เมื่อเปิดโทรศัพท์หน้าจอยังเป็นหน้าที่คุยกับจั่นหลิงจวินค้างไว้ คิดถึงตอนที่เขาให้เอาบันทึกผู้ป่วยไปด้วย ทบทวนดูแล้ววันนี้เธอเองก็ไม่มีธุระอะไรพิเศษ และที่บริษัทก็มีบันทึกผู้ป่วยที่ถ่ายเอกสารเก็บไว้เพื่อส่งให้บริษัทประกันอยู่ชุดหนึ่ง เธอจึงนำสำเนาชุดนี้ขึ้นมาแล้วโทรศัพท์ไปที่ซังอวี๋
เสียงหวานๆ อ่อนโยนดังขึ้นมาตามสาย “ซังอวี๋สวัสดีค่ะ วันนี้มีอะไรให้เราบริการคะ”
ในฐานะที่เป็นสโมสรชั้นสูงซึ่งให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของลูกค้าเป็นอย่างมาก จึงไม่อาจหาข้อมูลอะไรทางอินเตอร์เน็ตได้ ต่อโทรศัพท์ไปหาก็จะไม่ได้ยินคำพูดที่อ่อนไหวเช่น ‘บำบัด’ ‘ฟื้นฟูสุขภาพ’ จึงเรียกแค่ว่า ‘ซังอวี๋’ เท่านั้น ฟังแล้วก็ไม่ได้แตกต่างจากสถานเสริมความงามแต่อย่างใด
“ฉันเซียวเซียวนะคะ ฉันอยากจะขอนัดหมายวันนี้ตอนทุ่มนึง” เซียวเซียวชอบบทสนทนาแบบนี้มาก น้ำเสียงของเธอจึงผ่อนคลายมากขึ้น
“นัดคุณหมอจั่นใช่ไหมคะ” เถียนเถียนตรวจสอบข้อมูลลูกค้าทันที “ทุ่มนึงนะคะ ได้ค่ะ นัดหมายให้เรียบร้อยแล้ว มาตามเวลานัดได้เลยนะคะ”
“โอเค ขอบคุณค่ะ” เซียวเซียววางสายอย่างพอใจพลางคิดว่าเงินนี้ไม่ได้ใช้โดยเปล่าประโยชน์ บริการก็สุดยอดจริงๆ
เมื่อคิดว่าคืนนี้ก็จะได้เจอหน้าหล่อๆ ของจั่นหลิงจวิน หัวใจก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที แม้จะทำได้เพียงมองดอกไม้งามที่อยู่บนหน้าผาสูงไกลๆ ไม่อาจจะเข้าไปสัมผัสใกล้ๆ แต่การได้มองก็ทำให้รู้สึกสุขใจแล้ว
คนที่รู้สึกแตกต่างจากเซียวเซียวหน้ามือเป็นหลังมือในตอนนี้ก็คือผู้อำนวยการหลัวอวี้ที่อยู่ท่ามกลางทะเลเดือด
“ฟางเซี่ยงเฉียนเป็นคนที่คุณแนะนำมาเอง ผมเชื่อสายตาคุณมาโดยตลอด แต่คุณดูสิ สิ่งที่เธอทำมันคืออะไร นี่ทำให้ผมชักจะสงสัยความสามารถของคุณแล้วนะ” โจวไท่หรานพูดด้วยสีหน้าเย็นชา ดวงตารูปเมล็ดท้อที่มักจะมีรอยยิ้มตลอดเวลาตอนนี้ไม่เหลือเลยสักนิด “ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ถ้าการออกแบบของซีซั่นหน้ายังทำให้อเดอลีนพอใจไม่ได้ หรือผมได้รับจดหมายฟ้องแบบนี้อีก ก็ให้แม่นั่นไสหัวไปซะ ผมลงทุนกับเสื้อผ้าสำเร็จรูปไปมากที่สุด ถ้าทำเสียเรื่อง สิ้นปีก็กินลมแทนข้าวแล้วกัน!”
“ครับ…” หลัวอวี้ที่อยู่ในชุดสูทสีเทาเงินก้มหน้ามองโต๊ะทำงานด้านหน้า ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันใด การที่ต้องโดนคนซึ่งอายุเพียงสามสิบสองและอ่อนกว่าเขาถึงหกปีอย่างโจวไท่หรานสั่งสอนอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
เมื่อออกจากห้องทำงานของประธานกรรมการผู้บริหาร ความโกรธของหลัวอวี้ก็พุ่งทะยานขึ้นถึงขีดสุด บริษัทแอลวายมีผู้อำนวยการฝ่ายสามคน ประธานกรรมการผู้บริหารหนึ่งคน รองประธานอีกหนึ่งคน รองประธานคนเก่าลาออกไปทำงานที่อื่น ตำแหน่งนี้จึงว่างลง เขาเลยดึงตัวฟางเซี่ยงเฉียนมาทำงานที่นี่เพื่อต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งในการควบคุมบริษัท จะได้มีแต้มต่อในการชิงตำแหน่งรองประธาน แต่วันนี้นอกจากฟางเซี่ยงเฉียนจะไม่มีผลงานให้กับเขาแล้วกลับยังเป็นภาระของเขาอีก นี่จึงทำให้เขาโกรธจนแทบคลั่ง