ร้านชุดแต่งงาน ‘ฮารา’ ย่านชองดัมดง
ฮยอนซึงฝากให้พนักงานรับจอดรถนำรถเขาไปจอด จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาในร้าน พื้นที่สามชั้นตลอดทั้งอาคารเป็นของร้านฮาราทั้งหมด ที่นี่จำหน่ายเฉพาะชุดแต่งงานแบบสั่งตัดเท่านั้น นับเป็นร้านในฝันของเหล่าเจ้าสาวก็ว่าได้ ขั้นตอนการผลิตจะเริ่มตั้งแต่การออกแบบซึ่งใช้เวลาถึงสองเดือน และการรอเพื่อสั่งตัดซึ่งใช้เวลาต่ออีกหกเดือน กระนั้นลูกค้าก็ยังเนืองแน่น กลุ่มลูกค้าหลักย่อมเป็นพวกดารานักแสดง ผู้มียศตำแหน่งในแวดวงการเมือง ทายาทตระกูลใหญ่ และบุคคลมีชื่อเสียงต่างๆ
“มาแล้วเหรอคะ”
“ครับ” ฮยอนซึงตอบรับคำทักทายของผู้จัดการร้านแบบสบายๆ
ภายในร้านเป็นสีขาวล้วน เพดานสูงเทียบเท่ากับชั้นสองจึงให้ความรู้สึกโอ่โถง ตรงกลางพื้นที่ชั้นหนึ่งมีการจัดแสดงชุดแต่งงานเอาไว้ โดยรอบนั้นเป็นห้องให้คำปรึกษา ส่วนชั้นสองเป็นห้องลองชุดกับพื้นที่ห้องท่านประธาน และชั้นสามเป็นห้องสำหรับตัดเย็บชุด
“ท่านประธานอยู่ข้างบนค่ะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
ฮยอนซึงเดินขึ้นบันไดเวียนเพื่อไปยังห้องประธานที่ชั้นสอง จีซึงซึ่งเป็นประธานของร้านนี้คือพี่สาวคนโตที่แก่กว่าเขาสิบปี ส่วนพี่สาวคนรองที่แก่กว่าเขาแปดปีนั้นเป็นนักร้องโอเปร่า
ฮยอนซึงเคาะประตูพร้อมกับเดินเข้าไปด้านใน จีซึงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานส่งยิ้มแห้งๆ ต้อนรับเขา พี่สาวน้องชายบ้านนี้สนิทสนมกันมากทีเดียว
“มาแล้วเหรอ”
“สุดสัปดาห์เวลาทองทีไร เป็นต้องเรียกมาที่ร้านให้ได้เลยนะ”
“เพราะเป็นสุดสัปดาห์เวลาทองนี่แหละ ไม่งั้นน้องชายสุดหล่อของพี่ก็เอาแต่ขลุกอยู่ในบ้านน่ะสิ”
จีซึงลุกจากโต๊ะเดินมาหาน้องชายพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย สำรวจไปทั่วตัวเขา
“ทำไม มีอะไร”
“ปัญหาอยู่ตรงไหนหนอ วันอากาศดี๊ดีแบบนี้ น้องชายยังอุตส่าห์มาช่วยงานพี่สาวได้”
“พี่เป็นคนสั่งเองนะ”
จีซึงยืนกอดอก กวาดตามองชายหนุ่มโดยไม่สนใจที่เขาพูด
“มองผ่านๆ ยังหล่อ ฝ้ากระก็ไม่มี ตัวก็สูง นี่เกินร้อยแปดสิบใช่มั้ย”
“จะกรอกประวัติให้ผมรึไง”
“ไหล่อาจจะกว้างเหมือนนักเลงแต่ก็สมส่วนดี ใต้เสื้อนี่ต้องเป็นกล้ามแน่นๆ แน่”
“จะจับถอดชุดแล้วใช้ผมเป็นแบบสินะ”
“รูปร่างภายนอกไม่มีจุดไหนให้ตำหนิ…” จีซึงพร่ำพูดต่อพลางจ้องหน้าฮยอนซึงเขม็ง “หรือปัญหาจะอยู่ที่นิสัย?”
