เจ้าของร้านชานมชีหลี่เซียงเป็นแฟนคลับของโจวเจี๋ยหลุน* ไม่ว่าจะไปที่ร้านเวลาไหนก็มักจะได้ยินเพลงของเจย์ โจวอยู่เสมอ
หยางซินหย่วนซื้อชานมให้ชีอิ้งแก้วหนึ่ง แล้วรอคอยอย่างว้าวุ่นลุ้นระทึก
จนกระทั่งชีอิ้งดื่มชานมทั้งแก้วเสร็จแล้ว แม้แต่ไข่มุกก็ไม่เหลือสักเม็ด อวี๋จั๋วก็ยังไม่กลับมา
เขานึกถึงเรื่องที่จี้รั่งซ้อมรุ่นพี่ที่อยู่ระดับชั้นสูงกว่าจนเข้าโรงพยาบาลเมื่อเทอมที่แล้วก็นั่งไม่ติดอีกต่อไป พิมพ์ข้อความบอกให้ชีอิ้งรออยู่ที่นี่อย่าไปไหนโดยพลการก่อนจะวิ่งออกไปหาอวี๋จั๋ว
แม้ชีอิ้งจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่สังเกตจากคำพูดและสีหน้าของหยางซินหย่วนแล้วเธอก็รู้ว่าสถานการณ์นี้ไม่เข้าท่า และเมื่อนึกถึงปฏิกิริยาของอวี๋จั๋วเมื่อครู่ก็คิดว่าเขาคงจะพบเรื่องเดือดร้อนอะไรบางอย่างจึงอดเป็นห่วงไม่ได้
เมื่อคิดดูแล้ว เธอก็ลุกขึ้นไปตามหาเขา
ตรอกซีถ่าอยู่ที่ประตูหลังของโรงเรียน
อวี๋จั๋วเผชิญหน้ากับคนทั้งกลุ่มซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยตัวคนเดียวโดยไม่ขลาดกลัวเลยสักนิด ตอนเขาอยู่ มัธยมต้นก็เป็นนักเลง ทั้งยังฝึกเทควันโดมานิดหน่อย ทะเลาะวิวาทไม่เต็มร้อยก็ได้สักแปดสิบ ไม่เห็นขาใหญ่โรงเรียนไห่อี* อยู่ในสายตาจริงๆ
เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย แล้วถามขึ้นอย่างหาเรื่องว่า “จะเข้ามาพร้อมกันหรือจะมาทีละคน”
ทุกคนโมโห!
นายเบิ้มชวีถกแขนเสื้อขึ้นแล้วด่า “แกอย่าอวดดีนักเลย เดี๋ยวจะร้องไห้หาพ่อเรียกหาแม่ไม่ทัน!”
คนทั้งกลุ่มกำลังจะบุกเข้าไปซ้อมเขา แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้น “หลีกไป”
อวี๋จั๋วมองดูเด็กหนุ่มที่สูงกว่าเขาหนึ่งช่วงศีรษะเดินเข้ามาจากท่ามกลางกลุ่มคนที่แหวกทางให้ด้วยท่าทางไม่รีบร้อน เปลือกตาหรี่ลงครึ่งเดียว จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ถามเขาว่า “อวี๋จั๋วใช่ไหม”
อวี๋จั๋วแค่นยิ้ม “ฉันเป็นปู่แกต่างหาก”
จี้รั่งกวักนิ้วให้เขา “มา”
อวี๋จั๋วชูหมัดพุ่งเข้าไป
ในการต่อสู้ตัวต่อตัวเขายังไม่เคยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ผลปรากฏว่าหมัดแกว่งใส่ความว่างเปล่า แทบจะในชั่วพริบตาท้องน้อยก็เจ็บแปลบ เขาถูกจี้รั่งกระแทกเข่าใส่จนแทบจะล้มหงาย
อวี๋จั๋วคิดในใจ เสร็จกัน! ประมาทศัตรู พบเจอมือดีซะแล้ว
ทั้งสองยังสู้กันต่อ แต่แล้วตรอกที่สงบเงียบอยู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นมา ตามด้วยคนสิบกว่าคนวิ่งออกมาติดๆ กันจากช่วงหัวโค้งของซอย ในมือถือไม้บ้างอิฐบ้าง
นายเบิ้มชวีด่าเสียงดัง “ฉิบหาย พวกมันซ่องสุมกำลังคน!”
