เช้าวันรุ่งขึ้นหลังกินอาหารเช้าเสร็จ อวี๋เฉิงก็ขับรถไปส่งอวี๋จั๋วและชีอิ้งที่โรงเรียนตามปกติ ชีอิ้งที่เดิมต่อต้านการไปโรงเรียนอยู่ลึกๆ ครั้งนี้กลับเดินเข้าประตูโรงเรียนไปอย่างมีความสุข
พอเข้าไปในห้องเรียนก็พบว่าเพื่อนในห้องต่างมองเธอด้วยสายตาสนใจ ชีอิ้งไม่ทราบสาเหตุ เพิ่งจะนั่งลงเยวี่ยหลีก็ถืออาหารเช้ากระวีกระวาดวิ่งเข้ามา พอเห็นชีอิ้ง ดวงตาอีกฝ่ายก็ถลนแล้วรีบวิ่งมาหยุดอยู่ข้างๆ เธอ พูดอะไรบางอย่างรัวเร็วยาวเป็นพืด
พูดอยู่นานถึงนึกได้ว่าชีอิ้งไม่ได้ยิน เยวี่ยหลีตบหน้าผากแล้วหยิบสมุดการบ้านขึ้นมาเขียนข้อความ
‘อิ้งอิ้ง เธอไม่เป็นไรใช่ไหม! เธอไปหาเรื่องจี้รั่งได้ยังไง!’
‘ฉันไม่เป็นไร ทำไมเหรอ’
ชีอิ้งเขียนตอบกลับไปด้วยสีหน้างุนงง
เยวี่ยหลีไม่ชอบใจที่เขียนช้า มองซ้ายมองขวาไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นครูอยู่แถวนี้จึงล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยท่าทางหลบๆ ซ่อนๆ
เยวี่ยหลี : ‘เมื่อวานตอนเลิกเรียนรถพยาบาลขับมาถึงประตูโรงเรียน! นักเรียนตั้งหลายคนเห็นเธอโดนจี้รั่งทำร้าย!
ชีอิ้ง : ‘…’
เธอเตรียมจะพิมพ์ตอบกลับ แต่หลิวชิ่งหวากลับก้าวเข้ามาในห้องเรียนอย่างรวดเร็ว เยวี่ยหลีเก็บโทรศัพท์มือถือทันที หลิวชิ่งหวาเดินตรงมาหยุดอยู่ข้างหน้าชีอิ้งแล้วมองเธอด้วยสีหน้าเป็นห่วงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทำท่าบอกให้เธอตามตนไปที่ห้องทำงาน
รอจนชีอิ้งออกไปแล้ว นักเรียนชายจำนวนหนึ่งในห้องก็เริ่มซุบซิบนินทากัน “นักเรียนใหม่เพิ่งมาได้วันเดียวเอง คนห้องเก้าไม่ใช่คนดีจริงๆ!”
“ใช่! รังแกคนหูหนวกนับเป็นอะไรได้!”
“ปกติจี้รั่งวางอำนาจบาตรใหญ่ก็ว่าไปอย่าง แต่ทำไมถึงลงมือกับนักเรียนพิเศษล่ะ!”
“เรื่องแดงไปถึงครูใหญ่โน่นแล้ว ดูซิว่าครั้งนี้เขายังจะพูดอะไรได้อีก”
“เทอมที่แล้วตอนเขาซ้อมรุ่นพี่ปีสามจนเข้าโรงพยาบาล ฉันยังนึกว่าเขาจะโดนไล่ออก แต่ปรากฏว่าดันไม่มีเรื่องบ้าอะไรเกิดขึ้นเลย คราวนี้จะต้องหนีไม่พ้น นั่นเป็นลูกของผู้พลีชีพเชียวนะ!”
นักเรียนหญิงที่แอบชอบจี้รั่งมีไม่น้อย ในห้องสองเองก็มีเช่นกัน และพวกเธอก็สวนขึ้นทันควัน “เรื่องเป็นยังไงกันแน่ก็ยังไม่รู้ แต่ที่ผ่านมาจี้รั่งไม่ทำร้ายผู้หญิง”
“ผู้ชายปากมากยกกลุ่มกล้าด่าแค่ในห้อง ถ้าเก่งกล้านักก็ไปพูดต่อหน้าจี้รั่งสิ”
นักเรียนในห้องทะเลาะกันจนหาทางลงไม่ได้ ส่วนในห้องทำงานของหลิวชิ่งหวา ชีอิ้งก็ได้เข้าใจจากครูแล้วว่าที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่นานผู้อำนวยการการศึกษาและครูใหญ่ก็เร่งตามมา
ทั้งที่บอกไว้ว่าจะให้สภาพแวดล้อมที่อบอุ่นเป็นมิตรแก่บุตรธิดาของผู้พลีชีพ แต่เพิ่งจะเปิดเทอมวันแรกก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ผู้อำนวยการการศึกษาโมโหจะตายอยู่แล้ว “ผมบอกแล้ว! เก็บจี้รั่งนั่นไว้มีแต่จะเป็นภัย! ควรจะไล่เขาออกตั้งแต่เทอมที่แล้ว เป็นตัวปัญหาของโรงเรียนมัธยมหมายเลขหนึ่งของเราจริงๆ เลย!”
