครั้งนี้บริษัทพอลล่าลงทุนสนับสนุน ทางทีมงานจึงหาโอกาสให้ดีไซเนอร์ของบริษัทพอลล่าออกหน้ากล้องมากหน่อย

“ถูกต้องแล้วครับ นั่นก็คือการแปลงเสื้อเก่า” พิธีกรรับลูกต่อทันทีแล้วพูดต่อไปว่า “ในวงการแฟชั่นจะมีเสื้อผ้าใหม่ออกมาทุกซีซั่น เสื้อผ้าเมื่อปีที่แล้วเมื่อถึงปีนี้ก็ล้าสมัย เป็นการสิ้นเปลืองมากเลย แล้วจะดีแค่ไหนถ้าได้สุดยอดดีไซเนอร์จากทั่วประเทศมาแสดงให้ดูว่าจะนำเสื้อผ้าเก่าที่ล้าสมัยไปแล้วมาเปลี่ยนแปลงให้เป็นเสื้อผ้าใหม่ที่ทันสมัยได้อย่างไร”

หลังขึ้นเวทีตามลำดับผู้เข้าแข่งขันจะต้องเลือกกล่องแบบสุ่ม เมื่อเปิดกล่องแล้วมีเวลาห้าสิบนาทีในการเปลี่ยนแปลงเสื้อผ้าให้เสร็จสิ้น

และเพื่อเป็นการทำให้รายการน่าดูยิ่งขึ้น คณะกรรมการจึงจัดให้คนที่มีความสามารถค่อนข้างดีไว้หัวและท้าย ดังนั้นเซียวเซียวจึงเป็นคนแรกที่ขึ้นเวทีและเหยาซิงโจวก็เป็นคนสุดท้าย

ขึ้นเวทีคนแรกถือเป็นลำดับที่ไม่ดีเอามากๆ เพราะลำดับที่หนึ่งทำออกมาไม่มีอะไรเปรียบเทียบ กรรมการจะให้คะแนนตามความรู้สึกเท่านั้นซึ่งเสียเปรียบมาก ยิ่งไปกว่านั้นเซียวเซียวยังไม่อาจพาตัวเองหลุดออกมาจากสถานการณ์วุ่นวายเมื่อครู่ เธอเดินขึ้นเวทีไปอย่างมึนงง

หน้าจอใหญ่เริ่มฉายวีทีอาร์ของเซียวเซียว

‘ดิฉันชื่อเซียวเซียวจากบริษัทแฟชั่นเฮ้าส์แอลวายค่ะ ปัจจุบันอายุยี่สิบสี่…’ ด้วยคาดว่าดีไซเนอร์ไม่ค่อยจะถนัดในการพูดเท่าไร การแนะนําตัวเองจึงใช้การเปิดวีทีอาร์แทน ซึ่งได้ไปบันทึกเทปที่บริษัทต้นสังกัดของดีไซเนอร์ไว้ล่วงหน้า เซียวเซียวใช้ห้องจัดแสดงที่ชั้นหนึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำ ถือโอกาสนำเสนอเสื้อผ้าของบริษัทแอลวายไปในตัวด้วย

หลังจากคลิปการแนะนำตัวก็เป็นคลิปวิดีโอในรอบคัดเลือกที่ทำการตัดต่อใหม่ แต่ไม่ได้ปล่อยเสียงออกมาด้วย เพียงแค่แสดงให้เห็นผลงานของดีไซเนอร์ ในตอนนี้เองไฟบนเวทีก็ดับลง เซียวเซียวยังเห็นคนของซังอวี๋ที่นั่งอยู่ด้านล่างเวที นอกจากเลี่ยวอี้ฟานกับเถียนเถียนแล้ว นักบำบัดที่เหลือ พยาบาล และพนักงานบริการอีกหลายคนก็มาชมการแข่งขันด้วย หลี่เหมิงชูป้ายไฟอย่างตื่นเต้นยินดีเกินเหตุ ซึ่งป้ายไฟนั้นมีชื่อเซียวเซียวสว่างอยู่

จั่นหลิงจวินที่นั่งอยู่ริมสุดของแถวหนึ่งกำลังหันมามองเธอ ทั้งสองคนสบตากัน อยู่ๆ หัวใจของเซียวเซียวก็เต้นระรัวขึ้น เดิมเวลานี้ก็น่าตื่นเต้นมากพออยู่แล้ว แต่เธอยังอดคิดถึงคำพูดของจั่นหลิงจวินเมื่อครู่ไม่ได้

‘ครูที่โรงเรียนอนุบาลไม่ได้สอนนายหรือว่าจะมายื้อยุดฉุดกระชากแฟนคนอื่นไม่ได้’

แฟนคนอื่น…แฟน…

ฉับพลันไฟบนเวทีก็สว่างขึ้น ทำเอามโนของเซียวเซียวกระจายหายไปหมด แสงที่สาดส่องขึ้นมาตัดขาดสายตาระหว่างเธอกับจั่นหลิงจวิน พิธีกรเดินเข้ามาให้เธอเลือกหมายเลข

“หมายเลขสามค่ะ” เซียวเซียวเลือกสุ่มๆ

พริตตี้สาวก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วเปิดกล่องออก

ขั้นตอนการเปิดกล่องค่อนข้างช้าเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ชม ในช่วงที่เปิดกล่องออกนั้นผู้ชมก็อดที่จะถอนใจออกมาไม่ได้

ในกล่องนั้นมีเสื้อเชิ้ตลายสก็อตที่เคยได้รับความนิยมเมื่อหลายปีก่อน ตัวเสื้อยาวปิดก้น จุดสำคัญก็คือที่ด้านหลังของเสื้อตัวนี้ยังมีตัวอักษรตัวใหญ่ๆ ปักด้วยด้ายหลากสีกระจายเต็มไปทั้งหลัง ให้ความรู้สึกถึงความเป็นชนบทออกมาอย่างชัดเจน

มุมปากเซียวเซียวกระตุกเบาๆ เสื้อแบบนี้จะทำการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ยากมาก การเปลี่ยนแปลงเสื้อเก่าไม่ใช่งานถนัดของเธอ เดิมทีจิตใจก็ไม่ค่อยสงบอยู่แล้ว เมื่อเห็นเสื้อตัวนี้ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เธอพยายามสูดหายใจเข้าลึกเพื่อทำจิตใจให้สงบ ก่อนจะหยิบเสื้อขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด ในกล่องยังมีกรรไกร ไม้บรรทัด เข็ม ด้าย และอุปกรณ์อื่นๆ เซียวเซียวยกกล่องขึ้นเพื่อตรวจดูอีกรอบ จนมั่นใจว่าสิ่งของเหล่านี้ไม่มีปัญหาอะไรจึงได้หอบกล่องนั้นเข้าไปที่ห้องหมายเลขหนึ่ง

ด้านหลังชั้นวางแอ็กเซสซอรี่เป็นห้องที่เรียงต่อกันใช้สำหรับทำงานซึ่งมีผนังกั้นสามด้าน ด้านที่หันหน้าเข้าหาผู้ชมนั้นเปิดออก ทำให้ผู้ชมสามารถเห็นขณะพวกเขากำลังทำงาน

เซียวเซียวนำเสื้อและอุปกรณ์ต่างๆ วางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ไปเลือกแอ็กเซสซอรี่ต่างๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวแก้ไขอะไรก็ลำบาก เมื่อคิดทบทวนดูแล้วเปลี่ยนให้เป็นกระโปรงจะดีกว่า เซียวเซียวหยิบยางยืด และเพราะเสื้อตัวนี้เป็นตารางสีเทาและสีขาว ดังนั้นจึงหยิบผ้าสีเทามาอีกผืนและหยิบไข่มุกมาด้วย

เมื่อเซียวเซียวกลับเข้าไปในห้อง พิธีกรจึงเชิญผู้เข้าแข่งขันคนที่สองขึ้นมาบนเวที วีทีอาร์ของผู้เข้าแข่งขันและขั้นตอนการเลือกของใช้เวลาประมาณห้านาที หากนำเวลาของเซียวเซียวและของทุกคนมารวมกัน เมื่อผู้เข้าแข่งขันเลือกของจนครบทุกคนแล้ว เสื้อตัวแรกก็จะต้องเสร็จออกมาพอดี

เซียวเซียวเลาะตะเข็บข้างของเสื้อให้แยกออกจากกัน ตัดผ้าสีเทาออกมาสองชิ้นแล้วจับจีบ จากนั้นนำไปต่อกับบริเวณด้านข้างเสื้อที่เลาะตะเข็บไว้ ลำตัวแคบๆ ของเสื้อก็กลายเป็นกระโปรงบาน เมื่อคลี่เสื้อออกมาแล้วใส่ยางยืดเข้าไปบริเวณเอว รูปแบบกระโปรงก็ปรากฏขึ้น

แม้จะดูดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังรู้สึกว่าอัปลักษณ์อยู่ดี

ในตอนนี้ผู้เข้าแข่งขันคนที่สี่ได้เริ่มเปิดกล่อง เซียวเซียวเงยหน้าขึ้นมองชุดของคนที่สี่ซึ่งเป็นกระโปรงยาวคลุมเข่าสีเดียวทั้งตัว นำมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ง่ายมาก ใจก็พลันเริ่มร้อนรนขึ้นมา

เธอหยิบเสื้อขึ้นพลิกกลับ ส่วนที่น่าเกลียดคือตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวใหญ่ที่ปักด้วยด้ายสีสันจัดจ้านทางด้านหลังซึ่งเห็นแล้วขัดหูขัดตามาก แล้วยังมีคอเสื้อแบบอิตาเลียน นั่นอีก ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว

เวลานั้นเองไฟบนเวทีก็ดับลงอีกครั้ง ผู้เข้าแข่งขันคนที่ห้าปรากฏตัวขึ้น เซียวเซียวเงยหน้ามองไปทางผู้ชมอย่างทำอะไรไม่ถูก

จั่นหลิงจวินยังคงอยู่ในท่าเดิม นั่งสบายๆ อย่างมีมาด ด้านข้างของเขาคือเหลียงจิ้งเหยาที่อยู่ในชุดราตรีคอวี อย่างที่เหลียงจิ้งเหยาเคยพูดไว้ว่าเธอไม่ได้มีโอกาสออกทีวีง่ายๆ เพราะฉะนั้นต้องแต่งตัวให้สวยหน่อย

คอวี?! ใช่แล้ว!

