เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง คนในแผนกเสื้อผ้าสำเร็จรูปก็เดินพูดคุยกันออกมา
“ย่าหนานใช้ได้นะเนี่ย สามารถตีโจทย์ได้แตกขนาดนี้” จ้าวเหอผิงพูดพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาให้เธอ
ฉินย่าหนานยิ้มกริ่มรับ
หยางเซี่ยวช่างทำแพตเทิร์นที่อัดอั้นจนหน้าแดงแล้วพูดออกมาอย่างทนฟังต่อไปไม่ได้ว่า “วันนั้นฉันได้ยินอยู่ชัดๆ ว่ามันเป็นความคิดของเซียวเซียว”
จ้าวเหอผิงอึ้งไปก่อนจะหันกลับไปมองเซียวเซียว
“โอ๊ย นั่นมันพวกฉันสองคนคิดด้วยกันหรอก” ฉินย่าหนานถูกไล่ต้อนจนมุมแต่ก็ไม่ได้ร้อนรน ตรงเข้าไปคล้องแขนเซียวเซียวพลางกล่าวต่อ “เมื่อกี้ฉันตื่นเต้นไปหน่อยเลยลืมพูดถึงแกน่ะ แกไม่โกรธฉันใช่ไหม คืนนี้ฉันเลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษดีไหม”
“คิดด้วยกัน ใครจะพูดออกมาก็เหมือนกัน” ทุกคนมองสถานการณ์ในตอนนี้แล้วก็พยายามช่วยประนีประนอม อย่างไรเสียฉินย่าหนานกับเซียวเซียวก็เป็นเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกัน ความสัมพันธ์ต้องไม่ธรรมดา
เซียวเซียวมองฉินย่าหนานที่เสแสร้งด้วยสายตาเย็นชา เธอไม่อยากจะขายหน้าจึงไม่ต้องการทะเลาะกันตรงนี้ ถ้าฉินย่าหนานยอมรับว่าเอาความคิดของเธอไปพูดก็จะให้แล้วๆ กันไป เพราะเรื่องนี้เธอเองก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบ พูดออกมาต่อหน้าคนอื่นโดยไม่คิดจะปิดบังอะไร จึงเป็นโอกาสให้คนอื่นนำเอาไปใช้ได้ แต่คำพูดที่ว่า ‘คิดด้วยกัน’ นี่มันเกินจะรับได้จริงๆ
เซียวเซียวค่อยๆ ดึงแขนตัวเองออกมา เมื่อก่อนเธอไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนักเพราะมีภาพลักษณ์ของสาวสวยค้ำคอเอาไว้ ทว่าตอนนี้ไม่ต้องสนใจแล้ว “คิดด้วยกันเหรอ แกก็กล้าพูดออกมานะฉินย่าหนาน ฉันเพิ่งรู้ว่าหน้าแกหนากว่าที่คิดไว้ซะอีก”
สีหน้าของฉินย่าหนานเขียวสลับกับซีดเผือด คอแข็งพูดด้วยเสียงกร้าวทันที “ทำไมจะไม่ใช่ช่วยกันคิด ก็ฉันเป็นคนอธิบายพาวเวอร์พ้อยต์ให้แกฟังนะ เราสองคนถกกันตั้งนานถึงได้ข้อสรุปออกมา” เธอตัวค่อนข้างเตี้ยและอวบ พูดออกมาเสียงดังเหมือนประทัด สิ่งที่พูดออกมานี้จึงได้ยินกันทั้งชั้น
เซียวเซียวมองฉินย่าหนานที่ยืนเท้าเอวตั้งท่าพร้อมจะทะเลาะ รู้สึกว่าถ้าทะเลาะกันต่อไปก็เหมือนลดตัวลงไป เธอขายหน้าตรงนี้ไม่ได้ แต่ถ้าหันหลังกลับตอนนี้ก็จะดูเหมือนกลัวฉินย่าหนาน ดังนั้นจึงเลียนแบบสายตาไม่แคร์โลกของจั่นหลิงจวินเหลือบตามองบนอย่างสวยๆ หัวเราะพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วหมุนตัวกลับไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
คนหนึ่งที่มั่นใจในตัวเองกับอีกคนที่กินปูนร้อนท้อง มองดูก็รู้ได้ทันทีว่าใครผิดใครถูก เพื่อนๆ ดีไซเนอร์ด้วยกันไม่กล้าพูดอะไรอีก ต่างพากันหาข้ออ้างเดินจากไป ปล่อยให้ฉินย่าหนานยืนกระทืบเท้าอยู่ตรงนั้นคนเดียว
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เซียวเซียวก็เก็บของและงานทุกอย่างบนโต๊ะใส่ลิ้นชักแล้วล็อก รหัสผ่านคอมพิวเตอร์ก็เปลี่ยนให้ซับซ้อนขึ้น ไม่ได้สนใจฉินย่าหนานที่ตาแดงๆ ราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม เธอนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปที่ถนนตงอวี๋
รถไฟฟ้าใต้ดินตอนบ่ายสามโมงครึ่งโล่งว่าง ถึงตอนนี้เซียวเซียวจึงได้ผ่อนคลายใบหน้าที่เย็นชานั้นลง ดันโหนกแก้มที่พองลมจนเหมือนปลาปักเป้าอย่างเบามือ
ฉินย่าหนานเป็นเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันมา ทั้งสองเข้ามาในบริษัทนี้ด้วยกัน ช่วยกันเตือนเวลานัดสัมภาษณ์ ช่วยเหลือกันจนผ่านช่วงเวลาอบรมไปได้ สำหรับเซียวเซียวแล้วฉินย่าหนานไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น แต่ไม่คิดว่าใจคนจะเปลี่ยนได้ง่ายดายเช่นนี้
หลังปลงกับชีวิตเรียบร้อยแล้วเธอก็ก้มหน้าส่งข้อความให้จั่นหลิงจวิน