พูดพลางเดินมาจนถึงห้องทำงาน จากนั้นก็ได้แต่สงวนถ้อยคำแล้วหันมาสนใจชีอิ้ง
ชีอิ้งจับปากกาเขียนข้อความลงบนสมุดว่า
‘จี้รั่งไม่ได้ทำร้ายหนู เป็นเรื่องที่เล่าต่อกันผิดๆ’
ผู้อำนวยการการศึกษาเขียนตัวอักษรด้วยลายมือวิจิตรตระการตา ชีอิ้งอ่านอยู่นานถึงเข้าใจ
‘นักเรียนชีอิ้ง เธอไม่ต้องกลัว พูดความจริงออกมา! โรงเรียนเราไม่มีทางเก็บเขาเอาไว้เด็ดขาด!’
ขณะที่ชีอิ้งกำลังจะเขียนอธิบายเรื่องทั้งหมด หลิวเหยาครูประจำชั้นห้องเก้าก็พาตัวจี้รั่งเข้ามา
หลิวเหยาปกติแล้วไม่ค่อยยุ่งกับจี้รั่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยยุ่งด้วยมาก่อนเลย แต่เพราะรู้ว่ายุ่งไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าอย่างไรจี้รั่งก็ยังคงมีสีหน้าท่าทางไม่สนใจไยดีต่อสิ่งใดอยู่เสมอ ทำให้นึกสงสัยว่าเด็กหนุ่มฟังคำพูดของเขาไม่เข้าหัวเลยแม้แต่คำเดียว
ภายหลังจึงค่อยๆ คร้านที่จะสนใจจี้รั่งแล้ว ขอเพียงเด็กหนุ่มไม่ก่อเรื่อง หลิวเหยาก็จะหลับตาข้างลืมตาข้าง
ทว่าครั้งนี้ดันไปรังแกนักเรียนพิเศษเข้าเสียได้!
หลิวเหยาต่อว่าเขามาตลอดทาง แต่จี้รั่งยังคงท่าทีราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเอาไว้
เมื่อเข้าไปในห้องทำงานเห็นชีอิ้งที่นั่งอยู่ในนั้นท่าทางว่าง่ายดูน่ารักน่าเอ็นดู มุมปากก็ยกขึ้นคล้ายจะยิ้มก็ไม่ยิ้มก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน
ผู้อำนวยการการศึกษาโมโหจนแทบจะกระโดด “แกยืนขึ้นมา!”
จี้รั่งไม่เพียงไม่ยืนขึ้น แต่ยังยกขานั่งไขว่ห้าง ดูจากท่าทางแล้วเหมือนเขาอยากจะจุดบุหรี่ด้วยซ้ำ
สีหน้าของบรรดาครูทั้งหลายดูไม่ดีนัก ครูใหญ่มองเขาแวบหนึ่งด้วยแววตาซับซ้อนก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงหนักอึ้ง “จี้รั่ง เรื่องครั้งนี้เป็นมายังไงกันแน่ พวกครูอยู่กันพร้อมหน้า อธิบายที”
จี้รั่งที่แม้แต่เปลือกตายังคร้านจะเลิกขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย “มีอะไรต้องอธิบายอีก ไม่ใช่ว่าพวกคุณตัดสินว่าผมทำร้ายคนไปแล้วเหรอ จะลงโทษยังไงก็รีบว่ามา”
ผู้อำนวยการการศึกษากำลังจะด่าอีกรอบ ครูใหญ่ก็ยื่นมือไปห้ามเขาแล้วเอ่ยต่อ “ครูรู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กแบบนั้น ถึงจะใจร้อนไปบ้าง แต่ไม่ใช่คนไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก…”
ยังพูดไม่ทันจบ เสื้อของครูใหญ่ก็ถูกดึง
ครูใหญ่หันกลับมาเห็นชีอิ้งยืนอยู่ข้างหลัง ยื่นมือส่งสมุดเล่มหนึ่งมาให้ บนนั้นเขียนข้อความไว้อยู่ย่อหน้าหนึ่ง
บรรดาครูทั้งหลายต่างก้มหน้าลงอ่าน
รอจนอ่านเสร็จ สีหน้าโมโหดุเดือดเมื่อครู่นี้พลันเปลี่ยนเป็นซับซ้อน
บนใบหน้าครูใหญ่ปรากฏรอยยิ้ม หันมามองจี้รั่ง “ครูว่าแล้ว เธอไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก ทำไมถึงไม่ยอมอธิบายกับครูในเรื่องดีงามกล้าหาญเพื่อความถูกต้องนี้ล่ะ”
“…”
จี้รั่งนิ่งอึ้ง
เขาทำอะไรลงไปงั้นเหรอ ทำไมถึงไปเกี่ยวข้องกับการทำเรื่องกล้าหาญเพื่อความถูกต้องได้ล่ะ