นี่คือส่วนที่น่าเกลียดที่สุดของเสื้อตัวนี้ ที่สำคัญที่สุดก็คือคอเสื้อแบบอิตาเลียนเชยๆ นั่น

เซียวเซียวกัดฟัน ตัดเสื้อด้านหลังที่มีตัวอักษรพร้อมกับคอเสื้อออกไป แล้วใช้จักรซิกแซ็กขนาดเล็กที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้เย็บเก็บริมผ้าไว้ด้วยความรวดเร็ว ต่อมาก็จัดการร้อยไข่มุกขึ้นมาเป็นเส้น แล้วยึดติดเสื้อทางด้านหลังในส่วนที่ขาดหายไปให้สม่ำเสมอ

สุดท้ายเหลือผ้าอยู่อีกนิดหน่อยจึงทำเป็นโบใหญ่ๆ ติดไว้ที่เอว

เมื่อเซียวเซียวเย็บติดเรียบร้อย หลอดไฟของห้องหมายเลขหนึ่งก็สว่างขึ้นหมายถึงเวลาของเธอหมดลงแล้ว

การแนะนำตัวของเหยาซิงโจวจบลง เสื้อของเซียวเซียวก็ต้องส่งขึ้นไปเพื่อให้นางแบบที่อยู่ด้านหลังเวทีได้ใส่ แล้วเธอก็นั่งพักผ่อนอยู่ในโซนพักผ่อน หลังจากดื่มน้ำแล้วพิธีกรก็เข้ามานั่งด้านข้างเพื่อสอบถามความรู้สึก

“เสื้อตัวนั้นแก้ยากมาก ตัวอักษรด้านหลังของเสื้อก็ไม่สวย” เซียวเซียวปาดเหงื่อ

ผ่านไปครู่หนึ่งนางแบบที่สวมเสื้อผ้าซึ่งทำการแก้ไขแล้วก็เดินออกมา เพื่อเป็นการประหยัดเวลาจึงไม่อาจรอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนทำงานจนเสร็จแล้วค่อยให้คะแนน ในขณะที่นางแบบกำลังเดินโชว์อยู่นั้นจะมีผ้ากั้นเพื่อกันสายตาของผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ป้องกันการลอกเลียนแบบ

นางแบบในชุดที่เซียวเซียวแก้ไข ด้านนอกสวมเสื้อก่อนการแปลงเสื้อผ้าไว้

“ฮ่าๆ ต้องยอมรับนะว่าเสื้อตัวนั้นมันออกจะขี้เหร่นิดหน่อย” พิธีกรพูดยิ้มๆ “เสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อตสีเทาแบบโบราณไม่น่าสนใจ คุณเซียวจะแก้ไขให้เป็นยังไง พวกเรามาชมไปพร้อมๆ กัน”

เสียงดนตรีประกอบเพิ่มความตื่นเต้นดังขึ้น เซียวเซียวพยายามจะรักษารอยยิ้มไว้ แต่ความตื่นเต้นก็ทำให้มุมปากเธอสั่นไม่หยุด จึงได้แต่ทำใจวางสีหน้าแบบไร้ความรู้สึก ก้มหน้าลงพยายามระงับความตื่นเต้นไว้ให้ได้

“ว้าว!” เสียงร้องจากผู้ชมดังขึ้น

จากเสื้อที่ไม่มีอะไรเด่นและออกจะขี้เหร่ถูกแก้ไขเป็นชุดกระโปรงบานที่ดูทันสมัย ตัวอักษรใหญ่ด้านหลังก็ถูกตัดออก โชว์ให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนละเอียดของนางแบบซึ่งมีไข่มุกเป็นชั้นๆ บังอยู่ทำให้ดูไม่โป๊เกินไปนัก

ความแตกต่างราวฟ้ากับดินเรียกสายตาคนดูได้อย่างดียิ่ง กรรมการให้คะแนนเก้าสิบเอ็ด เก้าสิบสาม เก้าสิบสอง รวมทั้งสิ้นสองร้อยเจ็ดสิบหกคะแนน คะแนนที่ได้นี้ยังไม่ถือว่าสูงเพราะผู้เข้าแข่งขันที่เหลือมีสองคนที่คะแนนสูงกว่าเซียวเซียว และเหยาซิงโจวยังไม่ได้แสดงผลงานออกมา

เซียวเซียวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ถ้าอยู่อันดับสามยังสามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศไปได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าอยู่อันดับสี่ก็มีความเสี่ยงที่จะตกรอบ เพราะจะต้องจัดอันดับรวมกันทั้งสองกลุ่ม ถ้ากลุ่มที่สองมีความสามารถสูง เธอก็มีโอกาสที่จะหลุดออกจากการแข่งขันได้

ด้านเหยาซิงโจวได้แก้ไขกระโปรงบานสีดำตัวหนึ่ง เขาตัดเป็นกระโปรงปกปิดสะโพกตัวเล็กๆ แล้วประดับด้วยแอ็กเซสซอรี่ที่สะดุดตา ได้คะแนนสูงถึงสองร้อยแปดสิบแปด ได้อันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนเซียวเซียวก็ตกไปอยู่อันดับสี่ซึ่งมีความเสี่ยงสูง

เซียวเซียวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ รอดูการแข่งขันของกลุ่มที่สอง คนของซังอวี๋กลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงจั่นหลิงจวินและเหลียงจิ้งเหยาที่ยังอยู่ต่อ

เหลียงจิ้งเหยาสั่งอาหารมากินด้วยกัน

“วันนี้ขอบคุณมากนะ” เซียวเซียวรู้สึกหดหู่ ก่อนเริ่มการแข่งขันมีเรื่องวุ่นวายอย่างนั้นจึงส่งผลกับเธออย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ทำให้เธอแสดงฝีมือได้ไม่ค่อยเต็มที่นัก

“เป็นเรื่องที่ผมควรจะทำอยู่แล้ว” จั่นหลิงจวินหยิบบัตรชานมสามสิบแก้วที่มีรูปเท้าแมวออกมาส่งคืนให้เซียวเซียว สามสิบช่องนั้นมีแสตมป์เต็มหมดทุกช่องจนแน่นไปหมด

เซียวเซียวรับมาแล้วก็ยิ่งรู้สึกหดหู่เข้าไปอีก

ที่แท้ก็เป็นเพราะชานมนี่เอง

ในตอนนี้เองโทรศัพท์มือถือของเซียวเซียวก็ดังขึ้น เบอร์ที่โทรเข้ามาดูเหมือนว่าจะเป็นเบอร์ของหานตงอวี่ เซียวเซียวเดือดขึ้นมาทันทีแล้วหันไปถามจั่นหลิงจวิน “แอพฯ ของซังอวี๋ทำรายชื่อแบล็กลิสต์ได้ไหม”

“ไม่ได้” จั่นหลิงจวินส่ายหน้าปฏิเสธ “แต่คุณก็สามารถโอนเข้าบริการตอบรับได้นี่”

“บริการตอบรับ?” เซียวเซียวไม่เข้าใจ ยามนั้นเองโทรศัพท์ก็ถูกจั่นหลิงจวินคว้าไปรับสาย

“เธอเข้านอนแล้ว มีเรื่องอะไรคุยกับฉันได้” จั่นหลิงจวินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ในขณะที่ยังมีเสี่ยวหลงเปา* อยู่ในปาก

เซียวเซียวมองดูด้วยดวงตาเบิกโต ได้ยินเสียงหานตงอวี่ร้องด่าทอดังออกมา “ฉันคบกับเธอมาตั้งนานยังไม่เคยทำอะไร เพิ่งจะเลิกกันแค่ไม่กี่เดือนก็ขึ้นเตียงกับผู้ชายคนอื่นแล้วเหรอ!”

จากนั้นเขาก็เอ่ยคำพูดหยาบคายจนฟังไม่ได้ เซียวเซียวจะแย่งโทรศัพท์กลับมาแต่จั่นหลิงจวินก็หันหลบ

“ปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศควรจะรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เหมือนเคย เมื่อพูดจบก็วางสาย

เซียวเซียวอ้าปากอยากจะพูดแต่หาเสียงตัวเองไม่เจอ

แกร๊ก! ตะเกียบที่อยู่ในมือเหลียงจิ้งเหยาตกลงบนพื้น ก่อนที่เธอจะพึมพำว่า “จริงๆ โทรศัพท์ยี่ห้อผลไม้ถ้าอัพเดตระบบแล้วก็สามารถทำแบล็กลิสต์ได้นะ”

เซียวเซียวอาจจะไม่รู้ว่าพี่ชายเธอรู้วิธีนี้ สองวันก่อนยังแบล็กลิสต์เธออยู่เลย 

เซียวเซียวได้ยินไม่ชัดว่าเหลียงจิ้งเหยาพูดอะไร เธอยังไม่หายตกใจกับเรื่องเมื่อครู่

จั่นหลิงจวินส่งตะเกียบคู่ใหม่ให้น้องสาวแล้วตามด้วยสายตาที่แหลมคม

เหลียงจิ้งเหยาไม่อยากให้พี่ชายจับฆ่า เธอจึงเลือกที่จะปิดปากให้สนิท ยื่นมือไปรับตะเกียบแล้วก้มหน้าก้มตาคีบอาหารใส่ปาก

“คุณ ไม่ใช่ ฉัน…” เซียวเซียวรับโทรศัพท์กลับมา พูดติดๆ ขัดๆ อยู่พักใหญ่ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ผู้ชายที่มีประสบการณ์ชีวิตไม่มาก ยังไม่เคยผ่านเรื่องใหญ่ๆ มาก่อนอย่างหานตงอวี่ หลังเจอไม้โหดของจั่นหลิงจวินเข้าไปและได้ยินว่าตัวเธอนอนกับผู้ชายคนอื่น รับรองว่าไม่มีทางติดต่อกับเธออีกแน่

อีกอย่างคำพูดของจั่นหลิงจวินเมื่อครู่ก็ดูเป็นธรรมชาติเกินไปนะ ทำอย่างกับเธอเป็นแฟนของเขาจริงๆ อย่างนั้นแหละ

จั่นหลิงจวินเห็นว่าเธอจ้องเขา อยู่ๆ เขาก็ยื่นมือมาตรงหน้าเซียวเซียว ทำท่าเหมือนจะเกลี่ยผมของเธอ

เซียวเซียวนิ่งงันเหมือนโดนร่ายมนตร์สะกดเอาไว้ มือที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาไม่กล้าขยับ ก่อนหน้านี้หานตงอวี่ทำท่าจะเกลี่ยผมของเธอ เธอทั้งโมโหและกลัว แต่ตอนนี้เขาคนนี้กำลังทำสิ่งเดียวกัน แต่กลับทำให้หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นเสียอย่างนั้น

ยังไงหน้าบานๆ ของฉันคุณก็เคยเห็นมาแล้ว ฉัน…ไม่มีอะไรให้หวั่นเกรง

“กินจนเลอะไปถึงผมแล้ว” จั่นหลิงจวินดึงเม็ดข้าวออกจากลอนผมของเซียวเซียว

“…” เซียวเซียวเงียบงัน พูดอะไรไม่ออกไปทันใด

นี่ไม่ได้ขายหน้าที่สุด แต่มันคือขายหน้ามากขึ้นไปอีก มิน่าล่ะพวกอาจารย์เควินถึงไม่ยอมดัดผมตรงนี้ให้ ก็คงเพราะมันจะกลายเป็นฝอยขัดหม้อที่ติดข้าวได้ง่ายๆ นี่เอง

