ทดลองอ่าน Sweet Candy Fairy ให้รักนี้มีแต่ความหวาน บทที่ 2 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

Sweet Candy Fairy ให้รักนี้มีแต่ความหวาน

ทดลองอ่าน Sweet Candy Fairy ให้รักนี้มีแต่ความหวาน บทที่ 2

ภายในเวลาเช้าเดียว ชั้นเรียนปีสองก็ลือกันไปทั่วแล้วว่าที่ห้องสองมีเด็กผู้หญิงหูหนวกหน้าตาสวยมากคนหนึ่งย้ายมา พ่อของเธอเป็นตำรวจที่เสียสละเพื่อประชาชน

แม้ว่าพวกเด็กผู้ชายปลายแถวจากห้องเก้าจะเพิ่งทะเลาะวิวาทกับนักเรียนเกเรของโรงเรียนอื่นมา แถมสองคนในนั้นยังมีแผลบนใบหน้าด้วย แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลต่อการร่วมซุบซิบนินทาของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

ก่อนหน้านี้มีนักเรียนคนแล้วคนเล่าแวะไปที่ห้องสองเพื่อสำรวจนักเรียนพิเศษคนนั้น ไม่ทันไรนายเบิ้มชวีก็เดินสบถกลับมา “เวร! ไม่เห็นแม้แต่เส้นขน พวกหนอนหนังสือห้องสองมันใช้หนังสือปิดหน้าต่างเอาไว้ มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ”

ชื่อเดิมของนายเบิ้มชวีคือชวีเผิง เขามีรูปร่างใหญ่บึกบึนอย่างนักกีฬาทำให้ได้ชื่อนี้มา

“ทำไมจะไม่ต้อง” หลิวไห่หยางเตะเขาหนึ่งที “นั่นเป็นลูกของผู้พลีชีพ! จะให้แกมองส่งเดชได้ไง”

นายเบิ้มชวีไม่พอใจ “มองแค่ทีสองทีเนื้อก็ไม่ได้หลุดออกมาสักหน่อย”

ทางเดินด้านนอกมีเสียงโหวกเหวกดังลอดเข้ามา “ฉันมีรูปของนักเรียนพิเศษ! ใครอยากดูบ้าง”

ในห้องเรียนเกิดความโกลาหลอลหม่านไปชั่วขณะ “ฉันอยากดู! เอามาให้ฉันดู!”

ตรงมุมชิดหน้าต่างแถวสุดท้าย เด็กหนุ่มที่ฟุบอยู่บนโต๊ะเรียนถูกเสียงดังปลุกจนตื่น ศีรษะของเขาไม่ได้เงยขึ้น แต่เท้าเตะไปข้างหน้าแรงๆ หนึ่งที ม้านั่งแถวหน้าล้มลงบนพื้นดังตึงสองครั้ง ห้องเรียนพลันเงียบสงบลง

นายเบิ้มชวีทำท่าบอกหลิวไห่หยางให้เงียบ

แม้แต่พวกเด็กหนุ่มที่คลุกคลีกับเขายังเงียบเสียงเป็นจิ้งหรีดในฤดูหนาว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักเรียนคนอื่นที่หุบปากไปโดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

ผ่านไปพักใหญ่เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นในอากาศ “มีเกียรตินักเหรอ”

นายเบิ้มชวีสีหน้างุนงง “อะไรนะ พี่รั่งพูดว่าอะไรนะ”

เด็กหนุ่มที่ฟุบอยู่บนโต๊ะเรียนเงยหน้าขึ้นในที่สุด ลูกตาดำใต้ผมชี้ฟูที่กระเซอะกระเซิงเหมือนมีดคู่หนึ่ง เวลามองคนแล้วราวกับคมมีดกรีดผ่าน มุมปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียด “ฉันพูดว่า…เสียสละเพื่อประชาชนมีเกียรตินักเหรอ”

อยู่ข้างจี้รั่งมานานขนาดนี้ ถ้ายังไม่รู้สึกว่าเขากำลังอารมณ์ขุ่นมัวก็อยู่ด้วยกันเสียเปล่าแล้ว

ไม่มีใครกล้าต่อคำ

จี้รั่งหัวเราะโดยไร้เสียง แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนอีกครั้ง

จนกระทั่งเลิกเรียน แถวหลังของห้องที่ปกติจะเอะอะเสียงดังกันตลอดก็ยังเงียบเป็นเป่าสาก ทำเอาแม้แต่ครูเองก็ยังแปลกใจว่าทำไมวันนี้นักเรียนเกเรกลุ่มนี้ถึงเชื่อฟังดี

เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนเพิ่งจะดังขึ้น ลั่วปิงจากห้องแปดก็วิ่งทะลวงเข้ามาในห้อง “พี่รั่ง! เมื่อกี้ไอ้เด็กแซ่หลี่รายงานว่าปีหนึ่งมีนักเรียนใหม่ด่าพี่ว่าไอ้เวร!”