“หึ”
ฮยอนซึงแค่นหัวเราะเบาๆ ผ่านจมูก จีซึงยังคงเคร่งเครียด
“มีมุมที่เย็นชาอยู่บ้างแหละ แต่เท่าที่สังเกตก็เป็นเฉพาะเวลาทำตัวกับพี่ๆ ถ้าเป็นผู้หญิงของตัวเองก็คงหวานกว่านี้ มนุษยสัมพันธ์ดีเข้ากับคนง่าย ไม่เหนียมอายกับผู้หญิง นิสัยก็พอกล้อมแกล้ม น่าจะดึงดูดสาวๆ รุ่นราวคราวเดียวกันสบายๆ เลยนี่นา” จีซึงใคร่ครวญชั่วขณะก็ดีดนิ้วดังเป๊าะ “หรือว่าเธอเป็นพวกตายด้าน!”
“หา?”
ข้อสรุปของจีซึงทำเอาฮยอนซึงอึ้งจนไปต่อไม่ถูก ฝ่ายจีซึงนั้นจริงจังมาก น้องชายเธอควรจะกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาให้สมกับที่เป็นหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดไม่ใช่หรือ แต่นี่ชักจะเข้าขั้นน่าเป็นห่วงเสียแล้วเพราะเขาไม่มีสาวข้างกายแม้แต่คนเดียว จีซึงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าน้องชายเคยมีแฟนเมื่อไหร่
“ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมไม่คิดจะมีแฟนสักที จะผู้ชายหรือผู้หญิงก็เถอะ ไม่เห็นคบใครเลย”
“ให้คบผู้ชายได้เหรอ”
“จริงๆ ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นหรอก แต่แล้วไง ถ้าเธอต้องการ”
คำตอบเท่ๆ ของพี่สาวทำเอาฮยอนซึงหัวเราะอย่างไม่อยากเชื่อ อันที่จริงเขารู้ตัวว่าไม่มีทางเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
“เท่จัง”
ฮยอนซึงนั่งลงบนโซฟา จีซึงเดินเข้ามาหาแล้วยกมือเท้ากับพนักโซฟาฝั่งตรงข้าม
“ทำไมไม่คบใครเลยล่ะ หรือว่าคบอยู่ แต่ไม่พามาเจอพี่”
“ยุคนี้จะเปิดตัวว่าคบทีละสองคนอย่างพี่ก็ลำบากอยู่นะ”
“จริงอ้ะ มีแฟนแล้วจริงๆ แต่ไม่พามาเจอหรอกเหรอเนี่ย”
จีซึงตาเป็นประกาย ฮยอนซึงจึงรีบพูดเป็นการดับไฟก่อนที่ความคาดหวังจะลุกโชติช่วงไปมากกว่านี้
“เปล่าซะหน่อย มีผู้หญิงมาชอบผมเยอะแยะ แต่ผู้หญิงที่ผมชอบกลับไม่สนใจผมแม้แต่ปลายเล็บ มัวตกหลุมรักชายอื่นอยู่”
“อุ๊ยตาย แอบรักเขาข้างเดียว”
ฮยอนซึงได้ยินแล้วก็ฉีกยิ้มสั้นๆ ช่างเป็นคำที่ไม่เหมาะกับเขาเอาเสียเลย ทว่าถึงจะไม่เหมาะ แต่ก็นับว่าถูกต้อง
“อื้ม รักข้างเดียว เอาตรงๆ คือเคยรักข้างเดียว”
เพราะฮยอนซึงดันไปเห็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันระหว่างซงอากับแจชินเมื่อวานเข้า เขาจึงหมายมั่นจะตัดใจทันที แม้เสียดายก็ไม่ได้มีความคิดจะแย่งชิงกับใคร อีกอย่างคือตอนนี้ซงอาก็ดูมีความสุขดี
“เคยรักข้างเดียว? เป็นอดีตไปแล้วนี่ ยังไม่ลองทำอะไรก็จะยอมแพ้ไปเฉยๆ เหรอ”
“ก็บอกแล้วไงว่าเขามีแฟนแล้ว ผมเองก็ไม่รู้มาก่อน จู่ๆ เรื่องก็เป็นแบบนี้”
ฮยอนซึงรู้สึกขมในปาก ความคิดหนึ่งวาบขึ้นมา
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่ารุ่นพี่มีแฟนแล้ว เราจะยังชอบมั้ยนะ
เขาได้คำตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดนาน
ก็คงลองพยายามดูล่ะมั้ง ช่วยไม่ได้แฮะ