จั่นหลิงจวินมองเซียวเซียวที่เปลี่ยนสีหน้าไปมา ก่อนจะก้มหน้าลงคีบอาหารและยกมุมปากขึ้นยิ้มบางๆ อย่างอดไม่ได้

เซียวเซียวแอบมองเขา เมื่อเห็นว่าเขากำลังยิ้ม ในใจก็ยิ้มขึ้นมาตามมุมปากเขา ขายหน้าก็ขายหน้าเถอะ ได้รอยยิ้มจากเขาก็ไม่ขาดทุนอะไรแล้ว

 

การแข่งขันของกลุ่มแรกเป็นการถ่ายทอดสด ส่วนกลุ่มที่สองเป็นการบันทึกเทป และเพื่อความยุติธรรมคืนนี้จึงต้องแข่งให้จบ เพราะถ้าต้องรออีกหนึ่งอาทิตย์ ผู้เข้าแข่งขันในกลุ่มที่สองก็จะรู้หัวข้อของการแข่งขัน ทำให้มีเวลาได้เตรียมตัว ซึ่งไม่ยุติธรรมกับกลุ่มที่หนึ่ง

จนกระทั่งเวลาล่วงเข้าสู่วันรุ่งขึ้น การแข่งขันของกลุ่มที่สองก็เสร็จสิ้น

“แหวะ ฉินย่าหนานได้ที่หนึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลย” หลังจากเหลียงจิ้งเหยาสอบถามผลการแข่งขันของกลุ่มที่สองมาได้ก็รู้สึกตกตะลึงและไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นความจริง

การบ้านเป็นร้อยก่อนหน้านี้ไม่ได้เปล่าประโยชน์ ฉินย่าหนานทำตามแนวคิดที่หลินซือหย่วนสอนไว้ เอาเสื้อผ้าที่ต้องเปลี่ยนแปลงมาทำให้ถึงขีดสุด เปลี่ยนชุดผู้หญิงเรียบร้อยให้เป็นแบบเซ็กซี่ร้อนแรง เป็นการเปรียบเทียบระหว่างความสดใสแบบเด็กๆ กับความเร่าร้อนของวัยผู้ใหญ่ จึงได้รับคำชมจากกรรมการมาก ได้คะแนนสูงถึงสองร้อยเก้าสิบสองคะแนน

เมื่อรวมทั้งสองกลุ่ม ฉินย่าหนานเป็นที่หนึ่งของรอบรองชนะเลิศ ส่วนเหมยซินเปลี่ยนแปลงเสื้อสูทแบบตะวันตกให้กลายเป็นแบบจีน ฉีกไปอีกแบบ ได้คะแนนสองร้อยแปดสิบเก้าคะแนน มากกว่าเหยาซิงโจวหนึ่งคะแนน อยู่อันดับที่สอง

แต่เพราะผลงานของผู้เข้าแข่งขันในกลุ่มที่สองค่อนข้างธรรมดา เซียวเซียวคํานวณคะแนนด้วยใจที่เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ แล้วพบว่าตัวเองอยู่อันดับที่เจ็ด จึงพอรู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง

ยี่สิบคัดเหลือสิบ ได้ที่เจ็ดยังถือว่าปลอดภัยแหละนะ

ทางทีมงานเชิญผู้เข้าแข่งขันที่ได้คะแนนสูงสุดสิบคนแรกขึ้นมาบนเวทีโดยให้ยืนเรียงลำดับตามคะแนน เหยาซิงโจวยืนอยู่ในอันดับที่สาม ยังรักษารอยยิ้มหยิ่งผยองและไม่เสียภาพลักษณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี กล้องจึงจับภาพเขาไว้เป็นพิเศษ

ฉินย่าหนานยืนอยู่ในอันดับที่หนึ่ง เธอตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา ตอนการแข่งขันออกแบบเสื้อผ้าที่จัดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยครั้งหนึ่ง เธอเชื่อว่าเธอควรจะได้ตำแหน่งชนะเลิศ แต่เพราะถูกคนเลววางแผนทำร้าย หลายปีมานี้เธอไม่ได้รับความยุติธรรม ต้องยอมให้กับเซียวเซียวตลอด ก็เพราะผู้ชนะในครั้งนั้นคือเซียวเซียว ไม่ใช่เธอ

ในที่สุดเธอก็ได้ล้างอายแล้ว

หลังจากการแข่งขันรอบรองชนะเลิศก็จะประกาศกติกาในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ บนเวทีได้แขวนป้ายนักแสดงไว้ห้าคน ใต้ป้ายจะมีเข็มกลัดอยู่สองอัน บนเข็มกลัดจะมีชื่อของนักแสดงคนนั้นติดอยู่

“การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้ ทางเราโชคดีมากที่ได้นักแสดงทั้งห้าท่านมาสนับสนุนการแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศก็คือการออกแบบตัดชุดให้กับนักแสดงทั้งห้าท่านนั่นเอง”

การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศคือการตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับคนจริงๆ เพื่อเป็นการแสดงความสามารถที่แท้จริงของดีไซเนอร์ ในครั้งนี้จะเป็นการบันทึกเทปตลอดการแข่งขัน ทางทีมงานจะพาดีไซเนอร์ทั้งหมดไปอยู่ที่รีสอร์ตปิดแห่งหนึ่ง ทางรายการจะเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ช่างทําแพตเทิร์น และช่างตัดเย็บไว้ให้ เพื่อให้พวกเขาสามารถตัดเย็บชุดในรายการได้ โดยกำหนดระยะเวลาให้หนึ่งสัปดาห์ ซึ่งจะเห็นขั้นตอนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ

และสุดท้ายจะนำวิดีโอทั้งหมดมาตัดต่อแบบรายการประเภทเรียลลิตี้โชว์เพื่อถ่ายทอดในรายการ

“สัดส่วนของนักแสดงจะส่งให้กับทุกท่านในวันที่เข้าไปในรีสอร์ต ตอนนี้ที่ต้องทำก็คือเลือกลูกค้า ทุกท่านต้องตั้งใจเลือกนะครับ ผลงานที่ออกมาทางเราจะขอให้นักแสดงท่านนั้นสวมด้วย” พิธีกรพูดพร้อมกับเชิญให้ทุกคนยืนเข้าแถว

นักแสดงห้าคนแบ่งให้กับดีไซเนอร์สิบคน ก็แปลว่านักแสดงหนึ่งคนต่อดีไซเนอร์สองคน ถ้าดีไซเนอร์ที่มีความสามารถสูงกับความสามารถไม่สูงเลือกนักแสดงคนเดียวกัน ก็จะเป็นการเปรียบเทียบอย่างน่าอเนจอนาถ

อันดับต้นๆ มีโอกาสได้เลือกก่อน พวกที่อยู่หลังๆ ก็ไม่มีโอกาสเลือก

เซียวเซียวหันไปมองป้ายทั้งห้า ทั้งหมดล้วนเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่แล้ว มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่ายากหรือง่าย โดยนักแสดงทั้งห้าคนนี้ได้แก่ จั๋วหย่า นางเอกมากความสามารถ จ้าวเฟยเฟย สาวน้อยที่กำลังโด่งดังในขณะนี้ แล้วยังมีนางฟ้าของเธอหลันโม่หรู กับศัตรูคู่อาฆาตของหลันโม่หรูอย่างหลิ่วหลิน และสุดท้ายก็คือนักแสดงชายอีกคน

ไม่ว่าจะเป็นชุดราตรีหรือชุดธรรมดา ชุดของผู้หญิงจะโดดเด่นและมีทางเลือกมากกว่าของผู้ชายอยู่แล้ว การเลือกออกแบบชุดผู้ชายโอกาสที่จะชนะจึงมีค่อนข้างน้อยกว่า

เพื่อเพิ่มยอดการรับชม ทางสถานีโทรทัศน์จึงได้เชิญนักแสดงชายที่กำลังมีชื่อเสียงในขณะนี้มาร่วมด้วย แต่สำหรับดีไซเนอร์ที่อยู่อันดับท้ายๆ มันคือวิบากกรรม

“จบกัน ถึงพวกเราสองคนคงจะเหลือแค่ผู้ชายคนนั้น” คนที่ได้อันดับที่เก้าพูดกับคนที่ได้อันดับที่สิบอย่างหมดหวัง

“ผู้ชายก็ผู้ชายเถอะ งั้นทำกระโปรงให้เขาซะเลยดีไหม” คนที่ได้อันดับที่สิบพูดล้อเล่นอย่างคนมองโลกในแง่ดี

“เอ่อ จำให้ดีว่าพวกด้านหน้าเลือกใคร ต้องไม่เลือกซ้ำกับเหยาซิงโจว” คนที่ได้อันดับที่หกกระซิบเสียงเบากับเซียวเซียว

ถึงแม้รอบรองชนะเลิศเหยาซิงโจวจะได้ที่สาม แต่นั่นเป็นเพราะการดัดแปลงเสื้อผ้าเก่าไม่ใช่ทางถนัดของดีไซเนอร์ใหญ่คนนี้ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศก็คือการออกแบบชุดโอตกูตูร์ การออกแบบชุดโอตกูตูร์เป็นงานประจำของดีไซเนอร์ใหญ่อย่างเหยาซิงโจว เด็กๆ อย่างพวกเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน

“ถ้าเลือกนักแสดงคนเดียวกับเหยาซิงโจว สุดท้ายก็จะแพ้อย่างน่าอนาถ” คนที่ได้อันดับที่แปดพูดด้วยสีหน้าราวกับจะร้องไห้ เขาคาดไว้ว่าเมื่อถึงตัวเองอาจจะเหลือแค่นักแสดงชายกับนักแสดงที่เหยาซิงโจวเลือก นั่นเท่ากับมีแต่ตายลูกเดียว

ฉินย่าหนานเลือกเป็นคนแรก เธอเลือกจั๋วหย่าอย่างไม่ลังเล เพราะนางเอกคนนี้มีบุคลิกดีมาก เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแบบไหนเมื่ออีกฝ่ายสวมใส่แล้วก็ดูดีไปหมด

เหมยซินเลือกจ้าวเฟยเฟย เพราะจ้าวเฟยเฟยแสดงละครพีเรียดมามากและมีความงามแบบย้อนยุค เหมาะสมกับสไตล์การออกแบบของเธอมาก

เหยาซิงโจวลังเลระหว่างหลิ่วหลินและหลันโม่หรู สุดท้ายก็เลือกหลันโม่หรู

เมื่อถึงคิวของเซียวเซียวก็เหลือหลันโม่หรู หลิ่วหลิน และนักแสดงชายให้เลือก หากต้องการเลี่ยงเหยาซิงโจว หลิ่วหลินย่อมเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ว่า…

ในฐานะที่เป็นแฟนคลับของหลันโม่หรู เซียวเซียวเกลียดหลิ่วหลินมาก จึงเดินขึ้นหน้าไปหยิบเข็มกลัดที่มีชื่อหลันโม่หรูอย่างไม่ลังเลใจ

เหยาซิงโจวมองการตัดสินใจของเธอแล้วก็อดเลิกคิ้วขึ้นมาไม่ได้

เด็กคนนี้กล้ามาก!

