Jamsai
ทดลองอ่าน Perfect Guy ผู้ชายคนนี้ฉันดีไซน์เอง บทที่ 5 – บทที่ 6
“โอนผิดเหรอ เป็นไปไม่ได้นะ ฉันตรวจดูตั้งสองรอบ” เมื่อเจ้าหน้าที่การเงินได้ยินคำพูดของเซียวเซียวก็ตกใจมากเช่นกัน รีบหยิบตารางเงินเดือนมาเทียบ หลังจากดูเรียบร้อยแล้วจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
เจ้าหน้าที่การเงินพับตารางเงินเดือนให้แสดงเฉพาะส่วนของเซียวเซียวพร้อมกับชี้ให้ดู
“เงินเดือนหลังหักภาษีก็แปดพันหกร้อยสามสิบห้าหยวน โบนัสครึ่งปีสองพันหยวน คุณดูให้ชัดๆ นะ” เจ้าหน้าที่การเงินที่ถูกกล่าวหาว่าโอนเงินเดือนผิดพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจหลังอ่านตัวเลขออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา
“ขอโทษนะนาน่า ฉันร้อนใจไปหน่อย” เซียวเซียวหยิบตารางเงินเดือนมาดูอย่างละเอียดแล้วกล่าวขอโทษเจ้าหน้าที่การเงิน “โบนัสครึ่งปีของฉันทำไมมันต่ำอย่างนี้”
เมื่อได้ยินเซียวเซียวพูดออกมาเช่นนี้ สีหน้าของเจ้าหน้าที่การเงินก็ดีขึ้นมาบ้าง มองเธอด้วยสายตาเข้าใจความรู้สึก “นี่เป็นวิธีการคิดคำนวณแบบใหม่ ถ้าการประเมินคุณได้แค่ซีก็จะได้โบนัสแค่นี้แหละ แล้วเงินเดือนครึ่งปีหลังก็จะต้องถูกปรับลดลงด้วย”
เมื่อในการประเมินเซียวเซียวได้ระดับซี เงินโบนัสครึ่งปีจึงเหลือแค่สองพันหยวนเหมือนเป็นเงินที่ใช้ไล่ขอทาน มองดูคอมพิวเตอร์ซึ่งมีชุดที่ออกแบบให้กับซังอวี๋ เธอก็พลันหมดแรงกับสิ่งที่ทุ่มเทลงไป ถ้าไม่มีเงินโบนัสครึ่งปี เธอได้บัตรวีไอพีใบนั้นมาจะมีประโยชน์อะไร
“อย่าเศร้าใจเลย ฉันก็ได้ซีเหมือนกัน” หยางเซี่ยวตบไหล่เซียวเซียวเบาๆ พลางฝืนยิ้มที่ดูแย่กว่าร้องไห้ออกมาเสียอีก
“ทำไมนายถึงได้ซีล่ะ” เซียวเซียวขมวดคิ้ว
“ตอนที่พูดกับหัวหน้าเธอก็บอกไว้อยู่แล้วว่าความสามารถในการสื่อสารของฉันแย่มาก มนุษยสัมพันธ์ก็ไม่ดี ถ้ามีเพื่อนร่วมงานให้ซีสองคนขึ้นไป นั่นก็แปลว่าฉันได้ซี” หยางเซี่ยวก้มหน้าลงวาดเส้นโค้งลงบนกระดาษแข็งอย่างช้าๆ “พวกเขาเอาแบบดีไซน์มาให้ฉัน ตัวเลขมักจะผิดอยู่เสมอ บางครั้งฉันก็อดบ่นไม่ได้ คงไม่ชอบใจหาว่าฉันเรื่องมากมั้ง”
เซียวเซียวคิดถึงแบบประเมินความสัมพันธ์กับคนในแผนกที่ทุกคนต้องกรอกเมื่อเดือนที่แล้ว ยังคิดว่าเขียนไปเล่นๆ ไม่คิดว่าจะเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ด้วย ตอนนั้นเธอให้เอกับทุกคน คิดไม่ถึงว่าจะมีคนให้ซีกับหยางเซี่ยวมากกว่าหนึ่งคน คนในห้องออกแบบที่ดูสรวลเสเฮฮากันดี ทว่าตอนนี้ในสายตาของเซียวเซียวก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่ท่ามกลางอสูรร้าย
เซียวเซียวกำสลิปเงินเดือนที่ถ่ายสำเนามาจากแผนกการเงินไว้แน่น เธอไม่ยอมปล่อยให้เป็นแบบนี้แน่
เซียวเซียวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตรงหน้าฟางเซี่ยงเฉียน “แผนกการเงินบอกว่าผลประเมินของฉันได้ซี นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“โอ้! งั้นเหรอ” ฟางเซี่ยงเฉียนร้องอย่างตกใจ “ไม่น่าจะเป็นไปได้ ฉันให้เธอเอเลยนะ อาจจะเป็นเพราะผลการประเมินจากผู้บริหารล่ะมั้ง”
เซียวเซียวไม่เคยคิดจะเชื่อคำพูดโง่ๆ ของอีกฝ่าย “รายงานฉบับนั้นคุณให้ผู้อำนวยการดูหรือยัง”
เมื่อได้ยินเซียวเซียวถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องเช่นนี้ สีหน้าของฟางเซี่ยงเฉียนก็เปลี่ยนไปในทันที เธอหยิบรายงานที่ทิ้งไว้ในลิ้นชักออกมาแล้วโยนลงไปบนโต๊ะ “รายงานหลอกๆ จากเว็บไซต์พวกนี้จะเอาไปให้ผู้อำนวยการดูได้ยังไง เธอไม่รู้จักอายแต่ฉันหน้าไม่หนาพอ เงินโบนัสครึ่งปีน้อยก็ต้องรู้จักทบทวนตัวเองให้ดีๆ ว่าครึ่งปีที่ผ่านมาทำงานเป็นยังไงบ้าง คราวที่แล้วที่คุยกันฉันก็เคยบอกไว้แล้วใช่ไหม อย่าคิดแต่เรื่องความผิดพลาดของคนอื่น ให้คิดว่าตัวเองทำดีพอแล้วหรือยัง!”