จี้รั่งยังคงนอนฟุบหน้าไม่ตอบสนองใดๆ แต่คนข้างๆ จำนวนหนึ่งนั่งไม่ติดที่แล้ว

“เชี่ย! ไอ้งั่งที่ไหนมันบ้าขนาดนี้”

“แม่งเอ๊ย ไอ้สารเลว!”

“ไม่ตีสักวันเด็กมันจะเสียคน นักเรียนใหม่รุ่นนี้บ้าดีเดือดแฮะ”

จี้รั่งลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน หยิบเสื้อนักเรียนขึ้นพาดบ่า “พามันไปที่ตรอกซีถ่า”

ลั่วปิงรับคำสั่ง สะบัดหน้าวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

 

เปิดเทอมวันแรก ความจริงได้เรียนกันแค่ไม่กี่คาบ ส่วนใหญ่ก็รับการบ้าน แจกหนังสือใหม่ ปรับเปลี่ยนที่นั่ง จนตอนบ่ายถึงได้เรียนวิชาภาษาและวรรณคดีหนึ่งคาบและคณิตศาสตร์อีกหนึ่งคาบ

ชาติก่อนชีอิ้งไม่รู้หนังสือ ภายหลังเข้าจวนแม่ทัพแล้วเธอก็ทำได้แค่เขียนชื่อตัวเอง แต่มาตอนนี้เธอมีความทรงจำของร่างกายนี้หลงเหลืออยู่จึงกลายเป็นคนมีความรู้ในทันใด ช่างน่าปลาบปลื้มใจเสียจริง

ผลการเรียนของเจ้าของร่างเดิมก็ไม่แย่ เมื่อก่อนอันดับอยู่ที่สิบคนแรกของระดับชั้น ชีอิ้งมองดูสูตรและรูปทรงเรขาคณิตต่างๆ ในหนังสือคณิตศาสตร์ก็พลันเข้าใจความหมายของมันได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

แม้จะไม่ได้ยินที่ครูสอน แต่เธอก็ยังลอกโน้ตบนกระดานอย่างตั้งใจ

ชีอิ้งรู้ดี ไม่ว่าจะสมัยไหนผู้คนต่างก็ชื่นชอบบุคคลมีการศึกษา มาตอนนี้ไม่ง่ายกว่าจะได้โอกาสในการเรียนหนังสือ ได้รับความเท่าเทียมและอิสรเสรีเหมือนเด็กผู้ชาย จึงยิ่งรักถนอมเป็นหลายเท่าตัว

เยวี่ยหลีจดโน้ตเบียดชิดติดกันทั่วทั้งหน้ากระดาษ พอมองสมุดของชีอิ้งแล้วในชั่วขณะก็รู้สึกว่าตนเองถูกฆ่าเรียบ

เธอส่งแผ่นกระดาษเล็กๆ ให้ชีอิ้งอย่างละอายใจในตัวเอง

 

อิ้งอิ้ง สมุดโน้ตของเธอเป็นระเบียบจัง ให้ฉันยืมลอกหน่อยได้ไหม

 

ชีอิ้งรู้สึกว่าแม้แต่พรสวรรค์ในการเรียนของร่างกายนี้เธอก็น่าจะได้รับสืบทอดมาด้วย จึงให้อีกฝ่ายยืมสมุดโน้ตอย่างใจกว้าง

หลังเลิกเรียนอวี๋จั๋วก็มารับเธอ

ชีอิ้งโบกมือลาเพื่อนนักเรียนที่อยู่รอบๆ ทีละคน แล้วค่อยสะพายกระเป๋านักเรียนเดินออกจากห้องในที่สุด

เพิ่งจะเดินไปถึงประตูโรงเรียน หยางซินหย่วนเพื่อนพ้องของอวี๋จั๋วก็วิ่งรี่มาหา พูดด้วยลมหายใจหอบรัว “เมื่อกี้ฉันได้ยินว่าจี้รั่งส่งคนมาอัดนาย นายรีบหนีไปเร็ว!”

“จี้รั่งไหน”

“คนที่นายด่าว่าไอ้เวรนั่นไง! ขาใหญ่แห่งมัธยมไห่เฉิงหมายเลขหนึ่ง!”

อวี๋จั๋วสีหน้าเปลี่ยนไป แต่เขาไม่ได้กลัวขาใหญ่ในตำนานคนนี้ แค่ว่าตอนนี้ชีอิ้งอยู่ด้วย ถ้าหากว่าชีอิ้งผมหายไปแม้แต่เส้นเดียวล่ะก็…เขากลัวว่าจะโดนพ่อถลกหนังเอาได้

ไม่ไกลออกไป ลั่วปิงพาคนเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางขู่เข็ญคุกคาม

อวี๋จั๋วผลักชีอิ้งไปอยู่ข้างหยางซินหย่วนทันที “นายพาพี่สาวฉันไปที่ร้านชานมชีหลี่เซียงก่อน เดี๋ยวสักพักฉันจะตามไป”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in Sweet Candy Fairy ให้รักนี้มีแต่ความหวาน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com