 บทที่ 14

การบันทึกเทปสิ้นสุดลงตอนตีหนึ่งครึ่ง เซียวเซียวทิ้งตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่บนรถของเหลียงจิ้งเหยา จั่นหลิงจวินทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ส่วนเหลียงจิ้งเหยารับหน้าที่เป็นหมอนให้เธอพิง

“ทำไมแกถึงเลือกหลันโม่หรูล่ะ” เหลียงจิ้งเหยาหยิกเซียวเซียวที่ไม่ได้ดั่งใจ “เหยาซิงโจวออกแบบชุดโอตกูตูร์เป็นงานประจำ แล้วความสามารถครึ่งๆ กลางๆ อย่างแกไปเทียบกับเขายิ่งไม่ยับเยินรึไง”

“ความสามารถฉันครึ่งๆ กลางๆ ตรงไหน ชุดโอตกูตูร์กับเสื้อผ้าธรรมดาแตกต่างกันแค่รายละเอียดเท่านั้น แล้วอีกอย่างไม่ใช่ว่าจะแข่งที่การตัดเย็บ เขาแข่งกันที่ความคิดสร้างสรรค์ต่างหาก” เซียวเซียวเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

 

อีกด้าน เหยาซิงโจวที่นั่งอยู่บนรถใช้แท็บเลตดูเทปบันทึกการแข่งขันในครั้งนี้ ส่วนเพื่อนสมัยเรียนของเซียวเซียวที่ชื่อหยางเจี้ยนนั่งขับรถอยู่ด้านหน้า

แม้หยางเจี้ยนจะเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ก็ตกรอบไปอย่างน่าอนาถ ไม่สามารถเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศได้ บริษัทพอลล่าประเทศจีนจึงเหลือผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียวคือเหยาซิงโจว

“รอบชิงชนะเลิศต้องได้ที่หนึ่ง” แสงสว่างจากแท็บเลตที่ส่องไปบนใบหน้าเหยาซิงโจวเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืดตามการเคลื่อนไหวบนหน้าจอ ทำให้ดูน่ากลัวยิ่ง

หยางเจี้ยนมองกระจกส่องหลังแล้วพูดยิ้มๆ “หัวข้อในการตัดสินคือชุดโอตกูตูร์ ด้วยความสามารถของคุณ จะคว้าตำแหน่งแชมป์ไม่ใช่เรื่องยาก”

เหยาซิงโจวไม่ได้พูดอะไร หยุดภาพไว้ที่ใบหน้าของเซียวเซียว หญิงสาวที่กล้าเลือกนักแสดงคนเดียวกับเขาเป็นคนที่มีความห้าวหาญมาก เขาต้องศึกษาเกี่ยวกับเธออย่างละเอียดสักหน่อยแล้ว

 

เหลือเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์กว่าจะไปที่รีสอร์ต ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันอนุญาตให้ดีไซเนอร์ใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์นี้ไปหาแรงบันดาลใจ เซียวเซียวมองรูปสเก็ตช์ที่ใช้ไม่ได้ยี่สิบกว่ารูปพลางยกมือขึ้นกุมศีรษะ นึกถึงการแข่งขันที่เหมือนกับขึ้นเตาเผา เธอเลือกนางฟ้าตามใจตัวเอง แต่เหยาซิงโจวก็เลือกนางฟ้าของเธอด้วยจึงสร้างแรงกดดันให้เธออย่างมาก

เฮ้อ…แรงกดดันยิ่งมากเท่าไหร่ ไอเดียก็ยิ่งหดหาย…

ตอนเช้าเซียวเซียวลุกขึ้นมาหวีผมก็เห็นเส้นผมหลุดออกมาเป็นกำ เธอตกใจมากที่ผมร่วงอย่างผิดปกติเช่นนี้ แล้วที่ร่วงออกมาก็เป็นกำๆ เหมือนกับคนที่ผมร่วงจากการรักษาโรคไม่มีผิด

อาการแบบนี้ทำให้เธอตกใจมาก ไม่กล้าใช้ร่างกายตัวเองอย่างสมบุกสมบันอีกต่อไป วันนี้จึงนัดตรวจกับจั่นหลิงจวิน

“ผมร่วง…” จั่นหลิงจวินสวมถุงมือแล้วแหวกผมดูหนังศีรษะของเซียวเซียว “…ซึ่งไม่ได้มีสาเหตุจากปัจจัยภายนอก คุณมีแรงกดดันมากเกินไปหรือเปล่า”

สเตียรอยด์กลูโคคอร์ติคอยด์ทำให้ผมหลุดร่วงเล็กน้อย ตอนนี้เซียวเซียวก็ลดเหลือเพียงสามเม็ดแล้ว จึงไม่ควรจะมีอาการหนักขนาดนี้ แต่ถ้ามีแรงกดดันที่มากเกินไปอาการก็จะหนักขึ้น

“ใช่ ไอเดียก็หดหาย ฉันคิดไม่ออกว่าจะออกแบบชุดอะไรให้นางฟ้าสวมดี” เซียวเซียวฟุบหน้าลงบนโต๊ะ ใบหน้าบี้แบน เนื้อที่แก้มกองอยู่บนโต๊ะเหมือนกับดินน้ำมันที่ถูกบี้ออกมา เพราะมีแรงกดดันที่มากเกินไปทำให้นอนไม่พอ ใบหน้าของเซียวเซียวจึงบวมขึ้นมาอีก

จั่นหลิงจวินดึงแก้มที่เต็มไปด้วยเนื้อนิ่มๆ นั้นในขณะที่ยังใส่ถุงมืออยู่ “พรุ่งนี้ผมมีนัดบริการนอกสถานที่ คุณไปกับผมนะ”

“หา? คุณมีนัดบริการนอกสถานที่แล้วฉันจะไปทำไม” เซียวเซียวลุกขึ้นนั่งหลังตรงตามปกติ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

“ลูกค้าคนนี้เป็นสุภาพสตรีสาวสวยที่ร่ำรวยมาก ผมบริการนอกสถานที่เป็นครั้งแรก รู้สึกเก้ๆ กังๆ ถ้ามีผู้หญิงไปด้วยสักคนก็คงจะดี แต่ที่สโมสรนี้ก็ไม่มีใครที่เหมาะสม…” จั่นหลิงจวินเปรยเหมือนพูดกับตัวเอง

“ไป ฉันไปด้วย” เซียวเซียวไม่ได้ฟังประโยคหลังด้วยซ้ำ ได้ยินเพียงแต่ว่าเป็นสุภาพสตรีสาวสวยและร่ำรวย จะเอาผู้ชายหนุ่มๆ อย่างจั่นหลิงจวินเก็บเข้าไปในสต็อก แค่คิดผมเธอก็จะร่วงหมดหัวอยู่แล้ว

 

หลันเฟิงชิวถิงเป็นย่านที่พักอาศัยระดับหรูของปักกิ่ง ระบบการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก ได้ยินมาว่ามีดาราหลายคนอาศัยอยู่ที่นี่ รปภ. โทรติดต่อกับเจ้าของบ้านแล้วลงทะเบียนอย่างละเอียด จากนั้นจึงปล่อยให้รถของจั่นหลิงจวินเข้าไปได้

นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเซียวมาที่นี่ เธอมองทิวทัศน์จากหน้าต่างแล้วก็รู้สึกอิจฉา “เมื่อไหร่ฉันจะได้อยู่บ้านแบบนี้นะ”

จั่นหลิงจวินหลุดปากออกมาว่า “อีกไม่นาน”

“อีกไม่นานอะไรล่ะ อย่างน้อยต้องมีรายได้ถึงปีละสามล้าน เป็นประธานของแอลวายถึงจะได้ล่ะมั้ง” เซียวเซียวพูดอย่างหมดหวัง “ถึงตอนนั้นฉันก็คงผมหงอกเหมือนกับอเดอลีน”

“ดีไซเนอร์ไม่ได้วัดกันที่อายุ” จั่นหลิงจวินขับรถช้าลงแล้วมองดูทาง

“ก็จริง อีฟส์ แซงต์ โลรองต์* อายุยี่สิบเอ็ดก็เป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของดิออร์ ถ้างั้นฉันก็ยังมีโอกาส” เซียวเซียวรู้สึกคึกคักขึ้นมาทันที เพ้อฝันว่าตัวเองได้รับตำแหน่งชนะเลิศ ได้รับการชื่นชมจากเจ้านาย ก้าวไปสู่อนาคตอันสดใสรุ่งโรจน์

จั่นหลิงจวินปรายตามองเธอ “แต่ตอนนี้คุณอายุยี่สิบสี่แล้วยังเป็นพนักงานตัวเล็กๆ อยู่”

ความฝันของเซียวเซียวเมื่อครู่พลันแตกสลายลงในทันใด “คุณพูดจาให้น่าฟังหน่อยมันจะลำบากอะไรไหม”

“หมอก็เหมือนพ่อแม่ ไม่อาจปล่อยให้คุณอยู่ในโลกของความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริงได้” จั่นหลิงจวินพูดด้วยท่าทางที่มีเหตุผลแล้วจอดรถตรงที่ว่าง

เซียวเซียวสูดลมหายใจเข้าลึก รู้ว่าเถียงสู้เขาไม่ได้จึงแอบบ่นพึมพำ “เห็นว่าหล่อหรอกนะ ฉันไม่ถือสาคนหล่อก็ได้”

บ้านของลูกค้าที่นัดหมายบริการนอกสถานที่เป็นบ้านเดี่ยวที่ดูงดงามมาก บริเวณสวนมีสุนัขโกลเด้น รีทรีฟเวอร์หมอบอยู่ เมื่อเห็นคนเข้ามาก็รีบลุกขึ้นกระดิกหางไปมา

“ฮัลโหล เจ้าตัวเล็ก” เซียวเซียวไม่อาจต้านทานสัตว์เลี้ยงขนนุ่มๆ แบบนี้ เธออดที่จะยื่นมือไปลูบหัวมันไม่ได้

เจ้าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ยืนนิ่งให้ลูบทันที หัวใหญ่ๆ ยื่นออกมาจากรั้วเหล็กทำท่าจะเลียมือเซียวเซียว

“ลูคัส แม่แกล่ะ” จั่นหลิงจวินถามเจ้าขนทองเสียงเข้ม

“โฮ่งๆ” เจ้าขนทองเห่าตอบรับ

ไม่รู้ว่าทั้งสองสื่อสารกันได้อย่างไร จั่นหลิงจวินหยุดยืนตบหัวสุนัขเบาๆ ก่อนจะเดินไปกดกริ่งที่หน้าประตู

โทรศัพท์ที่มีกล้องมีเสียงของเจ้าของบ้านดังขึ้น “หลิงจวิน มาแล้วก็เข้ามาสิ”

หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้วประตูเหล็กก็เปิดโดยอัตโนมัติ จากนั้นเจ้าขนทองก็กระโจนเข้ามาหาจั่นหลิงจวินทันที ทว่าเขาหลบได้ทันควัน

ลูคัสกระโจนพลาดเป้าแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ พยายามจะกระโจนเข้าหาเซียวเซียวต่ออีก

“ลูคัส ไม่ซนนะ” ยามนั้นเองหญิงสาวเจ้าของบ้านในชุดอยู่บ้านสีชมพูก็เดินออกมาดุสุนัขของตัวเอง

เจ้าสุนัขได้ยินเสียงเจ้าของก็รีบผละออกจากเซียวเซียวแล้วหันกลับไปกระโจนใส่อีกฝ่ายทันที

“นาง…นางฟ้า!” เซียวเซียวตะลึง คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน เจ้าของลูคัส ลูกค้าของจั่นหลิงจวิน ที่แท้ก็คือ…หลันโม่หรู!