เซียวเซียวจับรายงานที่แม้แต่ซองก็ยังไม่ถูกเปิดออกดูไว้แน่น มือเกร็งจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมา รู้สึกเหมือนมีเลือดร้อนๆ พุ่งจากเท้าขึ้นมาถึงศีรษะ ก่อนจะคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะสาดไปที่หน้าของฟางเซี่ยงเฉียน
สีหน้าที่ยิ้มเยาะเย้ยของฟางเซี่ยงเฉียนพลันเปลี่ยนเป็นตกตะลึง อ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง น้ำอุ่นๆ ไหลลงมาตามใบหน้าของเธอ ทั้งยังพาเครื่องสำอางบางส่วนลงมาด้วย และหยดลงบนพื้นเสียงดังเปาะแปะๆ
ห้องเงียบจนน่ากลัว ทุกคนเหมือนกับถูกสะกดให้นิ่งไว้ ต่างปากอ้าตาค้างกับภาพที่เห็น
“อย่าคิดว่าคุณมีอำนาจนิดๆ หน่อยๆ แล้วจะยิ่งใหญ่อะไร ฉันไม่ยอมหรอกนะ!” เซียวเซียววางแก้วกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงและลากเก้าอี้ไปขวางทางเดินตรงกลาง ก่อนจะหยิบรายงานฉบับนั้นแล้วเดินออกไปทันที
“กรี๊ด!” ในที่สุดฟางเซี่ยงเฉียนก็ตั้งสติได้ เธอกรีดร้องเสียงดังพร้อมกับลุกขึ้น ตั้งใจจะตามไปแต่มีเก้าอี้ขวางทางไว้อยู่ เมื่อเธอดึงเก้าอี้ออกได้ก็ไม่รู้ว่าเซียวเซียวไปทางไหนเสียแล้ว
เซียวเซียวไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่นิดเดียวที่ระเบิดใส่ฟางเซี่ยงเฉียน ทว่ากลับรู้สึกสะใจเป็นที่สุด
สนามหญ้าด้านหน้าของบริษัทแอลวายมีเก้าอี้ไม้ที่ทำไว้อย่างงดงาม เซียวเซียวหาที่นั่งใต้ร่มไม้แล้วโทรศัพท์หาเหลียงจิ้งเหยา
“เมื่อกี้ฉันทำเรื่องยิ่งใหญ่มาก” เซียวเซียวมีความรู้สึกเหมือนไก่ชนที่เพิ่งได้ชัยชนะมา เธอยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “ฉันสาดน้ำใส่หน้าฟางเซี่ยงเฉียน”
“ว้าว…ทำได้ดีมาก” เหลียงจิ้งเหยาน่าจะอยู่ในออฟฟิศจึงร้องออกมาเสียงเบา ก่อนจะรีบเดินออกมานอกห้องแล้วพูดเสียงดังขึ้น “ใช้ได้เลยนะเนี่ย แต่อยู่ๆ ทำไมถึงกล้าขึ้นมาได้ล่ะ”
ครึ่งปีมานี้ฟางเซี่ยงเฉียนเหมือนจงใจจะกลั่นแกล้งเซียวเซียว เธอต้องทนรับอะไรมาไม่น้อย เหลียงจิ้งเหยาบอกให้เธอไม่ต้องสนใจ อยากจะทำอะไรก็ทำ และในที่สุดคนหน้าบางอย่างเซียวเซียวก็ก้าวข้ามผ่านมาได้เสียที
“ฉันทนมาพอแล้ว ตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญ ชีวิตฉันสำคัญที่สุด ความสะใจมาเป็นอันดับหนึ่ง ตอนนี้พอมาคิดๆ ดู ฉันควรจะทำอย่างนี้ตั้งนานแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องกดดันจนป่วย” ยามนี้เองเซียวเซียวก็มองเห็นฉินย่าหนานเดินออกมาจากประตูบริษัท สีหน้าดูคล้ำเล็กน้อย “ฉินย่าหนานออกมาตามฉันแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกทีนะ”
“ได้ๆ แกก็ระวังนังหมาลอบกัดหน่อยนะ ตอนที่เรียนด้วยกันฉันก็รู้สึกว่านังนั่นไม่ใช่คนดี” เหลียงจิ้งเหยาพูดต่ออีกประโยคแล้วก็วางสายไป
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของเพื่อนรัก เซียวเซียวเกือบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ตั้งแต่คราวที่แล้วที่เธอเล่าเรื่องฉินย่าหนานขโมยความคิดของเธอไป เหลียงจิ้งเหยาก็ทำตัวเป็นจูเก่อเลี่ยงหลังเกิดเรื่อง ขุดเรื่องที่ฉินย่าหนานทำไว้สมัยเรียนด้วยกันเพื่อยืนยันว่าฉินย่าหนานไม่ใช่คนดีอะไร
“เซียวเซียว ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ฉินย่าหนานวิ่งเข้ามาถามอย่างใส่ใจพลางขมวดคิ้วมองหน้าเซียวเซียว
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 6 พ.ย. 62)