เมื่อได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากด้านข้าง ฮยอนซึงก็รีบเหล่มองทันที เขาเฝ้าดูซงอาเปิดซิปกระเป๋าใบเล็กบนโต๊ะโดยไม่พูดอะไร วันนี้เธอก็ยังหยิบลิปสติกสีชมพูที่ทำให้เขาใจสั่นออกมาโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าแฟนตัวเองเป็นคนพรรค์ไหน ริมฝีปากเธออวบอิ่มเป็นกระจับสวย พอเคลือบด้วยสีชมพูแล้วยิ่งดูน่าหลงใหลจนอยากเข้าไปขบเม้มเสียเดี๋ยวนี้
โธ่เว้ย!
ฮยอนซึงบีบเม้าส์ในมือแรงขึ้น แค่นึกภาพริมฝีปากเธอกระซิบบอกรักไอ้ขยะนั่นต่อหน้า เขาก็โมโหจนแทบทนไม่ได้ หากซงอาทาลิปสติกแท่งนั้นก็หมายความว่าเธอกำลังจะแอบไปหาแจชิน นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ฮยอนซึงค้นพบจากการจับสังเกตเธอกับแจชินอย่างใกล้ชิดมาตลอดสองสัปดาห์ ซงอาที่ทาลิปสติกสีนั้นดูไม่สวยในสายตาของฮยอนซึงอีกต่อไป และเขาทนดูอยู่เฉยๆ ไม่ไหวแล้ว
“รุ่นพี่”
ซงอาปิดปลอกลิปสติก หันมามองตามเสียงเรียก
“หืม?” เธอส่งเสียงเป็นเชิงถามอย่างใสซื่อ
ฮยอนซึงทำหน้าสดใส ยื่นมือไปที่ริมฝีปากของเธอ
“อย่าทาลิปสติกนี้เลยครับ”
มือเขาเฉี่ยวผ่านริมฝีปากไปจับคางเธอเบาๆ ประกายสีชมพูซึ่งเคยก่อกวนจิตใจเขาเลือนไปเล็กน้อย เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้ซงอาตาเบิกโพลง ชั่วครู่ให้หลังริมฝีปากเปื้อนๆ ก็เผยอขึ้น
“ทำอะไรน่ะ”
ฮยอนซึงยังคงแตะคางเธออยู่โดยไม่พูดอะไร ทำเพียงเลื่อนสายตาออกจากริมฝีปาก ครั้นเห็นสายตาอึ้งงันแกมต่อว่าของหญิงสาว เขาก็ยิ่งอยากดื้อรั้นกว่าเก่า
ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าผู้ชายที่คบอยู่เป็นคนแบบไหน เด็กโง่ชัดๆ…
ฮยอนซึงดึงมือกลับ ตอบห้วนๆ
“มันไม่ค่อยสวยน่ะ”
“หา?”
คำตอบที่ได้รับสร้างความประหลาดใจแก่ซงอาก็จริง ทว่ายังมีสิ่งอื่นที่ทำให้เธอโมโหมากกว่านั้น
ฮยอนซึงสบตาเธอตรงๆ
พูด…หรือไม่พูดดี
วันนี้เขายังคงคิดไม่ตก ตัดสินใจไม่ได้ว่าซงอาควรฟังจากปากของแจชิน หรือเขาจะเป็นคนบอกเองดี ใจจริงเขาอยากจะรีบบอกให้เร็วที่สุด แต่การที่เขามีส่วนรับรู้โศกนาฏกรรมนี้ด้วยอาจยิ่งทำให้เธอเจ็บปวด ฮยอนซึงจึงพูดอะไรไม่ออก ถ้าซงอารู้ความจริงเข้า เจ้าตัวคงปรารถนาจะเก็บมันเอาไว้เงียบๆ
แจชินคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมจนป่านนี้ก็ยังไม่บอกไม่กล่าวเธอ
ฮยอนซึงคาดว่าซงอาต้องเป็นฝ่ายถูกทิ้งแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเธอควรจะระแคะระคายมาตั้งนานแล้วด้วย หลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจนว่าแจชินยังไม่ได้พูดอะไรเลยก็คือลิปสติกประกายสีชมพูที่เปรอะเลือนเพราะมือฮยอนซึงนั่นเอง
กะคบกับรุ่นพี่เล่นๆ ไปถึงตอนร่อนการ์ดเลยหรือไง คงไม่คิดจะหลอกกันจนวันแต่งงานหรอกนะ
ซงอาที่มองฮยอนซึงอย่างตระหนกเพิ่งรู้สึกตัวเอาตอนนี้ว่าเขาหยาบคาย
“ไม่ค่อยสวยเหรอ อะไรไม่สวย ลิปสติกไม่สวย หรือว่าฉันที่ทาลิปสติกไม่สวยกันแน่”
ฮยอนซึงชะงัก ก่อนจะหันมาตอบทื่อๆ
“ทั้งสองอย่างครับ”
“ทั้งสองอย่าง?”
“รุ่นพี่ที่ทาลิปสติกสีนี้ออกจะสวยน้อยกว่าเก่าด้วยซ้ำ”
“หา? จริงๆ เลยเจ้าเด็กนี่!”
ซงอาโมโหในที่สุด ไม่เข้าใจเลยว่าฮยอนซึงซึ่งปกติมีความเป็นผู้ใหญ่มาตลอด ทำไมจู่ๆ ก็ทำตัวเหมือนเด็กขี้แกล้ง ขณะที่เธอตั้งท่าจะจับเก้าอี้เขาหมุน แจชินก็เดินผ่านด้านหลังทั้งคู่ไป
“ผมขอตัวขึ้นไปประชุมชั้นบนนะครับ”
ซงอามองแจชินแล้วดึงทิชชูเปียกมาเช็ดรอบๆ ริมฝีปาก ก่อนจะลุกขึ้นพลางขู่ฮยอนซึงเสียงเบา
“อีกเดี๋ยวขอคุยด้วยหน่อยนะ!”
ซงอาไล่ตามแจชินอย่างระมัดระวังไปยังบันไดหนีไฟแทนที่จะเป็นลิฟต์ และฮยอนซึงก็มองตามเธอไปด้วยสายตาไม่พอใจ
ได้ครับ อีกเดี๋ยวคุยกัน