หลันโม่หรูไม่ได้แต่งหน้า ผมก็ติดกิ๊บรูปโบไว้ง่ายๆ น่าจะเพิ่งพอกหน้าเสร็จ คิ้วยังดูชื้นๆ แสงแดดสาดส่องไปที่ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามที่สุดของเธอ

หลันโม่หรูเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำเรียกขานเช่นนี้ “เข้ามาสิ”

เซียวเซียวกำลังกังวลใจว่าจะตัดชุดอะไรให้กับหลันโม่หรู ตอนนี้มาพบตัวเป็นๆ เช่นนี้ก็เกินคาดมากจริงๆ เธอหันไปยิ้มให้กับนางฟ้าอย่างเขินๆ แล้วกัดฟันถามจั่นหลิงจวินโดยไม่ขยับปากว่า “นี่มันอะไรกัน”

จั่นหลิงจวินยิ้มพลางเอ่ยตอบอย่างจริงจัง “ก็ขี้โกงไง”

เซียวเซียวเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับจั่นหลิงจวิน ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาอย่างระมัดระวัง มองความงามของนางฟ้าด้วยความชื่นชม

เวลาดูในทีวีไม่ได้รู้สึกว่าดาราจะสวยอะไรมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น ขนาดดาราทั่วๆ ไปก็ยังดูดีกว่าคนธรรมดา แล้วยิ่งคนสวยๆ อย่างหลันโม่หรูก็ยิ่งสวยกว่าในทีวีเป็นสิบเท่า

เจ้าขนทองเข้ามาในบ้านก็ยึดโซฟาประจำตำแหน่งเจ้าของ หมอบอยู่ที่ตักเจ้าของให้อีกฝ่ายลูบขนให้อย่างรู้งาน ทว่าครั้งนี้กลับโดนหลันโม่หรูผลักออก เจ้าสุนัขอารมณ์ดีจึงเปลี่ยนเป้าหมายเอาหัวซุกไปที่มือของจั่นหลิงจวินแทน

“ฉันดูการแข่งขันรอบรองชนะเลิศแล้ว ความคิดสร้างสรรค์ของคุณไม่เลวทีเดียว แต่โชคไม่ค่อยดีจับได้เสื้อตัวนั้น” หลันโม่หรูรินน้ำแล้วส่งให้เซียวเซียว

เซียวเซียวประหลาดใจมาก เธอมาที่นี่ในฐานะผู้ช่วยของจั่นหลิงจวิน ไม่คิดว่าหลันโม่หรูจะรู้ว่าเธอเป็นใคร แล้วยังดูการแข่งขันนั้นด้วย จึงพูดอย่างอายๆ ว่า “นี่ก็กำลังกลุ้มใจว่าจะตัดชุดอะไรให้กับคุณ จึงบากหน้าขอตามมาด้วย หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนคุณนะคะ”

จั่นหลิงจวินทำให้เธอเซอร์ไพรส์อย่างมาก เธอไม่อาจทำให้เขาวางตัวลำบาก จึงรับผิดไว้เองคนเดียว

หลันโม่หรูมองเซียวเซียวคราหนึ่ง แล้วก็มองจั่นหลิงจวินที่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลุดอาการอยากจะหัวเราะออกมา “หลิงจวินบอกกับฉันแล้ว พวกเรารู้จักกันมานาน เรื่องแค่นี้เป็นเรื่องเล็กๆ ไม่ต้องคิดมากหรอก”

เซียวเซียวมองจั่นหลิงจวินที่กำลังพูดคุยกับลูคัส หัวใจที่ร้อนระอุพองโตราวกับลูกโป่ง การช่วยเหลือแบบนี้มันเกินขอบเขตของนักบำบัดกับผู้ป่วย ทำไมเขาถึงได้ดีกับเธอขนาดนี้นะ

“ทำไมคุณถึงไม่เลือกหลิ่วหลินล่ะ ฉันอ่านที่คนวิเคราะห์ทางอินเตอร์เน็ต เลือกฉันมันไม่ดีกับคุณเลยนะ” หลันโม่หรูถามเซียวเซียวอย่างสงสัย

“ฉันเป็นแฟนคลับของคุณ ก็ต้องเป็นแอนตี้แฟนคลับของหลิ่วหลินอยู่แล้ว จะไปเลือกหลิ่วหลินได้ยังไง” เมื่อพูดขึ้นเซียวเซียวก็มีประเด็นให้คุยต่อได้ “ตอนที่ฉันยังเรียนหนังสืออยู่ฉันยังไปเขียนคอมเมนต์ว่าหลิ่วหลินเป็นหน้าๆ ถึงแม้จะแพ้ในการแข่งขันฉันก็ไม่มีทางทำเสื้อผ้าให้หลิ่วหลินหรอก” พูดจบก็รู้สึกว่าการกระทำของตัวเองช่างดูเด็กเหลือเกิน จึงยกมือขึ้นกุมหน้าอย่างอายๆ

หลันโม่หรูอึ้งไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบเช่นนี้ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมา “ฮ่าๆๆๆๆๆ คุณนี่น่ารักจังเลย แฟนคลับที่น่ารักแบบนี้ฉันมีอะไรให้คุณโดยเฉพาะด้วย”

“อะไรคะ” เซียวเซียวหันไปมองด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ให้คุณวัดสัดส่วนของฉัน” หลันโม่หรูขยิบตาให้เธอ

“ว้าว!” เซียวเซียวตื่นเต้นอย่างมาก รีบหยิบสายวัดที่ไม่เคยห่างกายออกมาทันที แม้ว่าทางทีมงานจะต้องให้ตัวเลขมา แต่ก็ไม่ได้ให้อย่างละเอียด แล้วก็ไม่เหมือนวัดด้วยตัวเองแบบนี้

“ถ้าช่วงนี้จะสั่งตัดชุดราตรีสักชุด นางฟ้าอยากจะได้ชุดแบบไหนคะ” เซียวเซียววัดตัวไปก็แอบถามไปด้วย การที่เธอสอบถามความต้องการและความคิดเห็นของลูกค้าเช่นนี้น่าจะไม่ถือว่าเป็นการโกง…ใช่ไหม

หลันโม่หรูพูดยิ้มๆ ว่า “อีกพักใหญ่ฉันจะต้องไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ที่ยุโรป ยังขาดชุดเดินพรมแดง ชุดที่ออกแบบจากแบรนด์ดังๆ ยังขาดอะไรอยู่อีกนิดหน่อย ถ้าคุณทำได้ดีฉันก็จะซื้อแบบของคุณ”

ชุดของแบรนด์ดังๆ ยังไม่อาจทำให้หลันโม่หรูพอใจ เซียวเซียวขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด นั่นต้องไม่ใช่ปัญหาเรื่องคุณภาพไม่ดีหรือสวยไม่พอแน่ๆ

ในฐานะที่เป็นแฟนคลับของหลันโม่หรู เซียวเซียวรู้จุดเด่นจุดด้อยของนักแสดงที่ตัวเองชื่นชอบเป็นอย่างดี หลันโม่หรูมีชื่อเสียงในประเทศมากอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยเปิดตลาดต่างประเทศ เธอต้องการเป็นข่าวในสื่อต่างประเทศ ต้องเป็นประเด็นเด่น ดังนั้นชุดเดินพรมแดงไม่ใช่แค่หรู สง่า แต่ต้องโดดเด่นดึงดูดสายตาด้วย

ความคิดแบบนี้หลันโม่หรูไม่อาจจะพูดออกมาได้ ส่วนดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงก็ไม่เข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ของเธอ ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจหาชุดที่เหมาะสมได้

“เข้าใจแล้ว” เมื่อเซียวเซียวเข้าใจเรื่องราวต่างๆ เช่นนี้ ในใจก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

หลันโม่หรูมองเห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่มีความมั่นใจก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก ถึงแม้จะพูดด้วยอย่างเกรงใจ แต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับดีไซเนอร์หน้าใหม่อย่างเซียวเซียวเท่าใดนัก

เซียวเซียวก็รู้ตัวเองดีว่าความสามารถของตนในขณะนี้ไม่อาจจะฝากความหวังไว้ได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ได้พูดให้ความมั่นใจหรือรับรองอย่างแข็งขัน เพียงจดบันทึกสัดส่วนไว้แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะนั่งยองๆ เล่นกับเจ้าขนทองอยู่ด้านข้าง ส่วนเวลาที่เหลือก็เป็นเวลาของจั่นหลิงจวินแล้ว

การให้บริการนอกสถานที่ของจั่นหลิงจวินไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หลันโม่หรูเป็นลูกค้าของซังอวี๋จริงๆ การเป็นนักแสดงมาหลายปีทำให้เธอมีอาการป่วยหลายอย่าง ปวดเอว การนอนหลับไม่ดี และมักจะปวดหัวบ่อยๆ

“ดนตรีขับกล่อมของฉันล่ะ” หลันโม่หรูยื่นมือไปหาจั่นหลิงจวิน

จั่นหลิงจวินหยิบธัมบ์ไดรฟ์อันเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าและส่งให้เธอ “เสียงเปียโนที่ช้าและนุ่มนวลจะช่วยให้นอนหลับง่าย แต่ถ้าดนตรีที่ทำให้มีความสุขดึงความรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาอาจจะทำให้อาการนอนไม่หลับยิ่งรุนแรงขึ้น”

“นายอย่าพูดมากน่ะ” หลันโม่หรูยื่นมือไปคว้าธัมบ์ไดรฟ์มา “เดี๋ยวฉันจะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้นาย นายช่วยฉันซื้อขนมไปฝากเขาด้วย”

“ไม่ซื้อ” จั่นหลิงจวินปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย “ถ้าเขารู้ว่าผมแอบอัดเสียงไว้ คิดว่าคงจะเลิกคบกับผมแน่”

หลันโม่หรูถอนหายใจ กำธัมบ์ไดรฟ์ในมือไว้อย่างเหม่อๆ

“ยาที่ทีมงานเตรียมไว้ผมตรวจดูเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเจ้านี่คุณก็ไม่ควรจะใช้” จั่นหลิงจวินโยนเทียนหอมที่อยู่ในห้องรับแขกขึ้นกลางอากาศสองสามที

