‘ครูแซ่หลิว เป็นครูประจำชั้นของเธอนะ ตอนนี้ครูจะพาเธอไปที่ห้องเรียน เพื่อนนักเรียนใหม่เป็นกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องห่วง’
ชีอิ้งถอนใจอย่างโล่งอกแล้วจึงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
ห้องเรียนของชั้นมัธยมปลายปีสองห้องสองตั้งอยู่ปลายสุดของระเบียง กริ่งเข้าเรียนครั้งแรกของภาคเรียนใหม่ดังขึ้นแล้ว หลิวชิ่งหวาผลักประตูเข้าไป ชั้นเรียนที่วุ่นวายพลันเงียบสงบลง ดวงตาหลายสิบคู่มองมาทางเงาร่างผอมที่อยู่ด้านข้างเธอโดยพร้อมเพรียง
ชีอิ้งหลบอยู่หลังหลิวชิ่งหวาโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลิวชิ่งหวารู้สึกได้ถึงความกลัวของเด็กสาวจึงกุมมือเธอแล้วตบเบาๆ พาเดินมายืนบนแท่นบรรยาย “นี่คือนักเรียนชีอิ้งที่ครูเคยบอกกับพวกเธอไว้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปชีอิ้งคือส่วนหนึ่งของห้องสองของเรา ชีอิ้งมีความพิเศษบางอย่าง ทุกคนต้องช่วยเหลือเธอให้มากๆ และเป็นเพื่อนกับเธอนะ มา! เราปรบมือต้อนรับเธอกันสักหน่อย”
เสียงฝ่ามือแปะๆ ดังขึ้นในชั้นเรียน
ชีอิ้งมองดูการปรบมืออย่างเป็นระเบียบพร้อมเพรียงกันของเหล่านักเรียน แม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่ก็รับรู้ว่านี่เป็นการกระทำเพื่อต้อนรับเธอ ใบหน้าและริมฝีปากที่ซีดขาวด้วยความตื่นเต้นค่อยๆ คลี่เป็นรอยยิ้มออกมา
เพื่อนนักเรียนในห้องสองยิ่งปรบมืออย่างแข็งขันกว่าเดิม
เพื่อนคนใหม่ที่นั่งติดกันกับชีอิ้งเป็นนักเรียนหญิงรูปร่างอวบ ใบหน้าดูเด็ก และมีลักยิ้มเล็กๆ ชื่อเยวี่ยหลี อีกฝ่ายจ้องมองชีอิ้งด้วยดวงตากลมแวววาว รอให้ชีอิ้งนั่งลงก็ยื่นมือออกมาแสดงความเป็นเพื่อนทันที
ชีอิ้งจับมือกับอีกฝ่าย เยวี่ยหลีอาศัยช่วงที่หลิวชิ่งหวากำลังพูดเรื่องเปิดเทอม หยิบคำแนะนำตัวเองที่เขียนไว้ส่งให้ชีอิ้งอ่านด้วยสีหน้าตื่นเต้น
คำแนะนำตัวนี้ถ้าจัดหน้าให้เป็นระเบียบสักหน่อย แล้วเพิ่มประสบการณ์ทำงานเข้าไปอีกสักนิด ก็เอามาใช้เป็นเรซูเม่ได้แล้ว
ชีอิ้งรู้แม้กระทั่งครอบครัวเยวี่ยหลีมีสมาชิกกี่คน เลี้ยงหมากี่ตัว ชอบกินขนมจั้ง* แบบหวานหรือขนมจั้งแบบคาว
เพื่อนนักเรียนที่นั่งอยู่หน้าหลังซ้ายขวาของเธอพอเห็นตัวอย่างก็ทำตามบ้าง คาบประชุมห้องที่เหลือต่อจากนั้นชีอิ้งจึงใช้เวลาหมดไปกับการอ่านเรซูเม่ของเพื่อนร่วมห้อง
หลังเลิกคาบ นักเรียนหญิงในห้องคนหนึ่งก็เรียกชีอิ้งให้ไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน
ช่วงที่เป็นนักเรียน การเข้าห้องน้ำด้วยกันคือสัญญาณของจุดเริ่มต้นมิตรภาพ
แม้ว่าชีอิ้งจะไม่ได้ต้องการคลายกระเพาะปัสสาวะ แต่เมื่อเห็นใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม อบอุ่นเป็นกันเองของเพื่อนๆ เธอก็ปฏิเสธความปรารถนาดีนี้ไม่ลงจึงได้แต่ติดตามไป
บรรดาเด็กผู้หญิงของห้องสองล้อมเธอไว้ตรงกลางราวกับเป็นสิ่งของที่แตกสลายง่ายก็ไม่ปาน
เดินเตาะแตะไป แล้วก็เดินเตาะแตะกลับ ระหว่างนั้นยังแวะคุยกับนักเรียนที่อยู่ห้องติดกันอีกคำสองคำ
“นี่คือนักเรียนพิเศษของห้องพวกเธอเหรอ”
“ดาวประจำห้องของห้องพวกเธอต้องเปลี่ยนคนแล้วไหมล่ะ”
“เธอไม่ได้ยินอะไรเลยจริงเหรอ”
“…”