อวี๋จั๋วเพิ่งด่า “ไอ้สารเลว” ออกไปได้คำเดียวก็เห็นจี้รั่งก้มลงอุ้มชีอิ้งขึ้นในท่าเจ้าหญิง เดินก้าวใหญ่ไปทางประตูโรงเรียน เขาทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงแค่เดินตามไป
ชีอิ้งปวดไหล่ราวกับมีไฟเผา แต่พอได้กลิ่นควันจางๆ บนตัวเด็กหนุ่มผสมกับกลิ่นหอมของเจ้าเจี่ยว* ที่ปกเสื้อ และได้ยินเสียงจังหวะหัวใจหนักหน่วงที่อกของเขา ความทรงจำก็ถูกดึงย้อนกลับไปในวันแรกที่เข้าจวนแม่ทัพ
วันนั้นท่านแม่ทัพช่วยเธอออกมาจากรังโจร เมื่อกลับไปถึงจวนแม่ทัพเขาก็ลงจากม้าก่อนแล้วจึงอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยท่าทางเช่นนี้ อุ้มเธอไว้ตลอดทางที่เดินเข้าจวน
เธอเหลือบตาขึ้นเล็กน้อยมองเห็นกรามคมสันของเขา ใบหน้าด้านข้างคมกริบราวกับถูกเหลาด้วยใบมีดจนคมมาแต่ไหนแต่ไร
ทว่าเด็กหนุ่มในเวลานี้ผิวพรรณขาวเนียนขึ้นมาก บนตัวไม่มีท่วงท่าเด็ดเดี่ยวของการประหัตประหาร แม้แต่เครื่องหน้าที่ติดตรึงอยู่ในเลือดเนื้อของเธอก็ยังดูอ่อนเยาว์
แต่เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย
เป็นท่านแม่ทัพของเธอ…
จี้รั่งรู้สึกได้ถึงสายตาของคนในอ้อมแขน เขาก้มหน้ามอง
เด็กสาวในอ้อมกอดยังคงจับชายเสื้อเขาไว้แน่น เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จ้องเขาเป็นพักๆ เมื่อเห็นเขาก้มลงมา มุมปากก็หยักโค้งเป็นรอยยิ้มหวานหยดทันใด เบ้าตามีน้ำตาเอ่อคลอ ขยับปากเป็นคำว่า “ท่านแม่ทัพ” อีกครั้ง
จี้รั่งเห็นแค่รูปปากแต่ไม่ได้ยินเสียง เขาไม่รู้เลยว่าเธอกำลังพูดอะไรอยู่จึงถามขึ้นว่า “เธอพูดไม่ได้เหรอ”
เด็กสาวในอ้อมกอดไม่พยักหน้าและไม่ส่ายศีรษะ เพียงแค่ใช้ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
จี้รั่งยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น “หูฟังไม่ได้เลยไม่ได้ยินสินะ”
สิ้นเสียงสีหน้าของเขาพลันขรึมลง อยู่ๆ ก็นึกถึงนักเรียนพิเศษคนนั้นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งระดับชั้นเมื่อเช้านี้
บุตรธิดาของผู้พลีชีพ เด็กผู้หญิงที่หูหนวกและสวยมากๆ
เขากระชับแขน พลันยิ้มออกมา “น่าสนใจชะมัด”
รถพยาบาลมาถึงประตูโรงเรียนในไม่ช้า
เพราะเป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของโรงเรียนพอดี บริเวณประตูโรงเรียนจึงมีคนเดินไปมาพลุกพล่าน รถพยาบาลเปิดไซเรนแล่นเข้ามาดึงดูดสายตาผู้คนไม่น้อย ยามของโรงเรียนวิ่งจ้ำอ้าวเข้าไปถามคุณหมอที่กระโดดลงมาจากรถ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
คุณหมอบอกว่า “นักเรียนโรงเรียนคุณเรียกรถพยาบาล แล้วคนเจ็บล่ะ”
จี้รั่งอุ้มชีอิ้งเดินเข้าไป “อยู่นี่”
ยามทำสีหน้าที่อ่านได้ว่า ‘ทำไมเป็นแกอีกแล้วที่ก่อเรื่อง’
จี้รั่งหน้าไม่เปลี่ยนสี อุ้มชีอิ้งขึ้นรถพยาบาลไปท่ามกลางสายตาของฝูงชนที่จับจ้องมา อวี๋จั๋วปีนตามขึ้นไปแล้วร้องตะโกนด้วยความร้อนใจเป็นไฟสุม “หมอครับ รีบตรวจดูพี่สาวผมเร็ว! เธอบาดเจ็บไปถึงศีรษะหรือเปล่าครับ”
ไม่งั้นทำไมอยู่ๆ พี่สาวของเขาถึงได้ไปชอบไอ้จี้รั่งเวรนี่!
คุณหมอตรวจอย่างรวดเร็วไปรอบหนึ่ง “ที่ศีรษะไม่มีอาการบาดเจ็บภายนอกให้เห็นชัดเจน รอไปถึงโรงพยาบาลแล้วค่อยตรวจสอบอย่างละเอียดอีกทีแล้วกัน”
อวี๋จั๋วจ้องจี้รั่งเขม็ง
จี้รั่งชายตามองอีกฝ่าย เมื่อริมฝีปากหยักยกขึ้นใบหน้าก็ดูเหี้ยมเกรียมเป็นพิเศษ “คิดว่าฉันอารมณ์ดีนักหรือไง”
อวี๋จั๋วมองดูชีอิ้งที่นั่งอยู่ข้างจี้รั่งอย่างเรียบร้อยน่าเอ็นดู แถมมือยังจับชายเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ภายในใจของเขาก็สุดจะทนจริงๆ แล้วในตอนนั้นเองเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น
หยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นพ่อของเขาโทรมา
อวี๋จั๋วหวาดกลัวขึ้นมาในทันใด เขารับสายด้วยอาการเนื้อตัวสั่นระริก อวี๋เฉิงถามมาจากอีกฝั่งของสาย “พวกลูกเลิกเรียนหรือยัง พ่อเพิ่งเลิกงาน กำลังจะไปรับลูกกับอิ้งอิ้ง”
อวี๋จั๋วลำบากใจจนพูดไม่ออกจริงๆ จึงเลี่ยงไป “พวกเรานั่งรถเมล์กลับกันก็ได้ ไม่ใช่ทางผ่านพ่อสักหน่อย”
“จะให้อิ้งอิ้งไปเบียดอยู่บนรถเมล์ได้ไง พวกลูกรออยู่ที่โรงเรียนก่อน อีกแป๊บเดียวพ่อก็ถึง”
อวี๋จั๋วจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ขณะกำลังจะยอมรับสารภาพ ชีอิ้งก็ยื่นโทรศัพท์มือถือมาตรงหน้าเขา บนหน้าจอมีข้อความเขียนไว้ว่า