ฉับพลันแววตาของหลันโม่หรูก็เปลี่ยนไป “มันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” นี่เป็นของที่เพื่อนหิ้วมาจากต่างประเทศบอกว่ามันดีกับเธอ

“ไม่ถึงกับมีปัญหา แค่เครื่องหอมที่ผลิตในเม็กซิโก มีคุณสมบัติในการกระตุ้นสมอง”

จั่นหลิงจวินจ่อเทียนหอมไปที่จมูกของลูคัสซึ่งปีนอยู่บนไหล่ของเซียวเซียวอย่างกระเง้ากระงอด เจ้าลูคัสพลันจามรดหน้าเซียวเซียวทันที

เซียวเซียวกระตุกมุมปาก “ลูกพี่อย่าทำร้ายคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่สิ”

“โฮ่ง!” ลูคัสไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร เมื่อจามเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอาหัววางไว้ที่ไหล่เธอต่อ ทำท่ารักใคร่เหมือนกับเจ้าชายที่กำลังกอดเจ้าหญิงเอาไว้

จั่นหลิงจวินดึงหูเจ้าขนทอง “เลิกงานแล้ว”

เซียวเซียวอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจะแยกกับลูคัส เธอเงยหน้ามองหลันโม่หรูที่มีสีหน้าอ่านไม่ออกโยนเทียนหอมลงถังขยะ วงการบันเทิงนี่ช่างซับซ้อนจริงๆ เซียวเซียวอยากจะทำอะไรเพื่อไอดอลบ้าง เธอเดินตามจั่นหลิงจวิน ก่อนทั้งคู่จะออกจากหลันเฟิงชิวถิงไป แต่ก็หันกลับไปมองเป็นระยะ

 

“คุณเอาบันทึกเสียงการบรรเลงเพลงของคุณมู่มาขายให้หลันโม่หรูเหรอ” ขณะนั่งรถกลับ เซียวเซียวที่มีโคนันเข้าสิงก็สอบถามจั่นหลิงจวินขึ้นมา

“อืม เป็นการซื้อขายเพื่อเปิดฟังเป็นการส่วนตัวน่ะ” จั่นหลิงจวินพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“อย่างนั้นก็ไม่ได้” เซียวเซียวขมวดคิ้ว “ตอนนี้คุณมู่ต้องไม่อยากให้ใครได้ยินการบรรเลงเพลงของเขาเป็น…”

“เมื่อก่อนพวกเขาเคยเป็นคนรักกัน” จั่นหลิงจวินพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

เซียวเซียวชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะถลึงตามองจั่นหลิงจวิน นี่ไอดอลสองคนของเธอเคยเป็นคนรักกันงั้นหรือ

“หลันโม่หรูไม่มีทางทำร้ายเขา วางใจได้” จั่นหลิงจวินไม่อยากพูดอะไรต่อ เพียงขับรถเลี้ยวขึ้นทางด่วนไป

เซียวเซียวยังคงอึ้งงัน ความลับของลูกค้าสำหรับซังอวี๋มันสำคัญมาก ไม่มีทางหลุดออกมาง่ายๆ แต่วันนี้จั่นหลิงจวินทำผิดกฎเพื่อเธอหลายอย่าง ในสายตาของเขา เธอคือคนที่จะไม่ทำร้ายเขาใช่ไหม

ความเข้าใจแบบนี้ทำให้หัวใจของเซียวเซียวคึกคักขึ้นมา เธอจะคาดหวังเล็กๆ ได้ไหมว่าจั่นหลิงจวินคิดกับเธอไม่เหมือนกับคนอื่น

ในขณะที่คนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรนั้นมักจะทำอะไรที่ไร้เหตุผล ตัวอย่างเช่น ถ้าภายในสิบนาทีมีรถสายสองผ่านมา การสัมภาษณ์ก็จะผ่านไปได้ ถ้าพนักงานที่ร้านหยิบหลอดสีเขียวเสียบลงไปในแก้วน้ำปั่นก็จะปล่อยขายหุ้นออกไป…

ในตอนนี้เซียวเซียวก็ทำอะไรไม่ถูก เลยทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้เหมือนกัน เธอแอบบอกตัวเองอยู่ในใจว่าถ้าชนะเลิศการแข่งขันการออกแบบครั้งนี้ก็จะสารภาพความในใจกับจั่นหลิงจวิน

ระหว่างทางเซียวเซียวไม่ได้พูดอะไรอีก จั่นหลิงจวินก็ดูเหมือนไม่อยากจะพูดเช่นกัน เธอจึงแอบมองหน้าด้านข้างของเขา ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องของมู่เจียงเทียน เขาก็จะดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก

เมื่อคิดถึงครั้งที่แล้วที่เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ตรงชั้นสาม มองด้านหลังแล้วคล้ายหลันโม่หรูมาก ตอนนี้เซียวเซียวมั่นใจว่าผู้หญิงที่แอบฟังเพลงแล้วร้องไห้คนนั้นคือหลันโม่หรูตัวจริง มู่เจียงเทียนเกิดเรื่องเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นเขาเป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกแล้ว แต่หลันโม่หรูเป็นเด็กสาวอายุสิบแปดที่เพิ่งจะเข้าวงการ ทำไมทั้งสองคนถึงมาพบเจอกันได้

เซียวเซียวได้แต่สงสัย ไม่ได้คิดจะสืบหาต่อไป ตอนนี้คนหนึ่งตาบอด อีกคนก็ได้แต่ให้เพื่อนแอบอัดเสียงเปียโนของอีกฝ่าย แสดงว่าจบไม่สวย จั่นหลิงจวินพูดกับเธอเรื่องนี้ก็เพราะต้องการเตือนเธอไม่ให้หลุดปากต่อหน้ามู่เจียงเทียนมากกว่า

 

เมื่อกลับถึงบ้านเซียวเซียวก็เขียนความต้องการของหลันโม่หรูลงบนกระดาษ

 

‘สะดุดตา งดงาม และมีประเด็นให้พูดถึง’

 

โดยปกติถ้าต้องการมีประเด็นให้พูดถึงก็ต้องมีรากเหง้าของวัฒนธรรมหรือไม่ก็ต้องแปลกประหลาด

ความแปลกประหลาดสามารถดึงดูดสายตาของคนทั้งโลกได้ชั่วขณะแต่ก็จะกลายเป็นเรื่องตลก ซึ่งไม่ใช่ความต้องการของหลันโม่หรูเป็นแน่ และยิ่งไม่เหมาะกับการแข่งขันนี้ด้วย

ต้องมีประเด็นให้พูดถึง ทั้งยังต้องสวยและมีระดับ จะต้องทุ่มเทในด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้น

ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นโทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นมา เป็นข้อความจากเด็กหนุ่มที่ไม่ได้ข่าวคราวมาสองเดือนแล้วอย่างซย่าเหยียนนั่นเอง

 

หั่วเหยียนเยี่ยน : พี่สาวหน้าบาน ผมมีของขวัญจะมอบให้พี่

 

เจ้าเด็กบ้านี่! ช่างไม่น่ารักเอาซะเลย

เซียวเซียวส่งสติ๊กเกอร์กลอกตามองบนตอบกลับไปแล้วถามว่าของขวัญอะไร

 

หั่วเหยียนเยี่ยน : ผมหาคนที่จ้างหน้าม้าคนนั้นได้แล้ว

 

เอ๋?!

เซียวเซียวลุกขึ้นนั่งยืดตัวตรงทันที แม้ว่าเรื่องนี้จะจัดการไปเรียบร้อยแล้ว แต่คนที่แอบอยู่ในมุมมืดแล้วแทงเธอข้างหลังก็ยังอยู่ อย่างไรก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ

 

เสี่ยวเสี่ยวปู้ : ใคร บอกมาเร็วๆ!

หั่วเหยียนเยี่ยน : นี่เป็นความลับสำคัญที่ผมแฮกเข้าไปในระบบของบริษัทหน้าม้า จะให้พี่ฟรีๆ ไม่ได้หรอกนะ

เซียวเซียวจึงรีบส่งอั่งเปาให้ซย่าเหยียนทันที หน้าซองยังเขียนว่า ‘ยอดใหญ่’

ซย่าเหยียนกดรับเงินแปดสิบแปดหยวนแปดเฟิน

ไม่ถึงร้อยจะเรียกว่า ‘ยอดใหญ่’ ได้อย่างไร แฮกเกอร์ซย่าเหยียนเข้าใจชีวิตดีไซเนอร์จนๆ เพิ่มขึ้นจึงส่งข้อความเสียงมา แสดงความเข้าใจถึงความยากลำบากของประชาชนตาดำๆ ที่หาเช้ากินค่ำ

หลังจากฟังคำประชดประชันของอีกฝ่ายจนเต็มที่แล้ว เซียวเซียวก็ได้รับหมายเลขบัญชีอาลีเพย์

ซย่าเหยียนไม่ได้บอกอะไร แต่เซียวเซียวก็เข้าใจในทันที นี่คงเป็นบัญชีของคนที่ทำธุรกรรมสกปรกกับบริษัทหน้าม้าแน่ๆ

นี่เป็นบัญชีในรูปแบบอีเมล เซียวเซียวไม่แน่ใจจึงใช้โปรแกรมค้นหาดู หน้าจอขึ้นว่า ‘เริ่มทำการค้นหา’ หัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นตามไปด้วย ความจริงกำลังจะปรากฏขึ้น เซียวเซียวรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ในที่สุดก็หาคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้ แต่ก็กลัวว่าค้นหาออกมาแล้วจะเป็นคนที่ทำให้เธอไม่อาจจะยอมรับได้

ในที่สุดผลการค้นหาก็ไปตรงกับบัญชีของคนคนหนึ่งซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนสนิทกับเธอ…

ฉินย่าหนาน?!

ความตื่นเต้นสลายไปในฉับพลัน เหลือเพียงแต่คำว่า ‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!’