อวี๋จั๋วตะโกนโต้กลับ “ไม่ใช่คนของฉัน!”
นายเบิ้มชวีเพ่งมองแล้วพบว่าเป็นพวกอันธพาลจากโรงเรียนมัธยมหมายเลขสามที่อยู่ติดกันและโดนพวกเขาเล่นงานไปเมื่อเช้านี้
อาศัยตอนที่พวกเขากำลังต่อสู้กันที่นี่ ฉวยโอกาสทำการโจมตี
การสู้ตัวต่อตัวกลายเป็นการรุมสกรัม อวี๋จั๋วที่ยืนอยู่ตรงกลางเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริง เขาจะสู้กับใครก็ไม่ถูกต้องจึงได้แต่ยืนดูการต่อสู้นิ่งๆ
จี้รั่งลงมือหนักจริง ดูออกว่าเคยฝึกฝีมือมา รวบรัดหมดจด ปล่อยหนึ่งหมัดออกไปก็เห็นเลือด แต่ว่าครั้งนี้จี้รั่งตั้งใจมาอัดเขา เดิมทีไม่ได้พาคนมาด้วยสักเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ได้นำเครื่องไม้เครื่องมืออะไรมา อีกฝ่ายกำลังคนมากกว่าแล้วยังมีอาวุธอีกด้วย นับว่าถือดีอย่างมาก
อวี๋จั๋วกำลังใช้ความคิด ร้ายดียังไงก็เป็นโรงเรียนเดียวกัน ช่วยสักหน่อยดีไหมนะ…
ขณะกำลังคิดอยู่ เด็กคนหนึ่งที่ถือก้านเหล็กในมือก็ฉวยโอกาสตอนที่จี้รั่งหันหลังไปรับมือกับคนอีกสองคนพุ่งปราดเข้าไปแล้วเงื้อก้านเหล็กขึ้นฟาด อวี๋จั๋วตวาดเสียงดัง “ระวัง!”
เพิ่งจะสิ้นเสียง ตรงหางตาก็มีเงาคนวาบเข้ามา ยังไม่ทันตอบสนอง คนที่มาถึงด้านหลังของจี้รั่งก็ฝืนรับก้านเหล็กนั้นแทนเขา
พอเห็นชัดว่าผู้มาใหม่เป็นใคร อวี๋จั๋วก็หลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมาในชั่วพริบตา
“พี่!” อวี๋จั๋วโกรธจนตาแทบถลน พุ่งเข้าไปแล้วเตะคนที่ลอบโจมตีกระเด็นไปในเท้าเดียว “ไอ้สารเลว!”
จี้รั่งหันกลับมาทันควัน โอบกอดร่างที่อ่อนปวกเปียกข้างหลังเอาไว้
ปลายจมูกเด็กหนุ่มได้กลิ่นหอมจางๆ
เขาก้มหน้าลงไปสบกับดวงตาคู่หนึ่งซึ่งมีน้ำตาคลอหน่วย ราวกับมีแสงจันทร์แสงดาวโปรยลงมา
เธอเรียกเขาอย่างไร้เสียงว่า “ท่านแม่ทัพ”
เชิงอรรถ
* เทศกาลโคมไฟ ตรงกับวันที่ 15 เดือน 2 ตามปฏิทินจันทรคติจีน
** ถังหูลู่ ผลไม้เคลือบน้ำตาล
* เหล่า คำเรียกที่ใช้กับคนที่สนิทสนมกัน โดยจะวางไว้หน้าแซ่
* ขนมจั้ง หรือขนมจ่าง ขนมจากข้าวเหนียว แบบหวานในไทยเรียกว่า ‘กีจ่าง’ แบบคาวเรียกว่า ‘บ๊ะจ่าง’ ใช้ไหว้ในเทศกาลตวนอู่
* โจวเจี๋ยหลุน หรือ Jay Chou นักร้องชายของไต้หวัน ‘ชีหลี่เซียง’ ที่แปลว่าต้นแก้วก็เป็นหนึ่งในชื่อเพลงและอัลบั้มของโจวเจี๋ยหลุน
* ไห่อี คำเรียกย่อๆ ของโรงเรียนมัธยมไห่เฉิงหมายเลขหนึ่ง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 9 มิ.ย. 65 เวลา 12.00 น