เมื่อคิดทบทวนถึงตอนที่เกิดเรื่องขึ้น ฉินย่าหนานยังแสดงสีหน้ากังวลใจและเสนอความคิดกับเธอ เซียวเซียวก็อดที่จะรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาไม่ได้ เพื่อนที่จบจากสถาบันเดียวกันยังคิดจะทำร้ายกันให้ตาย เธอทำอะไรผิดกับฉินย่าหนานหนักหนาเหรอ

 

หั่วเหยียนเยี่ยน : รู้ไหมว่าเป็นใคร

เสี่ยวเสี่ยวปู้ : รู้แล้ว ขอบใจมากนะ ฉันไม่พูดออกไปหรอก

หั่วเหยียนเยี่ยน : พูดก็ไม่เป็นไร ก็บอกว่าพี่จ้างแฮกเกอร์เข้าไปเช็กสิ

เซียวเซียวนึกถึงท่าทางโอ่ๆ ของซย่าเหยียนก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จึงกดโทรออกไปหาเขา เมื่อโทรออกไปแล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เงียบไป ประมาณห้าวินาทีจึงได้ยินเสียงเชื่อมสัญญาณดังขึ้น

“นี่ผมเปิดโรมมิ่งต่างประเทศ ต้องเสียค่าโทรศัพท์เยอะหน่อยนะ” เสียงเด็กหนุ่มลอยมาตามสาย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนอนขี้เกียจอยู่ท่ามกลางแสงแดดช่วงบ่ายๆ

“นี่นายอยู่ที่ไหนอ่ะ” เซียวเซียวผงะไปเล็กน้อย ช่วงหลังที่ซังอวี๋ไม่ได้ยินเรื่องซย่าเหยียนเลย แต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะไปต่างประเทศ

“ผมมาเลือกขาเทียมที่ยุโรป” ซย่าเหยียนพูดอย่างอวดๆ “พี่ว่าผมเลือกขาเบลดรันเนอร์แบบพิสโตริอุส หรือเลือกขาจักรกลที่เปลี่ยนเป็นดาบได้แบบเท่ๆ นั่นดี”

“เอ่อ…” เซียวเซียวไม่รู้ว่าพิสโตริอุสคือใคร เพื่อที่จะตามคำพูดของแฮกเกอร์ผู้ยิ่งใหญ่ให้ทันจึงรีบค้นหา จนได้รู้ว่าเป็นนักกีฬาพาราลิมปิกแชมป์เหรียญทองวิ่งระยะสั้น ใส่ขาเทียมที่เป็นเหล็กรูปตัวเจ “ฉันว่านายควรจะเลือกที่มันดูปกติจะดีกว่า”

ซย่าเหยียนไม่ได้ไปแข่งกีฬาคนพิการที่ไหน จะใส่เหล็กที่ใช้สำหรับวิ่งไปทำไม ส่วนขาจักรกลที่เปลี่ยนรูปแบบได้…

“ขาจักรกลถ้าโดนน้ำจะไฟช็อตไหม” เซียวเซียวอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้

“ฮ่าๆๆๆๆๆ” ซย่าเหยียนหัวเราะจนสะอึกเกือบจะตกจากรถเข็น “พี่เคยเห็นขาจักรกลแช่เท้าเหรอ ฮ่าๆๆๆ หรือทำสปาเท้าดี”

นี่เป็นอีกครั้งที่เซียวเซียวถูกกระแหนะกระแหนอย่างไร้ความเมตตา เธอรู้สึกว่าคุยกับซย่าเหยียนต่อไปไม่ไหวแล้ว ซย่าเหยียนก็พูดเองเออเองอย่างมีความสุข ตอนนี้เขาข้ามผ่านช่วงซึมเศร้าไปแล้ว มีความหวังกับอนาคตข้างหน้ามากขึ้น คุณพ่อของเขาก็รับปากแล้วว่าหลังจากที่เขาใส่ขาเทียมแล้วจะซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้

“รถมอเตอร์ไซค์งั้นเหรอ” เซียวเซียวสงสัยว่าซย่าเหยียนกำลังไข้ขึ้นหรือเปล่าถึงได้พูดเพ้อเจ้อออกมา จะมีคนใส่ขาเทียมที่ไหนขี่รถมอเตอร์ไซค์ แต่ซย่าเหยียนก็มั่นใจว่าตัวเองจะได้เป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์หนึ่งคัน เซียวเซียวจึงไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการดับความหวังเขา เพียงแต่บอกว่ารอให้เขาซื้อรถแล้วอย่าลืมเรียกเธอไปดูด้วย

“มันแน่อยู่แล้ว อย่างผมเนี่ยถือว่าเป็นนกฟีนิกซ์คืนชีพ โดนไฟเผาแล้วเกิดใหม่ไง” ซย่าเหยียนพูดอย่างอวดๆ

นกฟีนิกซ์คืนชีพ

อมตะ?!

พอเซียวเซียวได้ยินคำนี้ก็เกิดความคิดขึ้น ก่อนที่สมองจะวาดเป็นภาพออกมาทันที

ดอกบัวสีแดงท่ามกลางเปลวเพลิง นกฟีนิกซ์ฟื้นคืนชีพ เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมความเชื่อดั้งเดิมของจีน ตรงหน้าเกิดภาพเปลวเพลิงขนาดใหญ่ที่เนินเขากำลังแผดเผาทุกอย่างให้มอดไหม้ นกฟีนิกซ์สีทองทะยานขึ้นจากเปลวเพลิง ส่งเสียงร้องดังสนั่นสะเทือนทั้งฟ้าและดิน หากภาพที่งดงามเช่นนี้ปรากฏอยู่บนกระโปรงยาวจะต้องเป็นภาพที่ดึงดูดสายตาอย่างมาก

“ฉันคิดออกแล้ว!” อยู่ๆ เซียวเซียวก็ร้องตะโกนขึ้นมาโดยไม่ได้สนใจคำถามของซย่าเหยียน จากนั้นก็รีบวางสายแล้วหยิบดินสอขึ้นมาวาดรูปลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว

กระโปรงแดงชายยาวลากพื้นเหมือนกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชน ดอกบัวยื่นออกจากแนวกระดูกสันหลัง ค่อยๆ ใหญ่ขึ้นๆ เมื่อถึงชายกระโปรงก็จะบานออกเต็มที่ ชายกระโปรงที่ทอดตัวยาวคลี่กระจายเต็มพื้น กลีบดอกไม้ก็ล้อมเป็นวงกลม

เซียวเซียวยกรูปสเก็ตช์ขึ้นแล้วยิ้มจนตาหยี ไม่มีอะไรที่น่าดีใจไปกว่ามีความคิดผุดขึ้นมาและจัดการปัญหาที่อึดอัดอยู่ในใจลงได้

จากนั้นเซียวเซียวก็โทรเรียกเหลียงจิ้งเหยาออกมากินข้าวด้วยกันอย่างร่าเริง

“วันนี้ไม่ได้เป็นวันพิเศษ โบนัสก็ไม่ได้ออก แล้วเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่ฉันทำไม” เหลียงจิ้งเหยาเห็นใบหน้าที่สดใสของเซียวเซียวก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วถาม “มีเรื่องดีๆ อะไรหรือเปล่า”

“ก็ถือว่ามีนะ” เซียวเซียวกัดปีกไก่อย่างเอร็ดอร่อย

“ให้ฉันเดานะ จั่นหลิงจวินสารภาพรักกับแกใช่ไหม” เหลียงจิ้งเหยาพูดจบก็คิดทบทวน “เป็นไปไม่ได้ นิสัยเย็นชาแบบนั้นไม่มีทางจะสารภาพรักกับใครได้หรอก”

“นี่!” เซียวเซียวเตะขาอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง “ห้ามพูดถึงคนของฉันแบบนี้นะ”

“โอ้โฮ เขากลายเป็นของแกตั้งแต่เมื่อไหร่” เหลียงจิ้งเหยาทำท่ารังเกียจ “แกก็เหมือนลูกสาว โตแล้วก็เอาใจออกห่าง”

เซียวเซียวหัวเราะแล้วปรับสีหน้าพูดด้วยเสียงจริงจัง “เรื่องดีๆ มีอยู่เรื่องหนึ่ง ฉันรู้แล้วว่าใครจ่ายเงินให้หน้าม้าเขียนโจมตีฉัน…”

“ยายนั่นน่ารังเกียจจริงๆ!” เมื่อเหลียงจิ้งเหยารู้ว่าคนร้ายก็คือฉินย่าหนานก็ทำท่าสะอิดสะเอียนขึ้นมาทันที “เหมือนกับหนูท่อน้ำที่แอบอยู่ในมุมมืด วิ่งออกมาลอบกัดเป็นครั้งคราว คิดแล้วก็รู้สึกสะอิดสะเอียน”

“ฉันแค่ไม่เข้าใจ เราสองคนเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาสองปี ตลอดเวลาก็ไม่มีเรื่องอะไรกัน ก่อนหน้านี้ผลงานของฉันก็ไม่ได้โดดเด่น ต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ” เซียวเซียวขมวดคิ้วเอ่ย

การป่วยครั้งนี้ทำให้เธอเข้าใจอะไรได้ดีขึ้น การออกแบบจึงดูมีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อก่อน การออกแบบในช่วงแรกๆ ก็ดูธรรมดามาก ในซีซั่นที่แล้วชุดที่เธอออกแบบได้รับการคัดเลือกถึงเก้าชุดก็เพราะว่าเธอขยัน เสนอแบบขึ้นไปถึงยี่สิบชุด ส่วนฉินย่าหนานก็ได้รับการคัดเลือกถึงแปดชุด ไม่ได้น้อยไปกว่าเธอสักเท่าไร

“ต้องเป็นเพราะนางแพศยาโจวเชี่ยนเป็นตัวการแน่ๆ” เหลียงจิ้งเหยาย่นจมูก

“โจวเชี่ยนเหรอ” เซียวเซียวขมวดคิ้ว รู้สึกว่าพักนี้โจวเชี่ยนมักจะจิกกัดเธอหลายต่อหลายครั้ง “เออ จริงสิ โจวเชี่ยนเป็นอะไรกับหานตงอวี่”

หานตงอวี่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเซียวเซียว ตอนนั้นพวกเขาอยู่เอกเดียวกันก็จริงแต่มหาวิทยาลัยก็ใหญ่มาก และเซียวเซียวต้องออกไปทำวิจัยนอกสถานที่ เธอจึงให้เบอร์โทรศัพท์ของเหลียงจิ้งเหยาไว้เป็นเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน ถ้าหานตงอวี่ติดต่อเซียวเซียวไม่ได้ก็ให้ติดต่อเหลียงจิ้งเหยา นอกจากนี้แล้วเซียวเซียวก็ไม่เคยให้เบอร์คนอื่นกับเขาอีก

“แกลืมไปแล้วเหรอ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยสองคนนั่นอยู่ชมรมเดียวกัน” เหลียงจิ้งเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา “โจวเชี่ยนเป็นศัตรูกับแกมาตลอด มีแต่แกที่โง่มองไม่ออก”

“หา?! ทำไมแกไม่บอกฉัน” เซียวเซียวอึ้งไป เธอมองไม่ออกจริงๆ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยโจวเชี่ยนก็อยู่หอพักถัดจากเธอไป ว่างๆ ก็มานั่งเล่นที่ห้อง ไปมาหาสู่กันไม่กี่ครั้งก็สนิทกันแล้ว เธอจึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าโจวเชี่ยนเห็นเธอเป็นศัตรู

“แกถามใจแกให้ดีๆ ว่าฉันเคยพูดหรือเปล่า” เหลียงจิ้งเหยาเบะปาก “พูดแล้วแกก็ไม่สนใจ ยังทำดีกับแม่นั่นอีก จะให้ฉันพูดทุกวันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ มันจะเหมือนเป็นคนที่สร้างความร้าวฉานยังไงยังงั้น”

เหลียงจิ้งเหยาเป็นคนที่เปิดเผยแถมยังร่ำรวยอีกต่างหาก เพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัยหลายคนอยากจะสนิทสนมกับเธอ รวมทั้งโจวเชี่ยนด้วย โจวเชี่ยนเคยว่าร้ายเซียวเซียวให้เธอฟัง แต่โดนเธอด่าไปชุดใหญ่ถึงเงียบลงได้ ทว่าความเป็นอริกับเซียวเซียวก็ไม่ได้ลดลงเลย

พวกผู้หญิงมักจะนินทาว่าร้ายกันเป็นเรื่องปกติ ตอนแรกเซียวเซียวก็ฟังเข้าหูบ้าง รู้สึกว่าเป็นเรื่องเล็กๆ จึงไม่ได้สนใจอะไร

“ฉันผิดไปแล้ว” เซียวเซียวรีบยอมรับผิดกับเพื่อนรัก “แต่ฉันไปทำอะไรให้โจวเชี่ยนโกรธตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง อาจเพราะแม่นั่นชอบหานตงอวี่ก็เลยอิจฉาแกล่ะมั้ง” เหลียงจิ้งเหยาพูดจบก็หัวเราะเสียงดังราวกับตัวเองพูดเรื่องที่น่าตลกมาก

“ฮ่าๆๆๆ จะเป็นไปได้ยังไง” เซียวเซียวอดหัวเราะตามไม่ได้

หานตงอวี่เป็นผู้ชายผอมตัวไม่ใหญ่ แต่โจวเชี่ยนเป็นผู้หญิงสูงใหญ่ ถ้าทั้งสองคนยืนด้วยกันก็เหมือนกับการแสดงละครชวนหัว* ยังไม่เริ่มพูดก็เรียกเสียงหัวเราะได้แล้ว

“อ้อ พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ ผู้ชายที่ยืนอยู่ใต้ตึกตะโกนเรียกชื่อโจวเชี่ยนไปไหนแล้วล่ะ” เซียวเซียวทำท่าอยากจะนินทาขึ้นมา ตอนปีสองมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ใต้ตึกกลางดึกตะโกนเสียงดังว่า ‘โจวเชี่ยน ผมชอบคุณ’ จากนั้นเรื่องก็เลือนหายไป มีคนลือกันว่าโจวเชี่ยนคบกับผู้ชายคนนั้น แต่โจวเชี่ยนก็ไม่เคยยอมรับ

“ฉันก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เดี๋ยวฉันจะลองกลับไปถามดู” เหลียงจิ้งเหยายกมือลูบที่ปลายคางของตนเอง “แกลองคิดดูก่อนสิว่าเคยทำอะไรให้แม่นั่นโกรธไหม”

“ฉันไม่รู้จริงๆ” เซียวเซียวสับสนไปหมด ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนกัน ถ้าจะมีเรื่องกันก็เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างยืมสบู่แล้วไม่ได้คืน แต่ถึงขนาดต้องเกลียดกันเลยเหรอ

 

พริบตาเดียวก็ถึงการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ดีไซเนอร์ที่เข้ารอบทั้งสิบคนเข้าไปพักอาศัยอยู่ในรีสอร์ต การถ่ายทำกินระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ โดยในช่วงเวลานี้จะต้องตัดชุดราตรีออกมาให้สำเร็จ

รีสอร์ตแห่งนี้อยู่ชานเมืองค่อนข้างไกล ทางรายการกลับไม่อำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้

เหลียงจิ้งเหยาไปทำงานต่างเมือง จึงได้แต่ไหว้วานให้ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองดูแลเซียวเซียว

เซียวเซียวยกกระเป๋าเดินทางลงมาชั้นล่าง ก็มองเห็นจั่นหลิงจวินเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ายืนข้างๆ รถที่จอดอยู่ข้างประตู เขาไม่ได้ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์หรือยืนพิงประตูรถเท่ๆ เพียงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ สายตามองไปที่เด็กๆ ซึ่งกำลังเล่นกันอยู่บนสนามหญ้านิ่งๆ พอได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันกลับมามองอย่างช้าๆ สายตาพลันประสานกับเซียวเซียวพอดี

ช่างเหมือนกับฉากที่ชายหนุ่มมารับแฟนสาว

ลมหายใจของเซียวเซียวชะงักไปครู่หนึ่ง ความรู้สึกที่เรียกว่าความสุขพลันบังเกิดขึ้น ถ้าผู้ชายคนนี้เป็นของเธอมันจะดีแค่ไหน…

จั่นหลิงจวินเห็นเซียวเซียวยืนนิ่งไม่ขยับจึงเดินเข้ามายกกระเป๋าเดินทางของเธอ

“ไม่ต้องค่ะ ฉันถือเองได้” เซียวเซียวรีบเข้าไปแย่งกระเป๋า จั่นหลิงจวินไม่ใช่แฟนเธอและก็ไม่ใช่คนขับรถที่จ้างมา จะให้เขาทำแบบนี้ได้อย่างไร

แต่ว่าถ้าเป็นช่วงที่จีบกันอยู่ก็แล้วไป ผู้ชายจะต้องช่วยผู้หญิงถือกระเป๋าขึ้นรถเพื่อใช้โอกาสนี้ในการแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ

จั่นหลิงจวินกลับแย่งกระเป๋าเดินทางมาได้อย่างง่ายๆ ก่อนถือกระเป๋าเดินทางของเธอลงบันไดหน้าตึกแล้ววางลง จากนั้นก็เดินไปสตาร์ตรถ

“…” เซียวเซียวพูดอะไรไม่ออก หัวใจของสาวน้อยที่เพิ่งลอยขึ้นฟ้าแตกโพละเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สุภาพบุรุษที่ดีย่อมต้องช่วยสุภาพสตรีถือของหนัก ก็เพียงเท่านี้ ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งอย่างที่คิด

เซียวเซียวได้แต่ยอมรับชะตากรรมของตัวเอง เธอลากกระเป๋าเดินทางไปที่รถ จั่นหลิงจวินเปิดท้ายรถไว้เรียบร้อยแล้วก็หันกลับมาช่วยเธอยกกระเป๋าวางเข้าไป

“รบกวนคุณแล้วนะคะ วันนี้ถือเป็นนัดบริการนอกสถานที่ เมื่อวานฉันบอกกับเถียนเถียนไว้เรียบร้อยแล้ว” เซียวเซียวขึ้นไปนั่งทางฝั่งผู้โดยสารพร้อมกับกล่าวขอบคุณจั่นหลิงจวิน

“อืม” จั่นหลิงจวินตอบรับแบบไม่รู้ว่ายอมรับหรือปฏิเสธแล้วเหยียบคันเร่ง “เหยาเหยาไปทำงานนอกสถานที่ครึ่งเดือน การแข่งขันจบแล้วก็ต้องให้ผมมารับ อย่าลืมโทรนัดล่วงหน้าล่ะ”

“แต่ว่านัดบริการนอกสถานที่เดือนนี้ของฉันใช้หมดแล้ว” เซียวเซียวขมวดคิ้วอย่างกลัดกลุ้ม เพราะเดือนนี้บริษัทได้จัดตรวจร่างกายขึ้น แล้วก็ต้องเจาะเลือด เซียวเซียวจึงนัดบริการนอกสถานที่ไปแล้วอีกครั้ง

จั่นหลิงจวินเหลือบมองเธอเล็กน้อย “ไม่ได้บอกให้คุณนัดนักบำบัด ให้คุณนัดพี่ชายของเพื่อนรัก”

เซียวเซียวอึ้งงันไปกับคำตอบนั้น เมื่อคิดได้มุมปากก็ค่อยๆ แย้มยิ้มบางออกมา เธอนี่โง่จริงๆ เหลียงจิ้งเหยาก็ไหว้วานพี่ชายให้จัดการอยู่แล้ว ต่อให้จั่นหลิงจวินไม่ใช่นักบำบัดของเธอ อีกฝ่ายก็ต้องขอร้องให้เขามารับเธอ นี่เธอเกรงใจมากเกินไปสินะ

“งั้นวันที่ยี่สิบแปดมารับฉันด้วยนะคะ”

“อืม” จั่นหลิงจวินตอบรับอย่างพอใจ

เซียวเซียวหันไปมองเขาแล้วอดที่จะยิ้มออกมาอีกไม่ได้ “ขอบคุณพี่หลิงจวิน”

ใบหูของจั่นหลิงจวินเหมือนกับจะสั่นไหวน้อยๆ “เมื่อกี้เรียกว่าอะไรนะ”

“คุณเป็นพี่ชายของเหยาเหยา ฉันก็ต้องเรียกตามเหยาเหยาสิ” เซียวเซียวพูดอย่างได้คืบจะเอาศอก

จั่นหลิงจวินไม่ได้สนใจอะไรอีก ถือเป็นการยอมรับการเรียกเช่นนี้

รถเก๋งสีเงินจอดอย่างนิ่มๆ ที่หน้าประตูรีสอร์ต มีดีไซเนอร์หลายคนมาถึงแล้ว โจวเชี่ยนขับรถมาส่งฉินย่าหนาน ทั้งสองคนยืนกินเครปอยู่ใต้ต้นไม้

“ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนของแม่นั่นจริงๆ เหรอ” โจวเชี่ยนจ้องไปยังชายหนุ่มที่กำลังช่วยเซียวเซียวยกกระเป๋า ตอนที่เจอกันวันนั้นเธอก็เห็นแล้ว แต่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไร ชายหนุ่มที่ดูดีขนาดนี้ ทำไมถึงได้ชอบผู้หญิงที่หน้าบวมแล้วก็ป่วยอย่างเซียวเซียวได้

“ไม่รู้สิ แต่แม่นั่นไม่ได้ยอมรับสักหน่อย น่าจะยังไม่ได้คบกันจริงจังมั้ง” ฉินย่าหนานตอบพร้อมกับกินเครปในมือไปด้วย ตั้งแต่เธอได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ เธอก็ไม่เห็นเซียวเซียวอยู่ในสายตา ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าตัวเธอเก่งกว่าเซียวเซียว ขอเพียงได้เป็นแชมป์ในรอบชิงชนะเลิศ ต่อไปเซียวเซียวอยู่ในบริษัทก็ต้องคอยมองสีหน้าเธอแล้ว

โจวเชี่ยนมองใบหน้าหล่อๆ ด้านข้างของจั่นหลิงจวินแล้วครุ่นคิด

รอจนกระทั่งทางทีมงานมารับดีไซเนอร์เข้าไป คนที่มาส่งจึงค่อยๆ ทยอยกลับไป

โจวเชี่ยนนั่งอยู่บนรถจ้องมองไปยังรถของจั่นหลิงจวิน รอจนกระทั่งจั่นหลิงจวินสตาร์ตรถ เธอถึงได้ปลดเบรกมือแล้วค่อยๆ ขับตามไป

 

(ติดตามต่อในเล่ม)

หน้าที่แล้ว1 of 21

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: